according to Alkin and Christie,[1]

according to Alkin and Christie,[1] an adversary approach is one which reflects a valuing orientation. This approach developed in response to the dominant objectifying approaches in policy evaluation [2] and is based on the notions that: 1) no evaluator can be truly objective, and, 2) no evaluation can be value-free.[3] To this end, the approach makes use of teams of evaluators who present two opposing views (these teams are commonly referred to as adversaries and advocates). These two sides then agree on issues to address, collect data or evidence which forms a common database, and present their arguments. A neutral party is assigned to referee the hearing, and is expected to arrive at a fair verdict after consideration of all the evidence presented.[4]

There are many different models for adversary evaluations, including judicial, congressional hearing and debate models. However, models which subscribe to a legal-framework are most prominent in the literature

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อัลคินและคริสตี้, [1] วิธีการโมโหเป็นหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการวางแนว valuing นี้วิธีพัฒนาเพื่อ objectifying โดดเด่นตอบสนองต่อวิธีการในการประเมินนโยบาย [2] และเป็นไปตามคิดที่: ประเมิน 1) ไม่สามารถเป็นวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง และ ไม่มีการประเมินผลสามารถฟรีค่า [3] เพื่อการนี้ วิธีทำให้ใช้ทีมต่อผู้ประเมินที่แสดงสองมุมมองฝ่ายตรงข้าม (ทีมเหล่านี้จะมักเรียกว่าศัตรูและผู้สนับสนุน) เหล่านี้ทั้งสองด้านแล้วตกลงบนเว็บ รวบรวมข้อมูลหรือหลักฐานซึ่งฐานข้อมูลทั่วไป และปัจจุบันอาร์กิวเมนต์ของพวกเขา บุคคลที่เป็นกลางถูกกำหนดให้กับ referee ได้ยิน และคาดว่าจะมาถึงคำพิพากษาที่ยุติธรรมหลังจากการพิจารณาหลักฐานทั้งหมดที่นำเสนอ [4]มีหลายรูปแบบแตกต่างกันสำหรับศัตรู ยุติธรรม รัฐสภาฟังและอภิปรายรูปแบบการประเมิน อย่างไรก็ตาม รุ่นที่สมัครเป็นสมาชิกกรอบกฎหมายมีโดดเด่นที่สุดในวรรณคดี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตาม Alkin และคริสตี้ [1] วิธีการของฝ่ายตรงข้ามเป็นหนึ่งซึ่งสะท้อนให้เห็นคุณค่าของการปฐมนิเทศ วิธีการนี้ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบสนองความโดดเด่น objectifying แนวทางในการประเมินผลนโยบาย [2] และอยู่บนพื้นฐานความคิดที่: 1). ไม่สามารถประเมินวัตถุประสงค์อย่างแท้จริงและ 2) การประเมินผลไม่สามารถเป็นค่าฟรี [3] ด้วยเหตุนี้วิธีการที่ทำให้การใช้งานของทีมงานของผู้ประเมินที่นำเสนอมุมมองของฝ่ายตรงข้ามสอง (ทีมเหล่านี้มักจะถูกเรียกว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามและผู้สนับสนุน) เหล่านี้ทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นด้วยกับประเด็นที่อยู่ในการเก็บรวบรวมข้อมูลหรือหลักฐานซึ่งรูปแบบฐานข้อมูลร่วมกันและนำเสนอข้อโต้แย้งของพวกเขา บุคคลที่เป็นกลางได้รับมอบหมายให้เป็นกรรมการตัดสินการได้ยินและคาดว่าจะมาถึงคำตัดสินที่เป็นธรรมหลังจากการพิจารณาหลักฐานทั้งหมดที่นำเสนอ. [4]

มีรูปแบบที่แตกต่างกันสำหรับการประเมินผลของฝ่ายตรงข้ามรวมทั้งการพิจารณาคดีรัฐสภาได้ยินและรูปแบบการอภิปรายอยู่ แต่รุ่นที่สมัครเป็นสมาชิกตามกฎหมายมีกรอบการทำงานที่โดดเด่นที่สุดในวรรณคดี