inputs to grow vegetables, and are

inputs to grow vegetables, and are referred to as “non-organic”
farmers in this article. The result also notably showed that the
organic farmers’ landholdings, household income from agriculture,
area under vegetables and income from vegetables were signifi-
cantly smaller than that of the non-organic farmers (Table 2). This
indicates that organic vegetable cultivation was practiced mainly by
the smallholders.
Farm yard manure (FYM) was the most common type of organic
fertilizer used by nearly all organic and non-organic farmers. Cattle,
pig and chicken were the sources of the FYM, although a major
portion of the FYM was derived from cattle. Majority of the farmers
prepare the FYM by themselves by mixing manure and biomass
available on farm. Only a small percentage of farmers buy FYM from
their fellow farmers. Growing legumes for soil fertilization was
almost non-existent in the study area. While most organic and nonorganic
farmers apply FYM to grow vegetables, the amount of FYM
applied by organic farmers has been much higher than the amount
used by the non-organic farmers. Bio-fertilizer made from crop
residues and molasses was the second most popular organic
fertilizer used by nearly 70% of the organic farmers and 50% of the
non-organic farmers. However, the farmers use this fertilizer in
a very small amount only at an average rate of 1.1 kg/rai. Compost
was the third important organic fertilizer used by about 11% each of
the organic and non-organic farmers. Although about 6% of the
organic farmers were growing legumes such as Sesbania rostrata to

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปัจจัยการผลิตที่จะปลูกผักและจะเรียกว่า "ไม่ใช่อินทรีย์"
เกษตรกรในบทความนี้ ผลที่สะดุดตายังแสดงให้เห็นว่า
landholdings เกษตรกรอินทรีย์ 'รายได้ของครัวเรือนจากการเกษตร,
พื้นที่ใต้ผักและรายได้จากผัก signifi-
อย่างมีขนาดเล็กกว่าของเกษตรกรที่ไม่ใช่อินทรีย์ (ตารางที่ 2) นี้แสดงให้เห็นว่าการปลูกผักอินทรีย์ได้รับการฝึกฝนโดยส่วนใหญ่เกษตรกรรายย่อยได้. ปุ๋ยลานฟาร์ม (FYM) เป็นชนิดที่พบมากที่สุดของอินทรีย์ปุ๋ยที่ใช้โดยเกือบทั้งหมดเกษตรกรอินทรีย์และไม่ใช่อินทรีย์ วัวหมูและไก่เป็นแหล่งที่มาของ FYM แม้ว่าที่สำคัญส่วนหนึ่งของ FYM ได้มาจากวัว ส่วนใหญ่ของเกษตรกรเตรียม FYM ด้วยตัวเองโดยการผสมปุ๋ยและชีวมวลที่มีอยู่ในฟาร์ม เพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของเกษตรกร FYM ซื้อจากเกษตรกรเพื่อนของพวกเขา พืชตระกูลถั่วที่เพิ่มขึ้นสำหรับการปฏิสนธิดินเกือบจะไม่มีอยู่ในพื้นที่ศึกษา ในขณะที่อินทรีย์และ nonorganic ส่วนใหญ่เกษตรกรนำไปใช้FYM จะปลูกผักปริมาณของ FYM นำมาใช้โดยเกษตรกรอินทรีย์ที่ได้รับสูงกว่าจำนวนเงินที่นำมาใช้โดยเกษตรกรที่ไม่ใช่อินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพที่ทำจากพืชตกค้างและกากน้ำตาลเป็นสารอินทรีย์ที่นิยมมากที่สุดที่สองปุ๋ยที่ใช้โดยเกือบ70% ของเกษตรกรอินทรีย์และ 50% ของเกษตรกรที่ไม่ใช่อินทรีย์ อย่างไรก็ตามเกษตรกรใช้ปุ๋ยในปริมาณที่น้อยมากเพียงในอัตราเฉลี่ย 1.1 กก. / ไร่ ปุ๋ยหมักเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่สามที่สำคัญที่ใช้โดยประมาณ 11% ของแต่ละเกษตรกรอินทรีย์และไม่ใช่อินทรีย์ แม้ว่าประมาณ 6% ของเกษตรกรอินทรีย์เติบโตพืชตระกูลถั่วเช่นโสนอัฟริการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ปัจจัยในการปลูกผัก และจะเรียกว่า " ไม่ใช่อินทรีย์ "
เกษตรกรในบทความนี้ ผลการวิจัยยังพบว่า landholdings
อินทรีย์โดยเฉพาะชาวนา รายได้จากการเกษตร
พื้นที่ใต้ผักและรายได้จากผัก signifi -
ลดลงอย่างมีนัยสําคัญเมื่อมีขนาดเล็กกว่าที่ไม่ใช่อินทรีย์ของเกษตรกร ( ตารางที่ 2 ) พบว่า การปลูกผักอินทรีย์นี้

ฝึกส่วนใหญ่โดยที่สวนยาง .
มูลลานฟาร์ม ( ข้าว ) เป็นชนิดที่พบมากที่สุดของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์
เกือบทั้งหมดและไม่มีเกษตรกรอินทรีย์อินทรีย์ โค
หมู ไก่เป็นแหล่งของข้าว ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่
ของข้าวได้มาจากวัว เกษตรกรส่วนใหญ่
เตรียมข้าวเอง โดยผสมปุ๋ยคอกและชีวมวล
ที่มีอยู่ในฟาร์มเพียงร้อยละขนาดเล็กของเกษตรกรที่ซื้อข้าวจาก
เพื่อนเกษตรกรของตน สำหรับการปลูกถั่วดิน
เกือบไม่มีอยู่ในพื้นที่ศึกษา ในขณะที่อินทรีย์มากที่สุดและ nonorganic
เกษตรกรใช้ข้าวที่จะปลูกผัก ปริมาณข้าว
ใช้โดยเกษตรกรอินทรีย์ที่ได้รับสูงกว่าปริมาณ
ใช้โดยอินทรีย์ที่ไม่ใช่เกษตรกร ปุ๋ยชีวภาพที่ทำจากพืช
ตกค้างและกากน้ำตาลเป็นสองความนิยมมากที่สุดอินทรีย์
ปุ๋ยที่ใช้โดยเกือบ 70% ของเกษตรกรอินทรีย์ และ 50% ของ
อินทรีย์ที่ไม่ใช่เกษตรกร อย่างไรก็ตาม เกษตรกรใช้ปุ๋ยใน
แค่นิดเดียวเท่านั้นที่อัตราเฉลี่ย 1.1 กก. / ไร่ ปุ๋ยหมัก คือ ปุ๋ยอินทรีย์
สำคัญที่สามใช้ประมาณ 11 % แต่ละ
อินทรีย์และปลอดเกษตรกรอินทรีย์ ถึงประมาณร้อยละ 6 ของ
เกษตรกรอินทรีย์ ปลูกพืชตระกูลถั่ว เช่น โสนอัฟริกันเพื่อ