A Mixed Economy-The Us SystemThe ec

A Mixed Economy-The Us System

The economic system of the United States is principally one of private ownership. This system, often referred to as a "free enterprise system," can be contrasted with a socialist economic system, which depends heavily on government planning and public ownership of the means of production.
Yet government has to some extent always been involved in regulating and guiding the U.S. economy. At the same time, U.S. citizens have always had the freedom to choose for whom they will work, and what they will buy. Most importantly, Americans vote for officials who set economic policy.

In the U.S. economic system, consumers, producers and the government make decisions on a daily basis, mainly through the price system. The dynamic interaction of these three groups makes the economy function. The market's primary force, however, is the interaction of producers and consumers; this has led analysts to dub the U.S. economic system a "market economy."

As a rule, consumers look for the best values for what they spend, while producers seek the best price and profit for what they have to sell. Government, at the federal, state and local levels, seeks to promote the public safety, assure reasonable competition, and provide a range of services believed to be better performed by public rather than private enterprise. Some of these public services include the administration of justice, education (although there are many private schools and training centers), the postal (but not the telephone) service, the road system, social statistical reporting and, of course, national defense.

In this system, when economic forces are unfettered, supply and demand establish the prices of goods and services. Entrepreneurs are free to develop their businesses. In theory, unless they can provide goods or services of a quality and price to compete with others, they are driven from the market, so only the most efficient and those who best serve the public remain in business. In practice, government regulations can interfere with pure competition in order to promote other national policy objectives such as price and income stability, regional development or environmental preservation. Similarly, businesses can interfere with pure competition, through price fixing or other monopolistic practices, in order to maximize profits.

In the United States, most people are simultaneously consumers and producers; they are also voters who help influence the decisions of government. The mixture among consumers, producers and members of government changes constantly, resulting in a dynamic rather than a static economy. In recent years consumers have made their concerns known, and government has responded by creating agencies to protect consumer interests and promote general public welfare.

The U.S. economy has changed in other ways as well. The population and the labor force have moved dramatically from farms to cities, from fields to factories and, above all, to service industries. In today's economy, the providers of personal and public services far outnumber producers of agricultural and manufacture goods. Statistics also reveal a rather startling shift away from self-employment to working for others.

