(e.g., Champagne, Northern Oregon,

(e.g., Champagne, Northern Oregon, Burgundy), while the highest quality Cabernet
Sauvignon wines come from grapes grown in warmer regions that span from
intermediate to hot climates with growing seasons that range 16.5–19.5 ◦C (e.g.,
Bordeaux or Napa). While micro-climatic variations clearly play roles in winegrape
growth and quality; the assumption in this study is that the macroclimate is
the mean of the microclimates of a given region. Therefore, a regional climatology
of the growing season macroclimate should match well with the regional vintage
ratings as they are typically based upon a region’s ability to ripen fruit to produce
a given wine style.
Owing to the fact that high quality and spatially appropriate long-term climate
data for each wine region are difficult to obtain, we used a 0.5◦ × 0.5◦ gridded
climatology of monthly mean air temperature to examine the effects on vintage
ratings (Willmott and Matsuura, 2002). The gridded temperature data archive was
produced from the Global Historical Climatology Network (GHCN version 2) and
station records of monthly and annual mean air temperature (Legates and Willmott,
1990). Data from 1950–1999 for the respective wine regions (Table I and Figure 1)
were extracted and averaged over the growing season (Apr–Oct in the Northern
Hemisphere and Oct–Apr in the Southern Hemisphere) and dormant season (Nov–
Mar in the Northern Hemisphere and May–Sep in the Southern Hemisphere) to
create 27 time series for each season.
Bordeaux wines. However, many wines are produced in much warmer areas where a
further increase in temperature might produce unbalanced wines with high alcohol
content (resulting from high sugar levels and over-ripe fruit), lower acidity, and
compromised flavor profiles. The hypothesis “warmer is better” may not be correct
for these wine regions. In fact, the correlation of vintage rating and temperature may
be negative or non-linear. To account for this possibility, a quadratic relationship
between vintage rating and growing season temperatures was used. Equation (2)
below assumes that increasing growing season temperatures improve the ripeness
of the grapes and therefore the quality of the wines, but at a decreasing rate and that
ultimately, if temperature is higher than a certain optimum, grape quality declines

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

(เช่น แชมเปญ โอเรกอนเหนือ เบอร์กันดี), ในขณะที่คุณภาพ Cabernetปกติไวน์มาจากองุ่นที่ปลูกในภูมิภาคอุ่นที่ขยายจากกลางร้อนสภาพอากาศ มีฤดูกาลที่อยู่ในช่วง 16.5-19.5 ◦C (เช่น การเจริญเติบโตบอร์โดซ์หรือปา) ในขณะที่รูปแบบไมโคร climatic เล่นบทบาทอย่างชัดเจนใน winegrapeเจริญเติบโตและคุณภาพ สมมติฐานในการศึกษานี้คือการ macroclimateค่าเฉลี่ยของ microclimates ภาคกำหนด ดังนั้น climatology ภูมิภาคฤดูกาลเติบโต macroclimate ควรตรงกับวินเทภูมิภาคการจัดอันดับเป็นโดยทั่วไปจะใช้เมื่อสามารถสุกงอมผลไม้การผลิตของภูมิภาคลักษณะไวน์ที่กำหนดOwing ในความเป็นจริงที่มีคุณภาพสูง และ spatially เหมาะสมสภาพอากาศระยะยาวข้อมูลในแต่ละภูมิภาคไวน์ยากรับ เราใช้ฟิลด์ 0.5◦ 0.5◦ griddedclimatology อุณหภูมิอากาศเฉลี่ยรายเดือนเพื่อตรวจสอบผลการวินเทจจัดอันดับ (Willmott และ Matsuura, 2002) มีการเก็บข้อมูลอุณหภูมิ griddedผลิตจากโลกอดีต Climatology เครือข่าย (GHCN รุ่น 2) และบันทึกสถานีของอุณหภูมิอากาศเฉลี่ยรายเดือน และรายปี (Legates และ Willmottปี 1990) ข้อมูลจากปี 1950 – 1999 สำหรับภูมิภาคไวน์ตามลำดับ (ตารางผมและรูปที่ 1)สกัด และ averaged ผ่านฤดูกาลเจริญเติบโต (เม.ย. – ต.ค.ในเหนือต.ค. – เม.ย.ในซีกโลกใต้และซีกโลก) และฤดูเฉย ๆ (พ.ย. –มี.ค.ในซีกโลกเหนือและพฤษภาคม – กันยายนในซีกโลกใต้) จะสร้าง 27 เวลาชุดสำหรับแต่ละฤดูกาลบอร์โดซ์ไวน์ อย่างไรก็ตาม ผลิตไวน์มากมายในพื้นที่มากอุ่นซึ่งเป็นเพิ่มเติมในอุณหภูมิอาจผลิตไวน์สมดุลกับแอลกอฮอล์สูงเนื้อหา (เกิดจากระดับน้ำตาลสูงและผลไม้ที่สุกมาก) ล่างว่า และโพรไฟล์รสถูกโจมตี ทฤษฏี "อุ่นดี" อาจไม่ถูกต้องสำหรับภูมิภาคที่ไวน์เหล่านี้ ในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ของคะแนนวินเทจและอุณหภูมิอาจเป็นลบ หรือไม่เชิงเส้น ในโอกาสนี้ ความสัมพันธ์กำลังสองการลงบัญชีระหว่างจัดอันดับ และการเจริญเติบโตอุณหภูมิฤดูกาลโบราณใช้ สมการ (2)ด้านล่างถือว่า อุณหภูมิฤดูกาลเติบโตเพิ่มขึ้นการปรับปรุงที่ ripenessองุ่นและคุณภาพ ของไวน์ แต่ ในอัตราลดลงและในที่สุด ถ้าอุณหภูมิสูงกว่าเหมาะสมบางอย่าง คุณภาพองุ่นปฏิเสธ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

