Coffee beans must be ground and bre

Coffee beans must be ground and brewed to create a beverage. The criteria for choosing a method include flavor and economy. Almost all methods of preparing coffee require that the beans be ground and then mixed with hot water long enough to allow the flavor to emerge but not so long as to draw out bitter compounds. The liquid can be consumed after the spent grounds are removed. Brewing considerations include the fineness of grind, the way in which the water is to extract the flavor, the ratio of coffee grounds to water (the brew ratio), additional flavorings such as sugar, milk, and spices, and the technique to be used to separate spent grounds. Ideal holding temperatures range from 85–88 °C (185–190 °F) to as high as 93 °C (199 °F) and the ideal serving temperature is 68 to 79 °C (154 to 174 °F).[89] The recommended brew ratio for non-espresso coffee is around 55 to 60 grams of grounds per litre of water, or two level tablespoons for a 5- or 6-ounce cup.[90]

The roasted coffee beans may be ground at a roastery, in a grocery store, or in the home. Most coffee is roasted and ground at a roastery and sold in packaged form, though roasted coffee beans can be ground at home immediately before consumption. It is also possible, though uncommon, to roast raw beans at home.

The choice of brewing method depends to some extent on the degree to which the coffee beans have been roasted. Lighter roasted coffee tends to be used for filter coffee as the combination of method and roast style results in higher acidity, complexity, and clearer nuances[clarification needed]. Darker roasted coffee is used for espresso because the machine naturally extracts more dissolved solids, causing lighter coffee to become too acidic.

Coffee beans may be ground in several ways. A burr grinder uses revolving elements to shear the seed; a blade grinder cuts the seeds with blades moving at high speed; and a mortar and pestle crushes the seeds. For most brewing methods a burr grinder is deemed superior because the grind is more even and the grind size can be adjusted.

The type of grind is often named after the brewing method for which it is generally used. Turkish grind is the finest grind, while coffee percolator or French press are the coarsest grinds. The most common grinds are between these two extremes: a medium grind is used in most home coffee-brewing machines.[91]

Coffee may be brewed by several methods. It may be boiled, steeped, or pressurized. Brewing coffee by boiling was the earliest method, and Turkish coffee is an example of this method.[92] It is prepared by grinding or pounding the seeds to a fine powder, then adding it to water and bringing it to the boil for no more than an instant in a pot called a cezve or, in Greek, a bríki. This produces a strong coffee with a layer of foam on the surface and sediment (which is not meant for drinking) settling at the bottom of the cup.[92]

Coffee percolators and automatic coffeemakers brew coffee using gravity. In an automatic coffeemaker, hot water drips onto coffee grounds that are held in a paper, plastic, or perforated metal coffee filter, allowing the water to seep through the ground coffee while extracting its oils and essences. The liquid drips through the coffee and the filter into a carafe or pot, and the spent grounds are retained in the filter.[93]

In a percolator, boiling water is forced into a chamber above a filter by steam pressure created by boiling. The water then seeps through the grounds, and the process is repeated until terminated by removing from the heat, by an internal timer,[93] or by a thermostat that turns off the heater when the entire pot reaches a certain temperature.

Coffee may be brewed by steeping in a device such as a French press (also known as a cafetière, coffee press or coffee plunger).[94] Ground coffee and hot water are combined in a cylindrical vessel and left to brew for a few minutes. A circular filter which fits tightly in the cylinder fixed to a plunger is then pushed down from the top to force the grounds to the bottom. The filter retains the grounds at the bottom as the coffee is poured from the container. Because the coffee grounds are in direct contact with the water, all the coffee oils remain in the liquid, making it a stronger beverage. This method of brewing leaves more sediment than in coffee made by an automatic coffee machine.[94] Supporters of the French press method point out that the sediment issue can be minimized by using the right type of grinder: they claim that a rotary blade grinder cuts the coffee bean into a wide range of sizes, including a fine coffee dust that remains as sludge at the bottom of the cup, while a burr grinder uniformly grinds the beans into consistently-sized grinds, allowing the coffee to settle uniformly and be trapped by the press.[95] Within the first minute of brewing 95% of the caffeine is released from the coffee bean.[citation needed]

