3.2 เฮอร์เบิร์ต ไซมอน (Herbert A. S

3.2 เฮอร์เบิร์ต ไซมอน (Herbert A. Simon, 1976) : ได้เสนอแนวคิดที่เกี่ยวกับทฤษฎีรัฐประศาสนศาสตร์ไว้ในหนังสือชื่อว่า “Administrative Behavior: A Study of Decision–Making Process in Administrative Organization” สรุปได้ดังนี้
1. การสร้างเครื่องมือเพื่อมององค์การ โดยผ่านหนังสือ “Administrative Behavior: A Study of Decision-Making Process in Administrative Organization” เช่น เสนอคำศัพท์หรือแนวความคิดต่าง ๆ
2. ข้อบกพร่องของ “หลักการบริหาร” ทฤษฎีหลักการบริหารมีข้อผิดพลาดตรงที่ประกอบได้ด้วยหลักการบางหลักการที่ขัดแย้งกันเอง เช่น
2.1 ความขัดแย้งระหว่างหลักการของข่ายการควบคุม (Span of Control) และหลักลำดับชั้น (Hierarchy)
2.2 ความขัดแย้งระหว่างหลักผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง (Specialization) และหลักเอกภาพการควบคุม (Unity of Command)ความขัดแย้งระหว่างการจัดองค์การตามวัตถุประสงค์ กระบวนการลูกค้า และสถานที่ การเลือกวิธีจัดองค์การแบบหนึ่งอาจทำให้ไม่สามารถเลือกแบบอื่นได้
3. การตัดสินใจเป็นหัวใจของวิชารัฐประศาสนศาสตร์ Simon เสนอว่า ผู้ตัดสินใจจะต้องมี
3.1 สามารถจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายต่าง ๆ ที่ต้องการบรรลุ
3.2 รู้แนวทางปฏิบัติ (Alternative Strategies) ทุกแนวทางอย่างถ่องแท้
3.3 มีความรู้ (Knowledge) และมีความสามารถในทางจิตวิทยา แต่ในทางปฏิบัติ Simon มีความเห็นว่าการตัดสินใจมิได้ดำเนินการไปอย่างมีเหตุผลสมบูรณ์แบบ เพราะ
1) ผู้ตัดสินใจขาดความรู้ที่สมบูรณ์
2) มนุษย์ทั่วไปไม่มีความสามารถที่จะคาดการณ์ได้ว่า การตัดสินใจแต่ละครั้งจะนำมาซึ่งความพอใจแค่ไหนในอนาคต
3) ผู้ตัดสินใจไม่สามารถหยั่งรู้ถึงแนวทางปฏิบัติไปได้ทุกแนวทาง
4. การตัดสินใจเรื่องเป้าหมายขององค์การ การตัดสินใจแยกได้ 2 แบบคือ
4.1 การตัดสินใจเพื่อเลือกเป้าหมายสุดยอด (Final goals) ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจเรื่องค่านิยม
4.2 การตัดสินใจเพื่อนำเอาเป้าหมายสุดยอดไปปฏิบัติให้เกิดผลเรียกว่าเป็นการตัดสินใจเรื่องข้อเท็จจริง
5. ดุลยภาพ (Equillibrium) ภายในองค์การ ได้แก่
5.1 เป้าหมายองค์การเป็นเหตุจูงใจประเภทแรก
5.2 สิ่งจูงใจให้คนงานทำงาน
5.3 การเจริญเติบโตขององค์การ

