Deforestation and climate changeDef

Deforestation and climate change
Deforestation is considered to be one of the contributing factors to global climate change. According to Michael Daley, associate professor of environmental science at Lasell College in Newton, Massachusetts, the No. 1 problem caused by deforestation is the impact on the global carbon cycle. Gas molecules that absorb thermal infrared radiation are called greenhouse gases. If greenhouse gases are in large enough quantity, they can force climate change, according to Daley. While oxygen (O2) is the second most abundant gas in our atmosphere, it does not absorb thermal infrared radiation, as greenhouse gases do. Carbon dioxide (CO2) is the most prevalent greenhouse gas. In 2012, CO2 accounted for about 82 percent of all U.S. greenhouse gas, according to the Environmental Protection Agency (EPA). Trees can help, though. 300 billion tons of carbon, 40 times the annual greenhouse gas emissions from fossil fuels, is stored in trees, according to Greenpeace.
The deforestation of trees not only lessens the amount of carbon stored, it also releases carbon dioxide into the air. This is because when trees die, they release the stored carbon. According to the 2010 Global Forest Resources Assessment, deforestation releases nearly a billion tons of carbon into the atmosphere per year, though the numbers are not as high as the ones recorded in the previous decade. Deforestation is the second largest anthropogenic (human-caused) source of carbon dioxide to the atmosphere, ranging between 6 percent and 17 percent. (Van Der Werf, G. R. et al., 2009)
Carbon isn't the only greenhouse gas that is affected by deforestation. Water vapor is also considered a greenhouse gas. "The impact of deforestation on the exchange of water vapor and carbon dioxide between the atmosphere and the terrestrial land surface is the biggest concern with regard to the climate system," said Daley. Changes in their atmospheric concentration will have a direct effect on climate.
Deforestation has decreased global vapor flows from land by 4 percent, according to a study published by the National Academy of Sciences. Even this slight change in vapor flows can disrupt natural weather patterns and change current climate models.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตัดไม้ทำลายป่าและสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงตัดไม้ทำลายป่าถือเป็นหนึ่งปัจจัยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ตาม Michael Daley ศาสตราจารย์วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมในวิทยาลัย Lasell นิวตัน แมสซาชูเซตส์ ปัญหาหมายเลข 1 ที่เกิดจากการทำลายป่ามีผลกระทบต่อวัฏจักรคาร์บอนทั่วโลก โมเลกุลของก๊าซที่ดูดซับรังสีอินฟราเรดความร้อนเรียกว่าก๊าซเรือนกระจก ถ้าก๊าซเรือนกระจกใน ปริมาณที่เพียงพอ พวกเขาสามารถบังคับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตาม Daley ออกซิเจน (O2) เป็น ก๊าซในบรรยากาศของเราอุดมสมบูรณ์มากที่สุดที่สอง มันไม่ดูดซับรังสีอินฟราเรดความร้อน ก๊าซเรือนกระจกทำ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นก๊าซเรือนกระจกแพร่หลายมากที่สุด ใน 2012, CO2 คิดเป็นประมาณร้อยละ 82 ของแก๊สทั้งหมดในสหรัฐฯ เรือนกระจก ตามสิ่งแวดล้อมป้องกันหน่วย (EPA) ต้นไม้สามารถได้ แม้ว่า ล้านตันของคาร์บอน 40 ครั้งที่ประจำปีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล อยู่ในต้นไม้ ตาม Greenpeaceการทำลายป่าต้นไม้ไม่เพียงแต่ลดจำนวนคาร์บอนที่เก็บไว้ ยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อต้นไม้ตาย พวกเขาปล่อยคาร์บอนที่เก็บไว้ ตาม 2010 โลกป่าทรัพยากรประเมิน ทำลายป่าออกเกือบพันล้านตันคาร์บอนในบรรยากาศต่อปี แม้ว่าตัวเลขไม่สูงที่บันทึกในทศวรรษก่อนหน้านี้ ตัดไม้ทำลายป่าเป็นอันดับสองมาของมนุษย์ (เกิดจากมนุษย์) แหล่งที่มาของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ ระหว่างร้อยละ 6 และร้อยละ 17 (Van Der Werf, G. R. et al., 2009)คาร์บอนไม่ใช่ก๊าซเรือนกระจกเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากการทำลายป่า ไอน้ำจะยังถือว่าก๊าซเรือนกระจก "ผลกระทบของการทำลายป่าในการแลกเปลี่ยนไอน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างบรรยากาศและพื้นผิวแผ่นดินบกทั้งหลายคือ ความกังวลที่ใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับระบบอากาศ Daley กล่าวว่า ในความเข้มข้นของบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงจะมีผลโดยตรงในสภาพภูมิอากาศ ตัดไม้ทำลายป่าลดโลกไอไหลจากที่ดิน 4 เปอร์เซ็นต์ ตามการศึกษาที่เผยแพร่ โดยสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ แม้เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในขั้นตอนการไอสามารถรบกวนอากาศธรรมชาติรูปแบบ และเปลี่ยนรูปแบบสภาพอากาศปัจจุบัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตัดไม้ทำลายป่าและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตัดไม้ทำลายป่าจะถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ตามที่ไมเคิลเลย์, ศาสตราจารย์ของวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่ Lasell วิทยาลัยนิวตัน, แมสซาชูเซตที่ 1 ปัญหาที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าเป็นผลกระทบต่อวัฏจักรคาร์บอนทั่วโลก โมเลกุลของแก๊สที่ดูดซับรังสีอินฟราเรดความร้อนที่เรียกว่าก๊าซเรือนกระจก หากมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่มากพอที่พวกเขาสามารถบังคับให้เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามที่เลย์ ในขณะที่ออกซิเจน (O2) เป็นก๊าซที่มีมากที่สุดเป็นอันดับสองในบรรยากาศของเราก็ไม่ได้ดูดซับรังสีอินฟราเรดความร้อนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ทำ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นก๊าซเรือนกระจกที่แพร่หลายมากที่สุด ในปี 2012, CO2 คิดเป็นประมาณร้อยละ 82 ของก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดสหรัฐตามหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (EPA) ต้นไม้สามารถช่วย แต่ 300,000,000,000 ตันคาร์บอน 40 ครั้งปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประจำปีจากเชื้อเพลิงฟอสซิลถูกเก็บไว้ในต้นไม้ตามที่กรีนพีซ.
ตัดไม้ทำลายป่าของต้นไม้ไม่เพียง แต่ช่วยลดปริมาณของคาร์บอนที่เก็บไว้ก็ยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ ทั้งนี้เพราะเมื่อต้นไม้ตายพวกเขาปล่อยคาร์บอนที่เก็บไว้ ตามที่ทรัพยากรป่าไม้ทั่วโลก 2010 การประเมินข่าวตัดไม้ทำลายป่าเกือบพันล้านตันคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศต่อปี แต่ตัวเลขที่ไม่สูงเท่าที่บันทึกไว้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตัดไม้ทำลายป่าเป็นใหญ่เป็นอันดับสองของมนุษย์ (ที่เกิดจากมนุษย์) แหล่งที่มาของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศตั้งแต่ระหว่างร้อยละ 6 และร้อยละ 17 (Van Der Werf, GR et al., 2009)
คาร์บอนไม่ได้เป็นก๊าซเรือนกระจกที่เดียวที่ได้รับผลกระทบจากการตัดไม้ทำลายป่า ไอน้ำยังถือว่าเป็นก๊าซเรือนกระจก "ผลกระทบจากการตัดไม้ทำลายป่าในการแลกเปลี่ยนของไอน้ำและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างบรรยากาศและพื้นผิวดินแดนทั่วโลกเป็นกังวลมากที่สุดเกี่ยวกับระบบภูมิอากาศ" เลย์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงในความเข้มข้นในบรรยากาศของพวกเขาจะมีผลกระทบโดยตรงกับสภาพภูมิอากาศ.