The espresso method forces hot pressurized and vaporized water through ground coffee. As a result of brewing under high pressure (ideally between 9–10 atm), the espresso beverage is more concentrated (as much as 10 to 15 times the quantity of coffee to water as gravity-brewing methods can produce) and has a more complex physical and chemical constitution.[96] A well-prepared espresso has a reddish-brown foam called crema that floats on the surface.[91] Other pressurized water methods include the moka pot and vacuum coffee maker.

Cold brew coffee is made by steeping coarsely ground beans in cold water for several hours, then filtering them.[97] This results in a brew lower in acidity than most hot-brewing methods.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ต้องเป็นพื้นดิน และรับการต้มกลั่นเพื่อสร้างเครื่องดื่มเมล็ดกาแฟ เงื่อนไขสำหรับการเลือกวิธีการรวมถึงรสชาติและเศรษฐกิจ วิธีการเตรียมกาแฟเกือบทั้งหมดต้องว่า ถั่วดินแล้ว ผสมกับน้ำอุ่นนานพอให้รสออกแต่ไม่นาน เป็นวาดออกสารขม ของเหลวสามารถใช้ได้หลังจากใช้จ่ายจะถูกเอาออก พิจารณาศึกษารวมทางที่น้ำจะแยกรสชาติ อัตราส่วนของกาแฟจากน้ำ (อัตราส่วน brew) flavorings เพิ่มเติมเช่นน้ำตาล นม เครื่องเทศ และเทคนิคที่จะใช้เพื่อแยกจากการใช้จ่ายของมัน อุณหภูมิถือเหมาะตั้งแต่ 85-88 องศาเซลเซียส (185-190 ° F) การสูงเป็น 93 ° C (199 ° F) และอุณหภูมิเหมาะเสิร์ฟเป็น 68-79 ° C (154-174 ° F) [89] ประมาณ 55-60 กรัมต่อลิตรของน้ำ หรือสองช้อนโต๊ะระดับสำหรับถ้วย 5 - หรือ 6-ออนซ์เหตุ brew แนะนำอัตราส่วนสำหรับกาแฟเอสเปรสโซไม่ได้ [90]เมล็ดกาแฟคั่วอาจจะพื้นที่ roastery ร้านค้า หรือ ในบ้าน กาแฟส่วนใหญ่จะคั่ว และพื้นที่ roastery การ และขายในแบบฟอร์มการบรรจุ แม้ว่าเมล็ดกาแฟคั่วได้พื้นบ้านทันทีก่อนใช้ เป็นไปได้ ว่าใช่ คั่วถั่วดิบที่บ้านเลือกทำวิธีการหมักบ้างขึ้นอยู่กับระดับที่ได้รับที่คั่วเมล็ดกาแฟ น้ำหนักเบาคั่วกาแฟมีแนวโน้มที่จะใช้สำหรับตัวกรองกาแฟเป็นชุดของวิธีการย่างแบบผลในมีสูง ความซับซ้อน และชัดเจนความแตกต่าง [ชี้แจงที่จำเป็น] คุณสามารถใช้กาแฟคั่วเข้มสำหรับเอสเพรสโซ่ เพราะเครื่องของสารสกัดจากธรรมชาติมากละลายของแข็ง สาเหตุของกาแฟอ่อนจะกลายเป็นกรดเกินไปเมล็ดกาแฟอาจเป็นพื้นดินในหลายวิธี โม่เสี้ยนใช้องค์ประกอบที่หมุนแรงเฉือนเมล็ด บดใบมีดตัดเมล็ดพืชที่ มีใบมีดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง และ crushes เป็นโกร่งบดเมล็ดพืช สำหรับวิธีการศึกษาส่วนใหญ่ บดเสี้ยนจะถือว่าเหนือกว่า เพราะมันจะเป็นมากขึ้นแม้ และสามารถปรับขนาดมันชนิดของมันมักจะตั้งชื่อวิธีการศึกษาซึ่งโดยทั่วไปใช้ ตุรกีมันถูกมันดีที่สุด ในขณะที่ฝรั่งเศสหรือ percolator กาแฟ coarsest grinds Grinds ทั่วอยู่ระหว่างที่สุดเหล่านี้สอง: พักกลางจะใช้ในส่วนใหญ่เครื่องกาแฟตั้งเค้าอยู่บ้าน [91]กาแฟอาจได้รับการต้มกลั่น ด้วยวิธีการต่าง ๆ มันอาจต้ม ดอง หรือหนี ทำการหมักกาแฟ โดยการต้มเป็นวิธีเร็วที่สุด และมอคค่าเป็นตัวอย่างของวิธีการนี้ [92] มันจะเตรียม โดยการบด หรือห้ำหั่นเมล็ดให้เป็นผงละเอียด เพิ่มเข้าไปในน้ำ แล้วนำไปต้มในทันทีไม่เกินหม้อเรียกว่า cezve เป็น หรือ กรีก bríki การ นี้ผลิตกาแฟที่ มีชั้นของโฟมบนพื้นผิวและตะกอน (ที่ไม่ใช่สำหรับดื่ม) ตกตะกอนที่ก้นถ้วย [92]Percolators กาแฟและ coffeemakers อัตโนมัติกาแฟโดยใช้แรงโน้มถ่วง ในการรัวอัตโนมัติ เครื่องทำน้ำอุ่นหยดลงจากกาแฟที่จัดขึ้นในกระดาษ พลาสติก หรือ กรองกาแฟ perforated โลหะ ทำให้น้ำซึมผ่านกาแฟคั่วบดในขณะแยกน้ำมันความ essences หยดของเหลวผ่านกาแฟและตัว carafe หรือหม้อ และจากการใช้จ่ายจะเก็บไว้ในตัวกรอง [93]ในแบบ percolator น้ำเดือดถูกบังคับเข้าห้องข้างตัว โดยความดันไอน้ำที่สร้างขึ้น โดยการต้ม น้ำ seeps แล้วผ่านเหตุผล และการเป็นซ้ำจนกว่าจะเลิกเอาจากความร้อน ตัวจับ เวลาภายใน, [93] หรือ โดยอุณหภูมิที่ปิดฮีตเตอร์เมื่อหม้อทั้งอุณหภูมิที่แน่นอนกาแฟอาจได้รับการต้มกลั่น โดย steeping อุปกรณ์เช่นกดฝรั่งเศส (เรียกอีกอย่างว่าเป็น cafetière กดกาแฟ หรือกาแฟจมูก) [94] กาแฟและน้ำร้อนรวมในหลอดทรงกระบอกและซ้ายเพื่อชงกี่นาที ตัวกลมซึ่งเสียบแน่นในกระบอกคงจะเป็นจมูก เป็นแล้วผลักลงจากด้านบนไปบังคับจากด้านล่าง ตัวเก็บบริเวณด้านล่างเป็นกาแฟเป็น poured จากภาชนะบรรจุ เนื่องจากจากกาแฟมีติดต่อโดยตรงกับน้ำ น้ำมันกาแฟทั้งหมดยังคงอยู่ในของเหลว ทำเครื่องดื่มที่แข็งแกร่ง วิธีการทำการหมักนี้ทิ้งตะกอนเพิ่มมากขึ้นกว่าในกาแฟโดยมีเครื่องกาแฟระบบอัตโนมัติ [94] หัวใจของวิธีฝรั่งเศสชี้ให้เห็นว่า สามารถลดปัญหาตะกอน โดยใช้ชนิดของเครื่องบด: พวกเขาอ้างว่า บดใบมีดโรตารี่ตัดเมล็ดกาแฟในช่วงกว้างของขนาด รวมถึงกาแฟดี ฝุ่นที่เหลืออยู่เป็นตะกอนที่ก้นถ้วย ขณะบดเสี้ยนสม่ำเสมอเมื่อเทียบเคียง grinds ถั่วเป็น grinds ขนาดอย่างต่อเนื่อง กาแฟชำระสม่ำเสมอเมื่อเทียบเคียง และถูกโจมตี โดยกดให้ [95] ภายในครั้งแรก นาทีศึกษา 95% ของคาเฟอีนที่ออกจากเมล็ดกาแฟ [ต้องการอ้างอิง]เอสเปรสโซ่วิธีกองกำลังร้อนหนี และระเหยน้ำผ่านกาแฟ จากการทำการหมักภายใต้ความดันสูง (สูงระหว่าง 9 – 10 atm), เครื่องดื่มเอสเปรสโซเป็นมากกว่าเข้มข้น (ถึง 10 ถึง 15 เท่าปริมาณกาแฟน้ำเป็นวิธีที่ทำการหมักแรงโน้มถ่วงสามารถผลิต) และมีรัฐธรรมนูญทางกายภาพ และทางเคมีที่ซับซ้อน [96] เอสเปรสโซเป็นชาวโฟมสีน้ำตาลน้ำตาลที่เรียกว่าครีม่าที่ลอยบนผิวน้ำได้ [91] วิธีการทางหนีน้ำอื่น ๆ รวมคอฟฟี่ช็อป/กระติกน้ำสูญญากากาแฟกาแฟเย็นถูกตั้งขึ้น โดย steeping คั่วถั่วในดินในน้ำเย็นหลายชั่วโมง กรองพวกเขา [97] ซึ่งผลใน brew ที่ต่ำกว่ามีกว่าวิธีสุดร้อนทำการหมัก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เมล็ดกาแฟจะต้องมีการบดและต้มในการสร้างเครื่องดื่ม เกณฑ์ในการเลือกวิธีการรวมถึงรสชาติและเศรษฐกิจ วิธีการเกือบทั้งหมดของการเตรียมกาแฟจำเป็นต้องให้ถั่วบดแล้วผสมกับน้ำร้อนนานพอที่จะช่วยให้รสชาติจะโผล่ออกมา แต่ไม่ได้ตราบใดที่การวาดออกสารขม ของเหลวสามารถบริโภคหลังจากที่พื้นที่การใช้จ่ายจะถูกลบออก