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

3.2 เฮอร์เบิร์ตไซมอน (เฮอร์เบิร์ต A. Simon, 1976): ได้เสนอแนวคิดที่เกี่ยวกับทฤษฎีรัฐประศาสนศาสตร์ไว้ในหนังสือชื่อว่า "ลักษณะปกครอง: กระบวนการ – การตัดสินใจในองค์การบริหารการศึกษา" สรุปได้ดังนี้1. การสร้างเครื่องมือเพื่อมององค์การโดยผ่านหนังสือ "ลักษณะการทำงานที่ดูแล: การศึกษากระบวนการตัดสินใจในองค์การบริหาร" เช่นเสนอคำศัพท์หรือแนวความคิดต่างๆ 2. ข้อบกพร่องของ "หลักการบริหาร" ทฤษฎีหลักการบริหารมีข้อผิดพลาดตรงที่ประกอบได้ด้วยหลักการบางหลักการที่ขัดแย้งกันเองเช่น 2.1 ความขัดแย้งระหว่างหลักการของข่ายการควบคุม (ช่วงของตัวควบคุม) และหลักลำดับชั้น (ลำดับชั้น) 2.2 ความขัดแย้งระหว่างหลักผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง (เชี่ยวชาญ) และหลักเอกภาพการควบคุม (ความสามัคคีของคำสั่ง) ความขัดแย้งระหว่างการจัดองค์การตามวัตถุประสงค์กระบวนการลูกค้าและสถานที่การเลือกวิธีจัดองค์การแบบหนึ่งอาจทำให้ไม่สามารถเลือกแบบอื่นได้3. การตัดสินใจเป็นหัวใจของวิชารัฐประศาสนศาสตร์ Simon เสนอว่าผู้ตัดสินใจจะต้องมี ที่ต้องการบรรลุๆ 3.1 สามารถจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายต่าง ทุกแนวทางอย่างถ่องแท้รู้แนวทางปฏิบัติ 3.2 (กลวิธีอื่น) แต่ในทางปฏิบัติและมีความสามารถในทางจิตวิทยามีความรู้ (ความรู้) 3.3 Simon มีความเห็นว่าการตัดสินใจมิได้ดำเนินการไปอย่างมีเหตุผลสมบูรณ์แบบเพราะ 1) ผู้ตัดสินใจขาดความรู้ที่สมบูรณ์ 2) มนุษย์ทั่วไปไม่มีความสามารถที่จะคาดการณ์ได้ว่าการตัดสินใจแต่ละครั้งจะนำมาซึ่งความพอใจแค่ไหนในอนาคต 3) ผู้ตัดสินใจไม่สามารถหยั่งรู้ถึงแนวทางปฏิบัติไปได้ทุกแนวทาง4. การตัดสินใจเรื่องเป้าหมายขององค์การการตัดสินใจแยกได้ 2 แบบคือ ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจเรื่องค่านิยมการตัดสินใจเพื่อเลือกเป้าหมายสุดยอด 4.1 (เป้าหมายขั้นสุดท้าย) 4.2 การตัดสินใจเพื่อนำเอาเป้าหมายสุดยอดไปปฏิบัติให้เกิดผลเรียกว่าเป็นการตัดสินใจเรื่องข้อเท็จจริง 5. ดุลยภาพ (Equillibrium) ภายในองค์การได้แก่ 5.1 เป้าหมายองค์การเป็นเหตุจูงใจประเภทแรก 5.2 สิ่งจูงใจให้คนงานทำงาน 5.3 การเจริญเติบโตขององค์การ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

3.2 เฮอร์เบิร์ตไซมอน (เฮอร์เบิร์ตไซมอน, 1976): "พฤติกรรมการบริหาร: การศึกษากระบวนการตัดสินใจในองค์การบริหารส่วน" สรุปได้ดังนี้
1 การสร้างเครื่องมือเพื่อมององค์การโดยผ่าน หนังสือ "พฤติกรรมการบริหาร: การศึกษากระบวนการตัดสินใจในองค์การบริหาร" เช่นเสนอคำศัพท์หรือแนวความคิด ต่าง ๆ
2 ข้อบกพร่องของ "หลักการบริหาร" เช่น
2.1 (ช่วง Control) และหลักลำดับชั้น (Hierarchy)
2.2 (เชี่ยวชาญ) และหลักเอกภาพการควบคุม (เอกภาพในเรื่องของ กระบวนการลูกค้าและสถานที่
ไซมอนเสนอว่าผู้ตัดสินใจจะต้องมี
3.1 ๆ ที่ต้องการบรรลุ
3.2 รู้แนวทางปฏิบัติ (กลยุทธ์ทางเลือก) ทุกแนวทางอย่างถ่องแท้
3.3 มีความรู้ (Knowledge) และมีความสามารถในทางจิตวิทยา แต่ ในทางปฏิบัติ ไซมอน เพราะ
1) ผู้ตัดสินใจขาดความรู้ที่สมบูรณ์
2) การตัดสินใจแยกได้ 2 แบบคือ4.1 (เป้าหมายสุดท้าย) ดุลยภาพ (Equillibrium) ภายในองค์การ ได้แก่5.1 สิ่งจูงใจให้คนงานทำงาน5.3 การเจริญเติบโตขององค์การ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