Generally there are three kinds of businesses: single-owner operated businesses, partnerships and corporations. The first two are important, but it is the latter structure that best permits the amassing of large sums of money by combining the investments of many people who, as stockholders, can buy or sell their shares of the business at any time on the open market. Corporations make large-scale enterprise possible.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เศรษฐกิจแบบผสมเราระบบระบบเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเป็นหลักหนึ่งของความเป็นเจ้าของส่วนตัว ระบบนี้ มักเรียกว่า "องค์กรอิสระระบบ สามารถจะต่างกับแบบสังคมนิยมระบบเศรษฐกิจ ซึ่งขึ้นอยู่อย่างมากกับการวางแผนของรัฐบาลและรัฐเป็นเจ้าของวิธีการผลิตยัง รัฐบาลมีบ้างมักจะเกี่ยวข้องกับการควบคุม และแนะนำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเวลาเดียวกัน พลเมืองของสหรัฐอเมริกาจะมีอิสระในการเลือกที่จะทำงาน และสิ่งที่พวกเขาจะซื้อ สำคัญที่สุด อเมริกันออกเสียงสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจในระบบเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ผู้บริโภค ผู้ผลิต และรัฐบาลได้ตัดสินใจบนพื้นฐานประจำวัน ส่วนใหญ่ผ่านระบบราคา การโต้ตอบแบบไดนามิกของสามกลุ่มเหล่านี้ทำให้ฟังก์ชันนี้เศรษฐกิจ กองทัพหลักของตลาด อย่างไร เป็นการโต้ตอบของผู้ผลิตและผู้บริโภค มีผลนักวิเคราะห์ถึงเม.ย.ระบบเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา "ระบบเศรษฐกิจตลาด"เป็นกฎ ผู้บริโภคมองหาค่าของดีที่พวกเขาใช้จ่าย ในขณะที่ผู้ผลิตแสวงหาราคาที่ดีสุดและกำไรสำหรับสิ่งที่พวกเขาต้องขาย รัฐบาล ระดับกลาง รัฐ และท้องถิ่น พยายามที่จะส่งเสริมความปลอดภัย มั่นใจว่าการแข่งขันที่เหมาะสม และให้บริการเชื่อยิ่งช่วงที่ดำเนินการ โดยรัฐมากกว่าเอกชน บริการสาธารณะเหล่านี้รวมการยุติธรรม การศึกษา (แม้ว่าจะมีโรงเรียนเอกชนหลายแห่งและศูนย์ฝึกอบรม) การไปรษณีย์ (แต่ไม่โทรศัพท์) การบ ริการ ระบบถนน สังคมสถิติรายงาน และ แน่ นอน ป้องกันประเทศในระบบนี้ เมื่อเศรษฐกิจกำลังนี่ อุปสงค์และอุปทานกำหนดราคาสินค้าและบริการ ผู้ประกอบการมีอิสระในการพัฒนาธุรกิจของตน ในทางทฤษฎี ยกเว้นว่าพวกเขาสามารถให้สินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพและราคาที่แข่งขันกับผู้อื่น มีการขับเคลื่อนจากตลาด เท่านั้นเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และที่สุดที่ให้บริการสาธารณะอยู่ในธุรกิจ ในทางปฏิบัติ ระเบียบทางราชการสามารถรบกวนการแข่งขันบริสุทธิ์เพื่อส่งเสริมวัตถุประสงค์ของนโยบายแห่งชาติอื่น ๆ เช่นเสถียรภาพราคาและรายได้ พัฒนาภูมิภาค หรืออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทำนองเดียวกัน ธุรกิจอาจรบกวนการแข่งขันบริสุทธิ์ ตรึงราคาหรือวิธีอื่น ๆ monopolistic เพื่อเพิ่มผลกำไรในสหรัฐอเมริกา คนส่วนใหญ่จะกันผู้บริโภคและผู้ผลิต เขายังมีผู้ลงคะแนนที่ช่วยให้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของรัฐบาล ส่วนผสมในหมู่ผู้บริโภค ผู้ผลิต และสมาชิกของรัฐบาลเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในแบบไดนามิกแทนเศรษฐกิจคง ในปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคทำความกังวลของพวกเขาชื่อดัง และรัฐบาลได้ตอบสนอง โดยการสร้างหน่วยงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภค และส่งเสริมสวัสดิการสาธารณะทั่วไปเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ประชากรและกำลังแรงงานจะเคลื่อนไปอย่างมากจากฟาร์มการเมือง เขตโรงงาน และ เหนือทั้งหมด บริการอุตสาหกรรม ในวันนี้เศรษฐกิจ ผู้ให้บริการส่วนบุคคลและสาธารณะห่างไกลมีจำนวนมากกว่าการผลิตทางการเกษตร และผลิตสินค้า สถิติยังเหมาะกะค่อนข้างตกใจจากจ้างงานตนเองเพื่อผู้อื่นที่ทำงานโดยทั่วไปมีสามประเภทของธุรกิจ: เจ้าเดียวดำเนินธุรกิจ หุ้นส่วน และบริษัท ครั้งแรกมีความสำคัญ ได้เป็นโครงสร้างหลังที่ส่วนอนุญาตรวบของเงินทอง ด้วยการรวมการลงทุนหลายคน เป็น stockholders สามารถซื้อ หรือขายหุ้นของธุรกิจตลอดเวลาโดย