3. ConclusionsThe present study int

3. Conclusions
The present study introduced a new method of efficiently and economically enhanced SCFA and bio-methane generation from WAS by low energy consumption pretreatment. With the optimal conditions of low energy consumption pretreatment, i.e., pretreated sludge at 100°C for 60 min and adjusted initial pH 9.0 then fermented for 6 days, the maximal SCFA generation (348.6 mg COD/g VSS) can be reached, which was higher than that reported previously. Besides, acetic acid was found to be the dominant product of the content of 68.2% during the acidogenesis stage and it can be used as the carbon resource to produce methane in the following stage. Further, mechanisms for the low energy consumption pretreatment significantly improving SCFA production were discussed. The largest carbohydrate and protein consumption and the highest activities of the key relevant enzymes were all observed under the optional conditions of low energy consumption pretreatment. In addition, the 16S rRNA gene clone library demonstrated that Porphyromonadaceae, Clostridiaceae, Ruminococcaceae and Clostridiales were the dominant microbial community in this anaerobic digestion system.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

3. ข้อสรุปการศึกษาแนะนำวิธีการใหม่ของรุ่นเพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัด SCFA และไบโอมีเทนจาก WAS โดยปรับสภาพการใช้พลังงานต่ำ มีเงื่อนไขที่ดีที่สุดของการปรับสภาพการใช้พลังงานต่ำ เช่น pretreated ตะกอนที่ 100° C เป็นเวลา 60 นาทีและปรับค่า pH เริ่มต้น 9.0 หมัก 6 วัน รุ่น SCFA สูงสุด (mg 348.6 COD/g VSS) สามารถทำได้ ซึ่งเป็นสูงกว่าที่รายงานก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ พบว่ากรดอะซิติกเป็นผลิตภัณฑ์โดดเด่นของเนื้อหาของ 68.2% ช่วง acidogenesis และมันสามารถใช้เป็นแหล่งคาร์บอนเพื่อผลิตก๊าซมีเทนในขั้นตอนต่อไปนี้ เพิ่มเติม การปรับสภาพการบริโภคพลังงานต่ำอย่างมีนัยสำคัญปรับปรุงการผลิต SCFA ได้กล่าวถึง การบริโภคคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนที่ใหญ่ที่สุดและกิจกรรมของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องสำคัญสูงสุดที่ถูกตรวจสอบภายใต้เงื่อนไขไม่จำเป็นการปรับสภาพการใช้พลังงานต่ำ นอกจากนี้ ไลบรารีโคลนยีน 16S rRNA แสดงให้เห็นว่า Porphyromonadaceae, Clostridiaceae, Ruminococcaceae และ Clostridiales ถูกจุลินทรีย์ชุมชนหลักในระบบอังกฤษ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

3. สรุปผล
การศึกษาครั้งนี้แนะนำวิธีการใหม่ของประสิทธิภาพและประหยัดเพิ่ม SCFA และไบโอมีเทนจากรุ่นโดยการปรับสภาพการใช้พลังงานต่ำ โดยมีเงื่อนไขที่ดีที่สุดของการปรับสภาพการใช้พลังงานต่ำเช่นปรับสภาพกากตะกอนที่ 100 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 60 นาทีและปรับ pH เริ่มต้น 9.0 หมักแล้วเป็นเวลา 6 วันที่สูงสุด SCFA รุ่น (348.6 มิลลิกรัม COD / g VSS) สามารถเข้าถึงได้ซึ่งได้รับการ สูงกว่าที่รายงานก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังมีกรดอะซิติกถูกพบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของเนื้อหาของ 68.2% ในระหว่างขั้นตอน acidogenesis และมันสามารถนำมาใช้เป็นแหล่งคาร์บอนในการผลิตก๊าซมีเทนในขั้นตอนต่อไปนี้ นอกจากนี้กลไกสำหรับการปรับสภาพการใช้พลังงานต่ำอย่างมีนัยสำคัญปรับปรุงการผลิต SCFA ได้กล่าวถึง ที่ใหญ่ที่สุดคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนการบริโภคและกิจกรรมที่สูงที่สุดของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องที่สำคัญทั้งหมดถูกตั้งข้อสังเกตภายใต้เงื่อนไขที่จำเป็นของการปรับสภาพการใช้พลังงานต่ำ นอกจากนี้ 16S rRNA ห้องสมุดยีนโคลนแสดงให้เห็นว่า Porphyromonadaceae, Clostridiaceae, Ruminococcaceae และ Clostridiales เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่โดดเด่นในระบบแอนแอโรบิคนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

3 . สรุปการศึกษาครั้งนี้ใช้วิธีการใหม่ของการประหยัดและมีประสิทธิภาพและ scfa ไบโอมีเทนผลิตโดยการใช้พลังงานต่ำ ด้วยสภาวะที่เหมาะสมของการใช้พลังงานต่ำ เช่น ตะกอนที่ผ่านที่ 100 องศา C นาน 60 นาที และปรับค่า pH เริ่มต้น 9.0 แล้วหมักเป็นเวลา 6 วัน รุ่น scfa สูงสุด ( 348.6 มก. ซีโอดี / g VSS ) สามารถเข้าถึง ซึ่งสูงกว่าที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ กรดได้เด่นผลิตภัณฑ์เนื้อหา 68.2 % ในช่วง acidogenesis เวทีและมันสามารถใช้เป็นแหล่งคาร์บอนเพื่อผลิตก๊าซมีเทนในขั้นตอนต่อไปนี้ เพิ่มเติมสำหรับการใช้พลังงานต่ำ กลไกการปรับปรุงการผลิต scfa มากยิ่งขึ้น ที่ใหญ่ที่สุดและการบริโภคคาร์โบไฮเดรตโปรตีนและกิจกรรมของเอนไซม์สูงสุดคีย์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ ภายใต้เงื่อนไขของการเลือกใช้พลังงานต่ำ นอกจากนี้ เบส 16S rRNA ยีนโคลนห้องสมุด พบว่า porphyromonadaceae Clostridiaceae ruminococcaceae , และ , clostridiales เป็นชุมชนจุลินทรีย์เด่นในระบบย่อยอาหารนี้แบบไม่ใช้ออกซิเจน