3.2 เฮอร์เบิร์ตไซมอน ( เฮอร์เบิร์ต ไซมอน , 1976 ) : ได้เสนอแนวคิดที่เกี่ยวกับทฤษฎีรัฐประศาสนศาสตร์ไว้ในหนังสือชื่อว่า " พฤติกรรมการบริหาร : การศึกษาเพื่อการตัดสินใจในการบริหารสรุปได้ดังนี้องค์กร”1 . การสร้างเครื่องมือเพื่อมององค์การโดยผ่านหนังสือ " พฤติกรรมการบริหาร : การศึกษากระบวนการตัดสินใจในการบริหารองค์กร " เช่นเสนอคำศัพท์หรือแนวความคิดต่างไม่มี2 . ข้อบกพร่องของ " หลักการบริหาร " ทฤษฎีหลักการบริหารมีข้อผิดพลาดตรงที่ประกอบได้ด้วยหลักการบางหลักการที่ขัดแย้งกันเองเช่น2.1 ความขัดแย้งระหว่างหลักการของข่ายการควบคุม ( ช่วงการควบคุม ( การปกครอง ) ) และหลักลำดับชั้น2.2 ความขัดแย้งระหว่างหลักผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง ( เฉพาะทาง ) และหลักเอกภาพการควบคุม ( เอกภาพการบังคับบัญชา ) ความขัดแย้งระหว่างการจัดองค์การตามวัตถุประสงค์กระบวนการลูกค้าและสถานที่การเลือกวิธีจัดองค์การแบบหนึ่งอาจทำให้ไม่สามารถเลือกแบบอื่นได้3 . เสนอว่าผู้ตัดสินใจจะต้องมีการตัดสินใจเป็นหัวใจของวิชารัฐประศาสนศาสตร์ไซมอน3.1 สามารถจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายต่างจะที่ต้องการบรรลุ3.2 รู้แนวทางปฏิบัติ ( กลยุทธ์ทางเลือก ) ทุกแนวทางอย่างถ่องแท้3.3 มีความรู้ ( ความรู้ ) และมีความสามารถในทางจิตวิทยามีความเห็นว่าการตัดสินใจมิได้ดำเนินการไปอย่างมีเหตุผลสมบูรณ์แบบเพราะแต่ในทางปฏิบัติไซมอน1 ) ผู้ตัดสินใจขาดความรู้ที่สมบูรณ์2 ) มนุษย์ทั่วไปไม่มีความสามารถที่จะคาดการณ์ได้ว่าการตัดสินใจแต่ละครั้งจะนำมาซึ่งความพอใจแค่ไหนในอนาคต3 ) ผู้ตัดสินใจไม่สามารถหยั่งรู้ถึงแนวทางปฏิบัติไปได้ทุกแนวทาง4 . การตัดสินใจเรื่องเป้าหมายขององค์การการตัดสินใจแยกได้ 2 แบบคือ4.1 การตัดสินใจเพื่อเลือกเป้าหมายสุดยอด ( ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจเรื่องค่านิยมเป้าหมายสุดท้าย )4.2 การตัดสินใจเพื่อนำเอาเป้าหมายสุดยอดไปปฏิบัติให้เกิดผลเรียกว่าเป็นการตัดสินใจเรื่องข้อเท็จจริง5 . ดุลยภาพ ( equillibrium ) ภายในองค์การได้แก่5.1 เป้าหมายองค์การเป็นเหตุจูงใจประเภทแรก5.2 สิ่งจูงใจให้คนงานทำงาน5.3 การเจริญเติบโตขององค์การ