การพิจารณาการผลิตเบียร์รวมถึงความวิจิตรของบด, วิธีการที่น้ำคือการดึงรสชาติอัตราส่วนของกากกาแฟลงไปในน้ำ (อัตราส่วนชง) รสเพิ่มเติมเช่นน้ำตาลนมและเครื่องเทศและเทคนิคที่จะใช้ ที่จะแยกพื้นที่การใช้จ่าย เหมาะอุณหภูมิโฮลดิ้ง 85-88 ° C (185-190 ° F) สูงถึง 93 ° C (199 ° F) และเหมาะที่ให้บริการมีอุณหภูมิ 68-79 ° C (154-174 ° F). [89 ] อัตราส่วนชงแนะนำสำหรับเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซที่ไม่ได้อยู่ที่ประมาณ 55-60 กรัมของพื้นที่ต่อลิตรของน้ำหรือสองช้อนโต๊ะระดับสำหรับ 5 หรือถ้วย 6 ออนซ์. [90] เมล็ดกาแฟคั่วอาจจะพื้นดินที่ Roastery ในร้านขายของชำหรือในบ้าน เครื่องชงกาแฟมากที่สุดคือการคั่วและบดที่ Roastery และขายในรูปแบบแพคเกจ แต่เมล็ดกาแฟคั่วบดสามารถที่บ้านทันทีก่อนที่จะบริโภค นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่าผิดปกติคั่วถั่วดิบที่บ้าน. เลือกวิธีการผลิตเบียร์ขึ้นอยู่บางส่วนในระดับที่เมล็ดกาแฟที่ได้รับการคั่ว กาแฟคั่วเบามีแนวโน้มที่จะใช้สำหรับการชงกาแฟแบบกรองการรวมกันของวิธีการและผลย่างสไตล์ในความเป็นกรดที่สูงขึ้นความซับซ้อนและความแตกต่างที่ชัดเจน [ชี้แจงจำเป็น] กาแฟคั่วเข้มที่ใช้สำหรับเครื่องเอสเพรสโซเพราะสารสกัดจากธรรมชาติสารที่ละลายได้มากขึ้นทำให้กาแฟมีน้ำหนักเบาจะกลายเป็นกรดมากเกินไป. เมล็ดกาแฟอาจเป็นพื้นดินในหลายวิธี เครื่องบดเสี้ยนใช้องค์ประกอบหมุนเวียนเฉือนเมล็ด; เครื่องบดใบมีดตัดเมล็ดด้วยใบมีดที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง และโกร่งบดยาทับเมล็ด สำหรับวิธีการต้มบดเสี้ยนมากที่สุดจะดีกว่าเพราะถือว่าบดเป็นมากยิ่งขึ้นและขนาดบดสามารถปรับเปลี่ยน. ประเภทของการบดเป็นชื่อหลังจากที่มักจะใช้วิธีการผลิตเบียร์ที่มีการใช้งานทั่วไป บดตุรกีบดที่ดีที่สุดในขณะที่กาแฟต้มหรือฝรั่งเศสกดเป็น grinds coarsest grinds ที่พบมากที่สุดอยู่ระหว่างทั้งสองสุดขั้ว: a. บดขนาดกลางที่ใช้ในบ้านส่วนใหญ่เครื่องทำกาแฟเบียร์ [91] กาแฟอาจจะต้มโดยวิธีการต่างๆ มันอาจจะต้มแพร่หลายหรือแรงดัน กาแฟเบียร์โดยการต้มเป็นวิธีการที่เก่าแก่ที่สุดและกาแฟตุรกีเป็นตัวอย่างของวิธีการนี้. [92] มันจะถูกจัดเตรียมโดยการบดหรือตำเมล็ดพันธุ์ให้เป็นผงละเอียดแล้วเพิ่มลงไปในน้ำและนำไปต้มเพื่อไม่มาก กว่าทันทีในหม้อที่เรียกว่า cezve หรือในภาษากรีกซึ่งเป็นbríki นี้ผลิตกาแฟที่แข็งแกร่งกับชั้นของโฟมบนพื้นผิวและตะกอน (ซึ่งไม่ได้หมายสำหรับดื่ม) ปักหลักที่ด้านล่างของถ้วย. [92] ต้มกาแฟและเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติชงกาแฟใช้แรงโน้มถ่วง ในเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ, เครื่องทำน้ำอุ่นหยดลงบนกากกาแฟที่จะมีขึ้นในกระดาษ, พลาสติก, หรือตัวกรองกาแฟโลหะพรุนช่วยให้น้ำที่จะซึมผ่านผงกาแฟในขณะที่การสกัดน้ำมันและสาระสําคัญของ หยดของเหลวผ่านเครื่องชงกาแฟและตัวกรองเป็นขวดหรือหม้อและพื้นที่การใช้จ่ายจะถูกเก็บไว้ในตัวกรอง. [93] ในต้มให้น้ำเดือดถูกบังคับให้เข้าไปในห้องดังกล่าวข้างต้นโดยการกรองแรงดันไอน้ำที่สร้างขึ้นโดยการต้ม