The interfaces developed by this st

The interfaces developed by this study utilized elements of the existing school curriculum that the children were already familiar with, which decreased their cognitive burden when they were attempting to understand the thematic structure.
Children understood some parts of the interface structure, but appeared to be uncertain as to the placement of the information nodes. As a result, they adopted browsing as a strategy to find their exact target. They were then able to develop a search strategy (VZ3 in 2D, MV2 in 3D) for their next move. Children with limited vocabulary use the
space efficiency (which allows for information accessibility), and precision, effectiveness (which influences information diagnosticity) as the most important criteria in their search. Children spent less time when using the 2D interface than they
did when using the 3D interface, and applied an exhaustive approach. Thus the cognitive burden associated with the 3D interface outweighs its convenience for information accessibility; however, in terms of information diagnosticity, increased
convenience outweighs the cognitive burden brought by a 3D interface.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อินเทอร์เฟซที่พัฒนา โดยการศึกษานี้ใช้องค์ประกอบของหลักสูตรโรงเรียนที่มีอยู่ว่า เด็ก ๆ อยู่แล้วคุ้นเคยกับ ซึ่งลดภาระทางปัญญาของพวกเขาเมื่อพวกเขาพยายามจะเข้าใจโครงสร้างภาคเด็กเข้าใจบางส่วนของโครงสร้างอินเทอร์เฟซ แต่ดูเหมือนจะ เป็นตำแหน่งของโหนข้อมูลไม่แน่ เป็นผล พวกเขานำมาใช้เรียกดูเป็นกลยุทธ์ในการค้นหาเป้าหมายของพวกเขาแน่นอน ได้มีแล้วการพัฒนากลยุทธ์การค้นหา (VZ3 ใน 2D, MV2 ใน 3D) สำหรับถัดไปของพวกเขา เด็กที่ มีการใช้คำศัพท์ที่จำกัดการประหยัดเนื้อที่ (ซึ่งช่วยให้สำหรับการเข้าถึงข้อมูล), และความ แม่นยำ ประสิทธิภาพ (ซึ่งมีอิทธิพลต่อข้อมูล diagnosticity) เป็นเกณฑ์สำคัญในการค้นหาของพวกเขา เด็กใช้เวลาน้อยลงเมื่อใช้ 2D การอินเตอร์เฟซมากกว่าพวกเขาเมื่อใช้ 3D และใช้วิธีการครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้น ภาระทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เฟซ 3D เมื่อเทียบกับความสะดวกสำหรับการเข้าถึงข้อมูล อย่างไรก็ตาม ในแง่ของข้อมูล diagnosticity เพิ่มขึ้นความสะดวกสบายเมื่อเทียบกับภาระทางปัญญาโดยอินเตอร์เฟซที่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อินเตอร์เฟซที่พัฒนาโดยการศึกษาใช้องค์ประกอบของหลักสูตรของโรงเรียนที่มีอยู่นี้ว่าเด็กมีความคุ้นเคยกับที่ลดลงภาระทางปัญญาของพวกเขาเมื่อพวกเขากำลังพยายามที่จะเข้าใจโครงสร้างใจ.
เด็กเข้าใจบางส่วนของโครงสร้างอินเตอร์เฟซ แต่ดูเหมือนจะมีความไม่แน่นอน เป็นตำแหน่งของโหนดข้อมูล เป็นผลให้พวกเขานำมาใช้เป็นกลยุทธ์ในการเรียกดูเพื่อค้นหาเป้าหมายของพวกเขาแน่นอน พวกเขาก็สามารถที่จะพัฒนากลยุทธ์การค้นหา (VZ3 ใน 2D, MV2 ใน 3D) สำหรับการย้ายไปของพวกเขา เด็กที่มีคำศัพท์ที่ จำกัด การใช้
พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ (ซึ่งช่วยให้สำหรับการเข้าถึงข้อมูล) และความแม่นยำมีประสิทธิภาพ (ที่มีอิทธิพลต่อ diagnosticity ข้อมูล) เป็นเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในการค้นหา เด็กใช้เวลาน้อยลงเมื่อใช้อินเตอร์เฟซ 2D กว่าที่พวกเขา
ได้เมื่อใช้อินเตอร์เฟซ 3 มิติและใช้วิธีการที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้นภาระองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เฟซ 3 มิติเมื่อเทียบกับความสะดวกสบายสำหรับการเข้าถึงข้อมูล แต่ในแง่ของ diagnosticity ข้อมูลเพิ่ม
ความสะดวกสบายเมื่อเทียบกับภาระความรู้ความเข้าใจมาโดยอินเตอร์เฟซ 3D

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อินเทอร์เฟซที่พัฒนาโดยการใช้องค์ประกอบของหลักสูตรที่มีอยู่ที่เด็กๆ คุ้นเคยกับ ซึ่งลดภาระการคิดของพวกเขาเมื่อพวกเขาพยายามที่จะเข้าใจโครงสร้างของใจเด็กเข้าใจบางส่วนของโครงสร้างอินเทอร์เฟซ แต่ดูเหมือนจะไม่แน่ใจว่าตำแหน่งของข้อมูลที่โหนด เป็นผลให้ , พวกเขาใช้เรียกเป็นกลยุทธ์ในการค้นหาเป้าหมายที่แน่นอนของพวกเขา จากนั้นได้พัฒนากลยุทธ์ในการ vz3 2D , 3D mv2 ) สำหรับครั้งต่อไป เด็กที่มีคำศัพท์จำกัดใช้ประสิทธิภาพของพื้นที่ ( ซึ่งช่วยให้ข้อมูลการเข้าถึง ) และความเที่ยงตรง ประสิทธิผล ( ซึ่งมีผลกับข้อมูล diagnosticity ) เป็นเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในการค้นหาของพวกเขา เด็กใช้เวลาน้อยลงเมื่อใช้อินเตอร์เฟซ 2D มากกว่าพวกเขาทำเมื่อการใช้อินเตอร์เฟซ 3 มิติ , และวิธีการใช่ใช้ ดังนั้นการคิดภาระที่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เฟซ 3 มิติเมื่อเทียบกับความสะดวกสบายของการเข้าถึงข้อมูล อย่างไรก็ตาม ในแง่ของข้อมูล diagnosticity เพิ่มขึ้นความสะดวกสบายเมื่อเทียบกับการคิดภาระนำโดยการเชื่อมต่อ 3