my understanding of the need to use

my understanding of the need to use
more nonfiction and informational
literature with the children. However,
the process of observing kindergartners’
book choices, discussions, and
writing is what really compelled me to
change my thinking and practices. It
is evident that “incorporating informational
text in the early years of school
has the potential to increase student
motivation, build important comprehension
skills, and lay the groundwork
for students to grow into confident,
purposeful readers” (Duke 2004, 43).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความเข้าใจของฉันจำเป็นต้องใช้มากขึ้น
สารคดีและข้อมูล
วรรณกรรมกับเด็ก แต่
กระบวนการของการสังเกต kindergartners '
เลือกหนังสือการอภิปรายและเขียน
เป็นสิ่งที่บังคับให้ฉันไปจริงๆ
เปลี่ยนความคิดและการปฏิบัติของฉัน
มันเห็นได้ชัดว่า "การผสมผสานข้อมูล
ข้อความในช่วงต้นปีของโรงเรียน
มีศักยภาพในการเพิ่มขึ้นของนักเรียน
แรงจูงใจสร้างความเข้าใจในทักษะที่สำคัญ
และวางรากฐาน
สำหรับนักเรียนที่จะเติบโตเป็นความมั่นใจผู้อ่านเด็ดเดี่ยว
"(ดยุค 2004, 43)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ฉันเข้าใจใช้
nonfiction เพิ่มเติม และข้อมูล
วรรณกรรมกับเด็ก อย่างไรก็ตาม,
กระบวนการสังเกตของ kindergartners
เลือกจอง สนทนา และ
เขียนเป็นอะไรจริง ๆ ได้ทำให้ฉัน
เปลี่ยนความคิดและปฏิบัติ มัน
ปรากฏชัดเจนที่ "เพจข้อมูล
ข้อความในช่วงปีแรก ๆ ของโรงเรียน
มีศักยภาพในการเพิ่มนักเรียน
แรงจูงใจ สร้างความเข้าใจที่สำคัญ
ทักษะ และวางส่วน
สำหรับนักเรียนที่จะเติบโตเป็นที่มั่น,
อ่าน purposeful " (ดุ๊ค 2004, 43)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ฉันเข้าใจความต้องการที่จะใช้จริง

ซึ่งจะช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติมและเอกสารด้วยคน. แต่ถึงอย่างไรก็ตาม
กระบวนการของการปฏิบัติตามแอลสตัน'การสนทนากันอย่างกว้างขวางทางเลือก

ซึ่งจะช่วยการเขียนหนังสือและมีอะไรจริงๆต้องรีบให้ผม
ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนวิธีปฏิบัติและความคิดของฉัน
ซึ่งจะช่วยให้มีหลักฐานว่า"ประกอบด้วยข้อมูล
ข้อความในปีแรกของโรงเรียน
มี ศักยภาพ ที่จะเพิ่มนักศึกษา
ซึ่งจะช่วยสร้างแรงจูงใจสร้างทักษะความเข้าใจ
สำคัญและวางรากฐานที่
ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาได้ขยายตัวไปสู่ความมั่นใจ
เพียงแต่ว่าผู้อ่าน"( Duke 200443 )