น้ำแล้วซึมผ่านบริเวณและกระบวนการซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าจะถูกยกเลิกโดยการลบจากความร้อนโดยการจับเวลาภายใน [93] หรือเทอร์โมที่จะปิดเครื่องทำเมื่อทั้งหม้อถึงอุณหภูมิบางที่. กาแฟอาจจะ ต้มน้ำชาในอุปกรณ์เช่นกดฝรั่งเศส (ยังเป็นที่รู้จัก CAFETIERE กดกาแฟหรือกาแฟลูกสูบ). [94] กาแฟบดและน้ำร้อนจะรวมกันในภาชนะรูปทรงกระบอกและซ้ายชงไม่กี่นาที ตัวกรองที่เหมาะกับวงกลมแน่นในกระบอกสูบลูกสูบที่จะได้รับการแก้ไขเป็นแล้วผลักลงมาจากด้านบนที่จะบังคับให้บริเวณที่ด้านล่าง ตัวกรองยังคงมีพื้นที่ที่ด้านล่างเป็นกาแฟจากเทภาชนะ เพราะกากกาแฟที่อยู่ในการติดต่อโดยตรงกับน้ำทั้งหมดน้ำมันกาแฟยังคงอยู่ในของเหลวทำให้มันเป็นเครื่องดื่มที่แข็งแกร่ง วิธีการของการผลิตเบียร์ซึ่งจะทำให้ตะกอนมากขึ้นกว่าในกาแฟที่ทำโดยเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ [94] ผู้สนับสนุนของวิธีการที่สื่อมวลชนฝรั่งเศสชี้ให้เห็นว่าปัญหาตะกอนสามารถลดโดยใช้ประเภทสิทธิของเครื่องบด:. พวกเขาอ้างว่าเครื่องบดใบมีดหมุน ตัดเมล็ดกาแฟลงในหลากหลายขนาดรวมทั้งฝุ่นกาแฟดีที่ยังคงเป็นตะกอนที่ด้านล่างของถ้วยในขณะที่เครื่องบดเสี้ยนสม่ำเสมอ grinds ถั่วลง grinds อย่างต่อเนื่องขนาดช่วยให้กาแฟที่จะชำระสม่ำเสมอและถูกขังอยู่ โดยกด. [95] ในนาทีแรกของการผลิตเบียร์ 95% ของคาเฟอีนจะถูกปล่อยออกมาจากเมล็ดกาแฟ. [อ้างจำเป็น] กองกำลังวิธีการชงกาแฟและน้ำแรงดันสูงระเหยร้อนผ่านผงกาแฟ อันเป็นผลมาจากการผลิตเบียร์ภายใต้ความกดดันสูง (อยู่ระหว่าง 9-10 ตู้เอทีเอ็ม) เป็นเครื่องดื่มเอสเพรสโซที่มีความเข้มข้นมากขึ้น (เท่าที่ 10 ถึง 15 เท่าปริมาณของกาแฟลงไปในน้ำทั้งวิธีแรงโน้มถ่วงสามารถผลิตเบียร์) และมีความซับซ้อนมากขึ้น รัฐธรรมนูญทางกายภาพและเคมี. [96] เป็นเอสเพรสโซดีเตรียมมีโฟมสีน้ำตาลแดงที่เรียกว่าเเบบที่ลอยอยู่บนพื้นผิว. [91] วิธีการน้ำแรงดันสูงอื่น ๆ ได้แก่ หม้อ Moka และเครื่องชงกาแฟสูญญากาศ. กาแฟชงเย็นจะทำโดย steeping ถั่วพื้นดินหยาบในน้ำเย็นเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วกรอง. [97] ซึ่งจะส่งผลในการชงที่ต่ำกว่าความเป็นกรดมากที่สุดกว่าวิธีร้อนเบียร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เมล็ดกาแฟต้องบดและชงสร้างเครื่องดื่ม เกณฑ์สำหรับการเลือกวิธีการรวมรส และเศรษฐกิจ เกือบทุกวิธีการ เตรียมกาแฟ ต้องใช้เมล็ดเป็นพื้นดิน จากนั้นผสมน้ำอุ่นนานพอที่จะช่วยให้รสชาติออกมาแต่ไม่ยาวเท่าวาดออกขม สารประกอบ ของเหลวที่สามารถบริโภคได้ หลังจากใช้สนามจะถูกลบออกการพิจารณาความละเอียดของการบดชง ได้แก่ วิธีการที่น้ำสกัดกลิ่นรส , อัตราส่วนของกาแฟกับน้ำ ( อัตราส่วนชง ) , flavorings เพิ่มเติม เช่น น้ำตาล นม และเครื่องเทศ และเทคนิคที่จะใช้ในการแยกใช้สนามเหมาะจับอุณหภูมิตั้งแต่ 85 - 88 องศา C ( 185 - 190 องศา F ) สูงถึง 93 องศา C ( 199 ° F ) และเหมาะบริการอุณหภูมิ 68 79 ° C ( 154 174 ° F ) [ 89 ] แนะนำอัตราส่วนไม่ตั้งเค้ากาแฟเอสเปรสโซเป็นประมาณ 55 - 60 กรัมต่อลิตรของน้ำบริเวณ หรือ 2 ช้อนโต๊ะสำหรับระดับ 5 หรือ 6 ออนซ์ถ้วย [ 90 ]