(เช่นแชมเปญเหนือโอเรกอนเบอร์กันดี) ในขณะที่มีคุณภาพสูงสุด Cabernet
ไวน์ Sauvignon
มาจากองุ่นที่ปลูกในพื้นที่ที่อากาศอบอุ่นที่ครอบคลุมจากกลางสภาพอากาศร้อนกับฤดูกาลที่กำลังเติบโตที่อยู่ในช่วง16.5-19.5 ◦C
(เช่นบอร์โดซ์หรือปา) ในขณะที่รูปแบบไมโครภูมิอากาศที่มีบทบาทอย่างชัดเจนใน winegrape
การเจริญเติบโตและคุณภาพ สมมติฐานในการศึกษานี้คือการที่ macroclimate
เป็นค่าเฉลี่ยของภูมิภาคพันธ์รับที่ ดังนั้นอุตุนิยมวิทยาภูมิภาคของ macroclimate ฤดูปลูกควรจะตรงกับดีกับวินเทจในภูมิภาคการจัดอันดับที่พวกเขาเป็นไปตามปกติเมื่อความสามารถของภูมิภาคในการทำให้สุกผลไม้ในการผลิตรูปแบบไวน์ที่กำหนด. เนื่องจากความจริงที่ว่ามีคุณภาพสูงและระยะยาวที่เหมาะสมตำแหน่งสภาพภูมิอากาศข้อมูลสำหรับแต่ละไวน์เป็นเรื่องยากที่จะได้รับเราใช้0.5◦×0.5◦ gridded อุตุนิยมวิทยาของอุณหภูมิอากาศเฉลี่ยรายเดือนในการตรวจสอบผลกระทบต่อวินเทจเรตติ้ง (Willmott และ Matsuura, 2002) อุณหภูมิที่เก็บข้อมูลได้ gridded ผลิตจากเครือข่ายที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ภูมิอากาศทั่วโลก (GHCN รุ่น 2) และบันทึกสถานีของอุณหภูมิอากาศเฉลี่ยเดือนและรายปี(legates และ Willmott, 1990) ข้อมูลจาก 1950-1999 สำหรับภูมิภาคไวน์ตามลำดับ (ตารางที่ I และรูปที่ 1) ถูกสกัดและเฉลี่ยในช่วงฤดูการเจริญเติบโต (เม.ย. ตุลาคมในภาคเหนือและซีกโลกต.ค. เมษายนในซีกโลกใต้) และฤดูเฉยๆ (Nov- มี.ค. ใน ซีกโลกเหนือและพฤษภาคม ก.ย. ในซีกโลกใต้) เพื่อสร้างชุดเวลา27 สำหรับแต่ละฤดูกาล. ไวน์บอร์โดซ์ แต่ไวน์จำนวนมากที่มีการผลิตในพื้นที่ที่อบอุ่นมากที่เพิ่มขึ้นอีกในอุณหภูมิอาจจะผลิตไวน์ที่ไม่สมดุลกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงเนื้อหา(ที่เกิดจากระดับน้ำตาลสูงและมากกว่าผลไม้สุก) ความเป็นกรดลดลงและทำลายโปรไฟล์รสชาติ สมมติฐาน "อุ่นจะดีกว่า" อาจไม่ถูกต้องสำหรับภูมิภาคไวน์เหล่านี้ ในความเป็นจริงความสัมพันธ์ของการจัดอันดับวินเทจและอุณหภูมิอาจจะลบหรือไม่เชิงเส้น บัญชีสำหรับความเป็นไปได้นี้ความสัมพันธ์กำลังสองระหว่างคะแนนวินเทจและอุณหภูมิฤดูปลูกที่ใช้ สมการ (2) ดังต่อไปนี้สมมติว่าการเพิ่มอุณหภูมิฤดูปลูกปรับปรุงสุกองุ่นและดังนั้นจึงมีคุณภาพของไวน์แต่ในอัตราที่ลดลงและในที่สุดถ้าอุณหภูมิสูงกว่าบางอย่างที่ดีที่สุดที่มีคุณภาพลดลงองุ่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

