However employees at small companie

However employees at small companies may experience less stress at work due to direct contacts within the company.
Respondents’ views on who was responsible for handling work-related stress in OHS and enterprises varied. The OHS was seen as responsible for work-related stress most in the smallest and biggest companies. In the companies that were categorized as middle size (between 51–101 workers) the importance of collaboration with administration, HR and occupational health and safety department in work-related stress issues was emphasized. In the larger enterprises, respondents favored OHS collaboration with the HR department and supervisors in stress issues, leaving administration in the background. In contrast, respondents from smaller companies attributed the responsibility to the administration and the OHS.
It is possible that in smaller workplaces HR matters are included in the administration’s responsibilities as they do not have an HR department. In larger workplaces the administration may be seen as too remote from this kind of decision, thus respondents may have assigned the responsibility to the HR department and supervisors.
Collaboration with OHS was seen as important. The need for active communication between the workplace and OHS, with regular meetings was highlighted. Respondents expected preventive activities by OHS in workplaces. It seems that there is inadequate knowledge of work-related stress prevention actions in workplaces and OHS support is needed. This supports previous research results16).
Different reviews of job stress interventions suggest that the common approach to combating job stress is to focus on the stressed individual without due consideration of the direct impacts of working conditions on health17–21). In the USA in 80’ health promotion activities were assessed in private work places. Stress management activities were provided at 27% of surveyed work sites in the country. The frequency of activities provided varied by industry type and by region of the country22). The situation was similar in our study − work-related stress management activities have been conducted in only a few enterprises. As the response rate to mail questionnaire in first round of our study was low there might be quite few work places with active stress management programs in Finland.
Psychosocial risks like work-related stress have been evaluated also to be important part of occupational safety and health (OSH). The guidance on dealing with psychosocial risk factors by occupational safety and health has been published by International organizations and EU agencies, which based on risk management approach. The best practices in real life have been reviewed in Europe and in these different assessments on EC (European Community) regulatory standards on practice have been found out the gap between policy and practice due to a lack of clarity related to regulatory frameworks and guidance on the management of psychosocial risks, but also barriers related to enterprise characteristics and management at enterprise level. The level of acknowledgement, awareness and prioritization of these issues varies between countries association with a lack of expertise, research and appropriate infrastructure. There has found out low prioritization of preventive actions at enterprise level. There is a need for systematic and effective policies to prevent and control psychosocial risks at work, linked to companies’ management practices with tools that support organizations at the organizational level.
