PH-cheeses showed the highest conte

PH-cheeses showed the highest content of C16, C18 and C18:1 at
30 and 60 days of ripening. No statistical differences were found
between PA- and UH-cheeses in either of these ripening stages.
Lipolysis in cheese can be produced by natural lipases, such as
LPL or by microbial lipases from the starter and non starter lactic
acid bacteria. The indigenous LPL is nearly completely inactivated
by HTST pasteurization. However, it may contribute to lipolysis in
pasteurized-milk cheeses as a time and temperature combination
of 78
C for 10 s is required for its complete inactivation (Driessen,
1989). Datta et al. (2005) observed that the activation/inactivation
of milk lipase by UHPH depends on the temperature reached with
the treatment. These authors found a total inactivation of the
endogenous LPL in milk UHPH-treated at 200 MPa at outlet temperatures
>71
C. In the present study, the maximum temperature
achieved with the UHPH treatment was around 82
C which was
maintained for a short time (0.7 s), so little or no LPL activity is
expected for all cheeses.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

PH-เนยแข็งแสดงให้เห็นว่าเนื้อหาของ C16, C18 และ C18:1 ที่สูงสุด30 และ 60 วันของ ripening พบไม่มีความแตกต่างทางสถิติระหว่างป่า - และ UH-เนยแข็งในนี้ระยะ ripeningผลิตระหว่างประเทศในชีสามารถผลิต โดยธรรมชาติ lipases เช่นเอส lipases จุลินทรีย์จาก starter และแล็กติกสตาร์ทไม่ใช่หรือแบคทีเรียกรด เอสพื้นเมืองเกือบทั้งหมดได้ยกเลิกโดย HTST พาสเจอร์ไรซ์ อย่างไรก็ตาม มันอาจนำไปสู่การผลิตระหว่างประเทศในเนยแข็งนม pasteurized เป็นชุดเวลาและอุณหภูมิของ C 78 10 s จำเป็นสำหรับความสมบูรณ์ยกเลิกการเรียก (Driessen1989) สังเกต Datta et al. (2005) ที่จะเปิดใช้งาน/ยกเลิกการเรียกนม เอนไซม์ไลเปส โดย UHPH ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่พร้อมการรักษา เหล่านี้ผู้เขียนพบยกเลิกการเรียกผลรวมของการเอส endogenous ในนมถือว่า UHPH ที่แรง 200 ที่ร้านอุณหภูมิ> 71 C. ในการศึกษาปัจจุบัน อุณหภูมิสูงสุดทำได้ ด้วยการรักษา UHPH ถูกประมาณ C 82 ซึ่งรักษาเป็นเวลาสั้น ๆ (0.7 s), ดังนั้นกิจกรรมเอสน้อย หรือไม่มีคาดว่าสำหรับเนยแข็งทั้งหมด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

PH-ชีสแสดงให้เห็นว่าเนื้อหาที่สูงที่สุดของ C16, C18 และ C18: 1 ที่
30 และ 60 วันของการสุก ไม่มีความแตกต่างทางสถิติที่พบระหว่าง PA- และ UH-ชีสทั้งในขั้นตอนการทำให้สุกเหล่านี้. Lipolysis ในชีสสามารถผลิตเอนไซม์ไลเปสโดยธรรมชาติเช่นLPL หรือไลเปสจากจุลินทรีย์เริ่มต้นและไม่เริ่มต้นแลคติกแบคทีเรียกรด LPL พื้นเมืองเกือบใช้งานอย่างสมบูรณ์โดยHTST พาสเจอร์ไรซ์ แต่ก็อาจนำไปสู่การสลายไขมันในเนยแข็งพาสเจอร์ไรส์นมเป็นเวลาและอุณหภูมิรวมกัน78? C เป็นเวลา 10 วินาทีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้งานที่สมบูรณ์ (Driessen, 1989) Datta et al, (2005) ตั้งข้อสังเกตว่าการเปิดใช้งาน / การใช้งานของเอนไซม์ไลเปสนม UHPH ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิถึงกับการรักษา ผู้เขียนเหล่านี้พบว่ามีการใช้งานทั้งหมดของLPL ภายนอกในนม UHPH รับการรักษาที่ 200 MPa ที่อุณหภูมิเต้าเสียบ> 71 องศาเซลเซียส ในการศึกษาปัจจุบันที่อุณหภูมิสูงสุดที่ประสบความสำเร็จกับการรักษา UHPH อยู่ที่ประมาณ 82 องศาเซลเซียสซึ่งได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นเวลาสั้นๆ (? 0.7 s), เล็ก ๆ น้อย ๆ หรือกิจกรรม LPL ไม่คาดชีสทั้งหมด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อแสดงเนื้อหาสูงสุดของ c16 เนยแข็ง , และ c18 ที่ทำการที่
30 และ 60 วันสุก ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ พบว่า ระหว่าง ปา - และ เอ่อ
ชีสในอย่างใดอย่างหนึ่งเหล่านี้สุกขั้นตอน .
lipolysis ในชีสสามารถผลิตไลเปสธรรมชาติ เช่น
lpl โดยไลเปสจากเชื้อจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียกรดแลคติกและไม่เริ่มต้น
. การ lpl พื้นเมืองเกือบทั้งหมดซึ่ง
โดยการใช้ตัวแปร . แต่มันอาจนำไปสู่ lipolysis ใน
นมพาสเจอร์ไรส์เนยแข็งเป็นอุณหภูมิและเวลารวมกัน
78
C 10 S เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำให้สมบูรณ์ ( เดรย์สัน
, 1989 ) ตตา et al . ( 2005 ) พบว่า การเปิดใช้งาน / ใช้งาน
เอนไซม์น้ำนม โดย uhph ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ถึงการรักษาด้วย
. ผู้เขียนเหล่านี้ได้ใช้งานทั้งหมดของ
ใน lpl ใน uhph นมถือว่า 200 MPa ที่ร้านอุณหภูมิ
> 71
C . ในการศึกษา
อุณหภูมิสูงสุดได้ด้วยการรักษา uhph ประมาณ 82
C ซึ่ง
รักษาเป็นระยะเวลาสั้น ๆ (  0.7 ) น้อยมาก หรือกิจกรรมที่ไม่ lpl คือ
คาดว่าทั้งหมดชีส .