อาจจะบดเมล็ดกาแฟคั่วที่ roastery ในร้านขายของชำหรือในบ้าน กาแฟส่วนใหญ่จะคั่วและพื้นดินที่ roastery และขายในรูปแบบแพคเกจ แม้ว่าเมล็ดกาแฟคั่วสามารถดินที่บ้านทันทีก่อนการบริโภค นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่าพิสดาร เผาดิบ ถั่วที่บ้าน

เลือกวิธีชงขึ้นบ้างในระดับที่เมล็ดกาแฟถูกคั่วกาแฟคั่วเบามีแนวโน้มที่จะใช้สำหรับกรองกาแฟของการรวมกันของวิธีการ และผลลัพธ์ในลักษณะย่างสูง ความเป็นกรด ความซับซ้อน และชัดเจนความแตกต่าง [ ชี้แจงจำเป็น ] กาแฟคั่วเข้มใช้เอสเปรสโซ เพราะเครื่องธรรมชาติสารสกัดมากขึ้นของแข็งละลายน้ำ ทำให้กาแฟเบาเป็นกรดเกินไป

อาจจะบดเมล็ดกาแฟได้หลายวิธีเครื่องบดเสี้ยนจะใช้องค์ประกอบหมุนเฉือนเมล็ด ; เครื่องบดใบมีดตัดเมล็ดด้วยใบพัดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง และครกและสากทับเมล็ด สำหรับวิธีการชงเครื่องบดเสี้ยนมากที่สุดจะถือว่าเหนือกว่าเพราะจะยิ่งบดและบด ขนาดสามารถปรับได้