In the secondary analysis of ESENER study (European Survey of Enterprises on New and Emerging Risks) revealed that the most important driver of managing workrelated stress is OSH management, and the most important barriers were lack of the technical support and guidance and lack of resources. Good OSH management turned out to be the strongest predictor for all procedures and measures to deal with psychosocial risks, independent of the size, sector, status, and country of origin of the enterprises. They found out a need for continuous support and further knowledge on how to establish good psychosocial risk management procedures for work-related stress11).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อย่างไรก็ตาม พนักงานที่บริษัทขนาดเล็กอาจพบน้อยความเครียดในการทำงานเนื่องจากการติดต่อโดยตรงภายในบริษัทมุมมองของผู้ตอบที่รับผิดชอบการจัดการความเครียดที่เกี่ยวข้องกับงานใน OHS และกิจการที่แตกต่างกัน OHS ถูกมองว่าเป็นความรับผิดชอบสำหรับความเครียดที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในบริษัทที่ใหญ่ที่สุด และเล็กที่สุด ในบริษัทที่ถูกจัดประเภทเป็นขนาดกลาง (ระหว่างคนงาน 51-101) ได้เน้นความสำคัญของการร่วมมือกันจัดการ HR และฝ่ายความปลอดภัยในเรื่องของความเครียดเกี่ยวกับงานอาชีวอนามัย ในองค์กรขนาดใหญ่ ผู้ตอบชื่นชอบ OHS ร่วมกับฝ่ายทรัพยากรบุคคลและหัวหน้างานในเรื่องของความเครียด ออกดูแลในพื้นหลัง คมชัด ผู้ตอบจากบริษัทขนาดเล็กเพราะความรับผิดชอบการดูแลและการ OHSเป็นไปได้ว่า ในสถานที่ทำงานเล็ก HR เรื่องรวมอยู่ในการดูแลรับผิดชอบจะไม่มีฝ่ายการ ในการดูแลอาจจะเห็นได้เป็นระยะไกลเกินไปจากชนิดของการตัดสินใจทำงานใหญ่ ดังนั้นผู้ตอบอาจได้มอบหมายความรับผิดชอบฝ่ายและหัวหน้างานร่วมมือกับ OHS ที่เห็นความสำคัญ มีเน้นความจำเป็นสำหรับการสื่อสารใช้งานระหว่างทำงานและ OHS ประชุมเป็นประจำ ตอบคาดว่ากิจกรรมเชิงป้องกัน โดย OHS ในสถานที่ทำงาน ดูเหมือนว่า มีความรู้ไม่เพียงพอของความเครียดที่เกี่ยวข้องกับการทำงานการป้องกันการดำเนินการในสถานที่ทำงาน และสนับสนุน OHS จำเป็นต้อง นี้รองรับ results16 งานวิจัยก่อนหน้านี้)ความคิดเห็นที่แตกต่างกันของงานความเครียดแทรกแซงแนะนำว่า เน้นแต่ละเครียดไม่ครบกำหนดวิธีทั่วไปในการต่อต้านความเครียดงานพิจารณาผลกระทบโดยตรงจากสภาพการทำงานที่ health17 – 21) ในสหรัฐอเมริกาใน 80' กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพได้ประเมินสถานที่ทำงานส่วนตัว กิจกรรมการจัดการความเครียดไว้ที่ 27% ของงานสำรวจเว็บไซต์ในประเทศ ความถี่ของกิจกรรมที่ให้บริการแตกต่างกัน ตามประเภทอุตสาหกรรม และภูมิภาคของ country22) สถานการณ์ก็คล้ายกันในการจัดการความเครียดเกี่ยวกับงาน−ศึกษาของเรามีการดำเนินกิจกรรมในเพียงไม่กี่องค์กร เป็นอัตราการตอบกลับจดหมายแบบสอบถามในรอบแรกของการศึกษาของเราต่ำ อาจมีสถานทำงานค่อนข้างน้อยกับความเครียดที่ใช้งานโปรแกรมในฟินแลนด์Psychosocial risks like work-related stress have been evaluated also to be important part of occupational safety and health (OSH). The guidance on dealing with psychosocial risk factors by occupational safety and health has been published by International organizations and EU agencies, which based on risk management approach. The best practices in real life have been reviewed in Europe and in these different assessments on EC (European Community) regulatory standards on practice have been found out the gap between policy and practice due to a lack of clarity related to regulatory frameworks and guidance on the management of psychosocial risks, but also barriers related to enterprise characteristics and management at enterprise level. The level of acknowledgement, awareness and prioritization of these issues varies between countries association with a lack of expertise, research and appropriate infrastructure. There has found out low prioritization of preventive actions at enterprise level. There is a need for systematic and effective policies to prevent and control psychosocial risks at work, linked to companies’ management practices with tools that support organizations at the organizational level.In the secondary analysis of ESENER study (European Survey of Enterprises on New and Emerging Risks) revealed that the most important driver of managing workrelated stress is OSH management, and the most important barriers were lack of the technical support and guidance and lack of resources. Good OSH management turned out to be the strongest predictor for all procedures and measures to deal with psychosocial risks, independent of the size, sector, status, and country of origin of the enterprises. They found out a need for continuous support and further knowledge on how to establish good psychosocial risk management procedures for work-related stress11).

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แต่พนักงานใน บริษัท ขนาดเล็กอาจพบความเครียดน้อยลงในการทำงานเนื่องจากการติดต่อโดยตรงภายใน บริษัท .
มุมมองผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับการที่เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการกับความเครียดจากการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ OHS และสถานประกอบการที่แตกต่างกัน OHS ถูกมองว่าเป็นผู้รับผิดชอบในการความเครียดจากการทำงานที่เกี่ยวข้องมากที่สุดในที่เล็กที่สุดและ บริษัท ที่ใหญ่ที่สุด ใน บริษัท ที่ถูกแบ่งออกเป็นขนาดกลาง (ระหว่าง 51-101 คนงาน) ความสำคัญของการทำงานร่วมกันกับการบริหารทรัพยากรบุคคลและอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการแผนกปัญหาความเครียดจากการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเน้น ในสถานประกอบการขนาดใหญ่ที่ผู้ตอบแบบสอบถามได้รับการสนับสนุนการทำงานร่วมกัน OHS กับแผนกทรัพยากรบุคคลและผู้บังคับบัญชาในเรื่องความเครียดออกจากการบริหารงานในพื้นหลัง ในทางตรงกันข้ามผู้ตอบแบบสอบถามจาก บริษัท ขนาดเล็กมาประกอบความรับผิดชอบในการการบริหารและ OHS.
เป็นไปได้ว่าในสถานที่ทำงานที่มีขนาดเล็กเรื่องทรัพยากรบุคคลจะรวมอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลที่พวกเขาไม่ได้มีการแผนกทรัพยากรบุคคล ในสถานที่ทำงานที่มีขนาดใหญ่การบริหารอาจจะเห็นเป็นระยะไกลเกินไปจากชนิดของการตัดสินใจครั้งนี้จึงตอบแบบสอบถามอาจจะได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบไปยังแผนกทรัพยากรบุคคลและผู้บังคับบัญชา.
ร่วมมือกับ OHS ถูกมองว่าเป็นสิ่งสำคัญ ความจำเป็นในการใช้งานการสื่อสารระหว่างสถานที่ทำงานและ OHS มีการประชุมเป็นประจำเป็นไฮไลต์ ผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่ากิจกรรมการป้องกันโดย OHS ในสถานที่ทำงาน มันดูเหมือนว่ามีความรู้ไม่เพียงพอของการดำเนินการป้องกันความเครียดจากการทำงานที่เกี่ยวข้องกับในสถานที่ทำงานและการสนับสนุน OHS เป็นสิ่งจำเป็น นี้สนับสนุน results16 วิจัยก่อนหน้านี้).
ความคิดเห็นที่แตกต่างกันของการแทรกแซงความเครียดในงานชี้ให้เห็นว่าแนวทางร่วมกันในการต่อสู้กับความเครียดในงานคือการมุ่งเน้นในแต่ละเครียดโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบโดยตรงจากสภาพการทำงานใน health17-21) ในประเทศสหรัฐอเมริกาใน 80 กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพที่ได้รับการประเมินในสถานที่ทำงานส่วนตัว กิจกรรมการจัดการกับความเครียดได้ให้ที่ 27% ของการสำรวจสถานที่ทำงานในประเทศ ความถี่ของกิจกรรมที่ระบุแตกต่างกันไปตามประเภทของอุตสาหกรรมและตามภูมิภาคของ country22) ที่ สถานการณ์ที่คล้ายกันในการศึกษาของเรา - กิจกรรมการจัดการความเครียดจากการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการได้รับการดำเนินการในเพียงไม่กี่รัฐวิสาหกิจ ขณะที่อัตราการตอบสนองที่จะส่งแบบสอบถามในรอบแรกของการศึกษาของเราต่ำอาจจะมีสถานที่ทำงานค่อนข้างน้อยกับโปรแกรมการจัดการกับความเครียดที่ใช้งานในฟินแลนด์.