ตัดไม้ทำลายป่าได้ลดลงกระแสไอทั่วโลกจากแผ่นดินร้อยละ 4 ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์โดยสถาบันการศึกษาแห่งชาติของวิทยาศาสตร์ แม้เรื่องนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในกระแสไอสามารถทำลายรูปแบบสภาพอากาศตามธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันรูปแบบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การทำลายป่าและการตัดไม้ทำลายป่าเปลี่ยน
บรรยากาศถือว่าเป็นหนึ่งของปัจจัยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ตามที่ไมเคิล Daley , ศาสตราจารย์เชื่อมโยงวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่ lasell วิทยาลัยในนิวตัน , แมสซาชูเซต อันดับ 1 คือ ปัญหาที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าส่งผลกระทบต่อวัฏจักรของคาร์บอนของโลกโมเลกุลของก๊าซที่ดูดซับรังสีอินฟราเรดความร้อนเรียกว่าก๊าซเรือนกระจก ถ้าก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่มากพอ ก็สามารถบังคับให้เปลี่ยนแปลงตาม เดลลี่ย์ ในขณะที่ก๊าซออกซิเจน ( O2 ) เป็นแก๊สที่มีมากที่สุดที่สองในชั้นบรรยากาศของเรา มันไม่ดูดซับรังสีอินฟราเรดความร้อนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ทำ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ( CO2 ) ก๊าซเรือนกระจกที่แพร่หลายมากที่สุด ในปี 2012 นี้CO2 เป็นก๊าซเรือนกระจกประมาณ 82 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดสหรัฐตามที่สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ( EPA ) ต้นไม้ก็ช่วยได้นะ 300 ล้านตันคาร์บอน ครั้งที่ 40 ประจำปี การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ถูกจัดเก็บไว้ในต้นไม้ จากกรีนพีซ .
ป่าไม้ของต้นไม้ที่ไม่เพียง แต่ช่วยลดปริมาณคาร์บอนที่เก็บไว้ มันยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศเพราะเวลาต้นไม้ตาย พวกเขาจะปล่อยเก็บคาร์บอน ตาม 2010 ทั่วโลก ทรัพยากรป่าไม้ , การประเมินการตัดไม้ทำลายป่ารุ่นเกือบพันล้านตันของคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศต่อปี แม้ว่าตัวเลขจะไม่สูงเท่าที่บันทึกไว้ในทศวรรษก่อนหน้า การทำลายป่าเป็นสองที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์มนุษย์ ( เกิด ) ที่มาของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศในช่วงระหว่าง 6 เปอร์เซ็นต์และ 17 เปอร์เซ็นต์ ( แวนเดอร์กราฟ G . R . , et al . , 2009 )
คาร์บอนไม่เฉพาะก๊าซ เรือนกระจก ที่ได้รับผลกระทบจากการทำลายป่า ไอน้ำก็เป็นก๊าซเรือนกระจก” ผลกระทบของการตัดไม้ทำลายป่าบนตราของไอน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างบรรยากาศและพื้นผิวแผ่นดินบกที่ใหญ่ที่สุดความกังวลเกี่ยวกับระบบอากาศ" บอกว่า เดลลี่ย์ การเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของบรรยากาศของพวกเขาจะมีผลโดยตรงต่อสภาพภูมิอากาศ
การตัดไม้ทำลายป่าลดลงทั่วโลกไอไหลจากที่ดิน 4 เปอร์เซ็นต์ , ตามการศึกษาที่เผยแพร่โดยสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ แม้แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในไอน้ำไหลสามารถทำลายรูปแบบอากาศธรรมชาติ และเปลี่ยนรูปแบบสภาพอากาศปัจจุบัน