ชนิดบดมักจะตั้งชื่อตามวิธี brewing ซึ่งโดยทั่วไปใช้ตุรกีบดคือบดที่ดีที่สุด ในขณะที่เครื่องกรองกาแฟ grinds หรือกดฝรั่งเศสเป็น coarsest . grinds ส่วนใหญ่ระหว่าง extremes สองเหล่านี้ : grind ปานกลางใช้ในเครื่องที่บ้านกาแฟชงที่สุด [ 91 ]

กาแฟอาจจะกลั่นโดยหลายวิธี มันอาจจะ ต้ม ดอง หรือความดัน ต้มกาแฟเดือดเป็นวิธีที่เก่าที่สุดและตุรกีกาแฟเป็นตัวอย่างของวิธีนี้ [ 92 ] มันถูกจัดเตรียมโดยบดหรือทุบเมล็ดให้เป็นผงละเอียดแล้วเพิ่มน้ำและนำมันไปต้มไม่เกินทันทีในหม้อที่เรียกว่า cezve หรือ ชาวกรีก ชื่อ มาร์ติน กิ นี้ผลิตกาแฟแข็งแรงด้วยชั้นของโฟมบนพื้นผิวและตะกอน ( ซึ่งไม่ได้หมายถึงการดื่ม ) ตกตะกอนที่ก้นถ้วย[ 92 ]

กาแฟ และชงกาแฟอัตโนมัติ percolators จใช้แรงโน้มถ่วง เป็นเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ , น้ำอุ่นหยดลงในกาแฟที่จัดขึ้นในกระดาษ พลาสติก หรือโลหะเจาะรู ตัวกรองกาแฟ ทำให้น้ำซึมผ่านพื้นในขณะที่กาแฟสกัดของน้ำมันและแก่น . ของเหลวที่หยดผ่านกาแฟและตัวกรองลงในโถหรือหม้อและใช้สนามจะถูกเก็บไว้ในตัวกรอง [ 93 ]