ความเสี่ยงทางจิตสังคมเช่นความเครียดจากการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการได้รับการประเมินยังจะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (OSH) คำแนะนำในการจัดการกับปัจจัยเสี่ยงทางจิตสังคมโดยความปลอดภัยและอาชีวอนามัยได้รับการตีพิมพ์โดยองค์การระหว่างประเทศและหน่วยงานของสหภาพยุโรปซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีการบริหารความเสี่ยง ปฏิบัติที่ดีที่สุดในชีวิตจริงได้รับการตรวจสอบในยุโรปและในการประเมินผลที่แตกต่างกันเหล่านี้บน EC (ประชาคมยุโรป) มาตรฐานการกำกับดูแลเกี่ยวกับการปฏิบัติที่ได้รับการค้นพบช่องว่างระหว่างนโยบายและการปฏิบัติอันเนื่องมาจากการขาดความชัดเจนที่เกี่ยวข้องกับกรอบการกำกับดูแลและคำแนะนำเกี่ยวกับ การบริหารความเสี่ยงด้านจิตสังคม แต่ยังอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับลักษณะขององค์กรและการจัดการในระดับองค์กร ระดับของการรับรู้รับรู้และการจัดลำดับความสำคัญของปัญหาเหล่านี้แตกต่างกันระหว่างสมาคมประเทศที่มีการขาดความเชี่ยวชาญการวิจัยและโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม มีพบจัดลำดับความสำคัญต่ำของการดำเนินการป้องกันในระดับองค์กร ไม่จำเป็นต้องมีนโยบายระบบและมีประสิทธิภาพในการป้องกันและควบคุมความเสี่ยงด้านจิตสังคมในที่ทำงานเชื่อมโยงกับแนวทางการบริหารจัดการของ บริษัท ที่มีเครื่องมือที่สนับสนุนองค์กรในระดับองค์กรคือ.
ในการวิเคราะห์ที่สองของการศึกษา ESENER (การสำรวจในยุโรปของรัฐวิสาหกิจในใหม่และ ความเสี่ยง) เปิดเผยว่าไดรเวอร์ที่สำคัญที่สุดของการจัดการความเครียด workrelated คือการจัดการ OSH และอุปสรรคที่สำคัญที่สุดคือการขาดการสนับสนุนทางเทคนิคและคำแนะนำและการขาดทรัพยากร การจัดการที่ดี OSH เปิดออกมาเป็นปัจจัยบ่งชี้ที่สำคัญที่สุดสำหรับวิธีการและมาตรการทั้งหมดที่จะจัดการกับความเสี่ยงทางจิตสังคมที่เป็นอิสระของขนาดภาคสถานะและประเทศแหล่งกำเนิดสินค้าของผู้ประกอบการ พวกเขาพบความจำเป็นในการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการสร้างขั้นตอนการบริหารความเสี่ยงด้านจิตสังคมที่ดีสำหรับ stress11 ทำงานที่เกี่ยวข้องกับก)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อย่างไรก็ตาม พนักงานในบริษัทขนาดเล็ก อาจพบความเครียดน้อยลงในการทำงานเนื่องจากติดต่อโดยตรงภายในบริษัทผู้ตอบความคิดเห็นที่รับผิดชอบการจัดการที่ส่งผลต่อความเครียดในการปฏิบัติงานในโรงพยาบาลและสถานประกอบการที่แตกต่างกัน ในโรงพยาบาล ถูกมองว่าเป็น รับผิดชอบในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความเครียดมากที่สุดและ บริษัท ที่ใหญ่ที่สุด ใน บริษัท ที่แบ่งเป็นขนาดกลาง ( ระหว่าง 51 – 101 คน ) ความสำคัญของความร่วมมือกับการบริหารทรัพยากรบุคคลและแผนกอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความเครียด ปัญหา คือ เน้น ในสถานประกอบการขนาดใหญ่ ผู้ตอบแบบสอบถามชื่นชอบ OHS ความร่วมมือกับแผนกทรัพยากรบุคคลและหัวหน้างานในปัญหาความเครียด ออกจากการบริหารงานในพื้นหลัง ในทางตรงกันข้าม คน จาก บริษัท ขนาดเล็กเกิดจากความรับผิดชอบในการบริหารงาน และโรงพยาบาล .