( เช่น แชมเปญ ภาคเหนือ , Oregon , Burgundy ) ส่วน Cabernet Sauvignon ไวน์ที่มีคุณภาพสูงสุด
มาจากองุ่นที่ปลูกในภูมิภาคที่อบอุ่นที่ขยายจาก
กลางสภาพอากาศร้อนกับฤดูปลูกที่ระยะ 16.5 - 19.5 ◦ C ( เช่น
บอร์โดซ์หรือนภา ) ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศจุลภาคชัดเจนเล่นบทบาทในการเจริญเติบโต winegrape
และคุณภาพ สมมติฐานในการศึกษา คือ ที่ macroclimate คือ
ความหมายของ - รู้จักพันธ์ของให้ภูมิภาค ดังนั้น
ภูมิอากาศภูมิภาคฤดูกาลเติบโต macroclimate น่าจะเหมาะกับ
วินเทจภูมิภาคอันดับที่พวกเขามักจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการสุกของภูมิภาคผลิตไวน์ผลไม้ให้

สไตล์ เนื่องจากคุณภาพสูงและข้อมูลภูมิอากาศ
ระยะยาวที่เหมาะสมกับแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน ไวน์หายาก ,เราใช้ 0.5 ◦× 0.5 ◦ gridded
อุตุนิยมวิทยารายเดือน หมายถึง อุณหภูมิอากาศ เพื่อศึกษาผลการจัดอันดับวินเทจ
( WILLMOTT และ Matsuura , 2002 ) การ gridded อุณหภูมิจัดเก็บเป็นข้อมูล
ผลิตจากเครือข่ายทั่วโลกภูมิอากาศประวัติศาสตร์ ( ghcn รุ่น 2 )
ประวัติสถานี และอุณหภูมิของอากาศ หมายถึง รายปี รายเดือน และ legates WILLMOTT
, 1990 )ข้อมูลจาก 1950 – 2542 ในภูมิภาคไวน์ที่เกี่ยวข้อง ( โต๊ะผมและรูป 1 )
ถูกสกัดและเฉลี่ยกว่าฤดูปลูก ( เม.ย. - ต.ค. ในซีกโลกภาคเหนือ และ ต.ค. - เม.ย.
ในซีกโลกใต้ ) และระงับฤดูกาล ( พฤศจิกายน–
มี.ค. ในซีกโลกเหนือ และอาจ – ก.ย. ในพื้นที่ภาคใต้ )

สร้างเวลา 27 ชุด ในแต่ละฤดูกาล
บอร์โดไวน์ อย่างไรก็ตามไวน์มากผลิตในพื้นที่ที่อบอุ่นมากที่
เพิ่มต่อไปในอุณหภูมิไม่อาจผลิตไวน์ที่มีแอลกอฮอล์สูงเนื้อหา
( ที่เกิดจากระดับน้ําตาลสูงและผลไม้สุก ) , ปริมาณกรดและ
ละเมิดโปรไฟล์รสชาติ สมมติฐาน " อุ่นขึ้น " อาจจะไม่ได้ถูกต้อง
สำหรับภูมิภาคไวน์เหล่านี้ ในความเป็นจริงความสัมพันธ์ของอุณหภูมิและการประเมินอาจ
วินเทจจะลบ หรือ ไม่เป็นเส้นตรง บัญชีสำหรับความเป็นไปได้นี้ ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างคะแนน
โบราณและฤดูปลูก อุณหภูมิที่ใช้ สมการ ( 2 )
ด้านล่าง สันนิษฐานว่า ฤดูปลูกเพิ่มขึ้นอุณหภูมิเพิ่มความสุก
ขององุ่นและดังนั้นคุณภาพของไวน์ แต่ในอัตราที่ลดลงและ
ในที่สุด ถ้าอุณหภูมิสูงกว่าหนึ่งสูงสุดองุ่นที่มีคุณภาพลดลง