องค์กรทำให้องค์กรขนาดใหญ่ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผสมเศรษฐกิจระบบเรามีระบบเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลักหนึ่งของความเป็นเจ้าของส่วนตัว ระบบนี้มักจะเรียกว่า "ระบบองค์กรอิสระ" จะเทียบกับระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมซึ่งขึ้นอยู่กับการวางแผนของรัฐบาลและประชาชนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต. แต่รัฐบาลมีบางส่วนมีส่วนร่วมเสมอในการควบคุมและ แนวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะเดียวกันชาวอเมริกันได้เคยมีเสรีภาพในการเลือกสำหรับผู้ที่พวกเขาจะทำงานและสิ่งที่พวกเขาจะซื้อ สิ่งสำคัญที่สุดคือชาวอเมริกันลงคะแนนให้เจ้าหน้าที่ที่กำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจ. ในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯผู้บริโภคผู้ผลิตและรัฐบาลในการตัดสินใจในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ผ่านระบบราคา การทำงานร่วมกันแบบไดนามิกของทั้งสามกลุ่มทำให้ฟังก์ชั่นทางเศรษฐกิจ แรงหลักของตลาด แต่เป็นปฏิสัมพันธ์ของผู้ผลิตและผู้บริโภค; นี้ได้นำนักวิเคราะห์พากย์ระบบเศรษฐกิจสหรัฐ "เศรษฐกิจตลาด." ตามกฎแล้วผู้บริโภคมองหาค่าที่ดีที่สุดสำหรับสิ่งที่พวกเขาใช้จ่ายในขณะที่ผู้ผลิตพยายามที่ราคาที่ดีที่สุดและมีกำไรสำหรับสิ่งที่พวกเขาจะต้องขาย รัฐบาลที่รัฐบาลกลาง, รัฐและระดับท้องถิ่นพยายามที่จะส่งเสริมความปลอดภัยของประชาชนที่มั่นใจการแข่งขันที่เหมาะสมและให้ช่วงของการบริการเชื่อว่าจะทำได้ดีจากประชาชนมากกว่าองค์กรเอกชน บางส่วนของบริการสาธารณะเหล่านี้รวมถึงการบริหารงานยุติธรรมการศึกษา (แม้ว่าจะมีหลายโรงเรียนเอกชนและศูนย์ฝึกอบรม) ที่ไปรษณีย์ (แต่ไม่ใช่โทรศัพท์) บริการระบบถนนที่รายงานสถิติทางสังคมและของหลักสูตรการป้องกันประเทศ. ใน ระบบนี้เมื่อกองกำลังทางเศรษฐกิจมีความเป็นอิสระอุปทานและอุปสงค์สร้างราคาของสินค้าและบริการ ผู้ประกอบการมีอิสระในการพัฒนาธุรกิจของพวกเขา ในทางทฤษฎีจนกว่าพวกเขาจะสามารถให้สินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพและราคาที่จะแข่งขันกับคนอื่น ๆ ที่พวกเขาจะได้แรงหนุนจากตลาดดังนั้นเพียงมีประสิทธิภาพมากที่สุดและบรรดาผู้ที่ให้บริการประชาชนที่ดีที่สุดยังคงอยู่ในธุรกิจ ในทางปฏิบัติกฎระเบียบของรัฐบาลสามารถยุ่งเกี่ยวกับการแข่งขันที่บริสุทธิ์เพื่อส่งเสริมวัตถุประสงค์ของนโยบายระดับชาติอื่น ๆ เช่นราคาและความมั่นคงของรายได้การพัฒนาในระดับภูมิภาคหรือการรักษาสิ่งแวดล้อม ในทำนองเดียวกันการที่ธุรกิจสามารถยุ่งเกี่ยวกับการแข่งขันที่บริสุทธิ์ผ่านการตรึงราคาหรือการปฏิบัติอื่น ๆ ผูกขาดในการสั่งซื้อเพื่อเพิ่มผลกำไร. ในสหรัฐอเมริกาคนส่วนใหญ่พร้อมกันบริโภคและผู้ผลิต; พวกเขายังมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ช่วยอิทธิพลต่อการตัดสินใจของรัฐบาล ส่วนผสมในหมู่ผู้บริโภคผู้ผลิตและสมาชิกของการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ในแบบไดนามิกมากกว่าเศรษฐกิจแบบคงที่ ผู้บริโภคในปีที่ผ่านมาได้ทำให้พวกเขาเป็นที่รู้จักในความกังวลและรัฐบาลมีการตอบสนองโดยการสร้างหน่วยงานที่จะปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภคและส่งเสริมสวัสดิการประชาชนทั่วไป. เศรษฐกิจสหรัฐมีการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบอื่น ๆ เช่นกัน ประชากรและแรงงานได้ย้ายอย่างมากจากฟาร์มไปยังเมืองจากสาขาไปยังโรงงานและเหนือสิ่งอื่นใดให้กับอุตสาหกรรมการบริการ ในระบบเศรษฐกิจของวันนี้ผู้ให้บริการส่วนบุคคลและประชาชนห่างไกลมีจำนวนมากกว่าผู้ผลิตทางการเกษตรและการผลิตสินค้า สถิติยังแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจค่อนข้างห่างจากการจ้างงานตนเองที่จะทำงานสำหรับคนอื่น ๆ . โดยทั่วไปมีสามชนิดของธุรกิจ: เจ้าของเดียวดำเนินธุรกิจเป็นหุ้นส่วนและ บริษัท สองคนแรกที่มีความสำคัญ แต่มันเป็นโครงสร้างหลังที่ดีที่สุดที่ช่วยให้การสะสมของเงินเป็นจำนวนมากโดยการรวมการลงทุนของผู้คนจำนวนมากที่เป็นผู้ถือหุ้นสามารถซื้อหรือขายหุ้นของธุรกิจในเวลาใด ๆ ในตลาดเปิด . ทำให้ บริษัท องค์กรขนาดใหญ่ที่เป็นไปได้