มันเป็นไปได้ว่าในสถานประกอบการขนาดเล็ก บุคคลสำคัญจะรวมอยู่ในการบริหารของความรับผิดชอบที่พวกเขาไม่ได้เป็นฝ่ายบุคคล ในสถานประกอบการขนาดใหญ่การบริหารอาจมองว่าด้วยรีโมทจากชนิดของการตัดสินใจ ดังนั้น ผู้ตอบแบบสอบถามอาจจะมอบหมายความรับผิดชอบให้ฝ่ายบุคคลและหัวหน้างานความร่วมมือกับโรงพยาบาลที่เห็นเป็นสำคัญ ต้องสื่อสารงานระหว่างทำงานและโรงพยาบาลมีการประชุมปกติ คือ เน้น ผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่ากิจกรรมการป้องกัน โดยโรงพยาบาลในสถานประกอบการ ดูเหมือนมีความรู้ไม่เพียงพอของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความเครียดในที่ทำงาน และการป้องกันการกระทำ OHS การสนับสนุนที่จำเป็น นี้สนับสนุน results16 งานวิจัยก่อนหน้านี้ )ความคิดเห็นที่แตกต่างกันของงานหรือความเครียด พบว่า วิธีการทั่วไปในการต่อสู้กับความเครียดคือการมุ่งเน้นแต่ละบุคคลโดยพิจารณาจากผลกระทบโดยตรงของการทำงานบน health17 ( 21 ) ในสหรัฐอเมริกา ในกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพของ 80 ครั้ง ในสถานที่ทํางานส่วนตัว กิจกรรมการจัดการความเครียดได้ให้ไว้ที่ 27% ของจำนวนเว็บไซต์ทำงานในประเทศ ความถี่ของกิจกรรมที่แตกต่างกันตามประเภทอุตสาหกรรมและภูมิภาคของ country22 ) สถานการณ์ที่คล้ายกันในการศึกษาของเรา บริษัท เวสเทิร์น การทำงานที่เกี่ยวข้องกับความเครียดการจัดการกิจกรรมที่ได้ดำเนินการในเพียงไม่กี่บริษัท ขณะที่อัตราการตอบสนองเพื่อส่งแบบสอบถามในรอบแรกของการศึกษาของเราต่ำอาจจะมีสถานที่ไม่กี่ค่อนข้างทำงานกับโปรแกรมการจัดการความเครียด ใช้ งาน ใน ฟินแลนด์ความเสี่ยงด้านจิตสังคม เช่น การทำงานที่เกี่ยวข้องกับความเครียดได้รับการประเมินยังเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ( Osh ) คำแนะนำในการรับมือกับปัจจัยเสี่ยงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยได้รับการตีพิมพ์โดยองค์การระหว่างประเทศและหน่วยงานของสหภาพยุโรป ซึ่งตามแนวคิดการบริหารจัดการความเสี่ยง การปฏิบัติที่ดีที่สุดในชีวิตจริงได้รับการตรวจทานในยุโรปและในการประเมินที่แตกต่างกันเหล่านี้ใน EC ( European Community ) มาตรฐานกฎระเบียบในการปฏิบัติได้พบช่องว่างระหว่างนโยบายและการปฏิบัติ เนื่องจากไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับกรอบกฎระเบียบและแนวทางในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านจิตสังคม แต่ยังมีอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับลักษณะขององค์กรและการจัดการ ในระดับองค์กร ระดับของการรับรู้ ความตระหนัก และการลำดับความสำคัญของปัญหาเหล่านี้แตกต่างกันระหว่างประเทศสมาคมกับการขาดความเชี่ยวชาญการวิจัย และโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม ได้มีการพบการกระทำต่ำ การป้องกันในระดับองค์กร ต้องมีนโยบายอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันและควบคุมความเสี่ยงด้านจิตสังคมในงาน ที่เชื่อมโยงกับ บริษัท การจัดการการปฏิบัติกับเครื่องมือที่สนับสนุนองค์กรในระดับองค์กรในการวิเคราะห์ข้อมูลทุติยภูมิของ esener ศึกษาสำรวจยุโรปขององค์กรใหม่ และเกิดความเสี่ยง ) เปิดเผยว่า ไดรเวอร์ที่สำคัญที่สุดเดียวของการจัดการความเครียดการจัดการออช และอุปสรรคที่สำคัญที่สุดคือการขาดการสนับสนุนทางด้านเทคนิคและการขาดทรัพยากร การจัดการ Osh ดีกลับกลายเป็นตัวที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับขั้นตอนทั้งหมดและมาตรการที่จะจัดการกับความเสี่ยงด้านจิตสังคม , อิสระของขนาด , ภาค , สถานะ , และประเทศต้นกำเนิดของบริษัท พวกเขาพบว่า ความต้องการการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการสร้างขั้นตอนการบริหารความเสี่ยงด้านจิตสังคมที่ดีสำหรับการท stress11 )