ในกรอง ต้ม น้ำ คือ บังคับให้เข้าไปในหอเหนือกรองด้วยไอน้ำความดันที่สร้างขึ้นโดยการต้ม น้ำแล้วไหลผ่านลาน และกระบวนการซ้ำจนจบโดยลบจากความร้อน โดยจับเวลาภายใน[ 93 ] หรือโดย thermostat ที่ปิดฮีตเตอร์หม้อทั้งหมด เมื่อถึงอุณหภูมิที่แน่นอน

กาแฟอาจจะถูกต้มโดย steeping ในอุปกรณ์ เช่น ฝรั่งเศส ( ยังเป็นที่รู้จัก cafeti è re , กาแฟ หรือกาแฟกดลูกสูบ ) [ 94 ] ดินกาแฟและน้ำร้อนจะถูกรวมใน เป็นภาชนะทรงกระบอก และ ซ้ายชง ไม่กี่นาทีวงกลมตัวกรองที่เหมาะกับแน่นในถังคงที่จะกระแทกแล้วผลักลงจากด้านบนเพื่อบังคับสนามด้านล่าง ไส้กรองมีพื้นที่ด้านล่างที่เป็นกาแฟ เทจากภาชนะบรรจุ เพราะกาแฟอยู่ในการติดต่อโดยตรงกับน้ำ น้ำมันกาแฟทั้งหมดอยู่ในของเหลว , ทำให้มันเป็นเครื่องดื่มที่แข็งแกร่ง .วิธีต้มใบนี้ตะกอนมากกว่าในกาแฟโดยเครื่องกาแฟอัตโนมัติ [ 94 ] ผู้สนับสนุนจุดวิธีกดฝรั่งเศสว่าตะกอนออกสามารถทำได้โดยใช้ชนิดที่ด้านขวาของเครื่องบด : พวกเขาอ้างว่าเครื่องบดใบมีดจอบหมุนตัดเมล็ดกาแฟในช่วงกว้างของขนาดรวมทั้งปรับ ผงกาแฟที่ยังคงเป็นตะกอนที่ก้นถ้วยในขณะที่เครื่องบดเสี้ยน grinds ถั่วลงอย่างต่อเนื่องโดยขนาด grinds กาแฟจัดการให้อย่างสม่ำเสมอ และติด โดยกด [ 95 ] ภายในนาทีแรกของ brewing 95% ของคาเฟอีนออกจากเมล็ดกาแฟ [ อ้างอิงที่จำเป็น ]

วิธีการเอสเปรสโซแรงร้อนและแรงดันน้ำระเหยผ่านกาแฟ พื้นดินผลของการชงภายใต้แรงดันสูง ( ผสมระหว่าง 9 – 10 ATM ) , เครื่องดื่มเอสเพรสโซเข้มข้นมากขึ้น ( เท่าที่ 10 ถึง 15 ครั้งปริมาณของกาแฟกับน้ำเป็นวิธีการชงแรงโน้มถ่วงสามารถผลิต ) และมีความซับซ้อนมากขึ้น และรัฐธรรมนูญทางกายภาพเคมี [ 96 ] เตรียมเอสเปรสโซมีสีแดง โฟมน้ำตาลที่เรียกว่า Crema ที่ลอยบนผิวน้ำ[ 91 ] อื่น ๆดันน้ำวิธีการรวมหม้อกาแฟสูญญากาศก

หนาวตั้งเค้ากาแฟจะทำโดย steeping บดหยาบ เมล็ดในน้ำเย็นเป็นเวลาหลายชั่วโมง แล้วกรองพวกเขา [ 97 ] ผลนี้ในการลดกรดกว่าวิธีการตั้งเค้าเบียร์จาที่สุด