การศึกษาเกี่ยวกับการย่อยใบไม้ และการผลิตแอลกอฮอล์จากใบไม้ ใบไม้ประกอบด การแปล - การศึกษาเกี่ยวกับการย่อยใบไม้ และการผลิตแอลกอฮอล์จากใบไม้ ใบไม้ประกอบด ไทย วิธีการพูด

การศึกษาเกี่ยวกับการย่อยใบไม้ และกา

การศึกษาเกี่ยวกับการย่อยใบไม้ และการผลิตแอลกอฮอล์จากใบไม้ ใบไม้ประกอบด้วยเซลลูโลส ส่วนใหญ่จัดเป็นวัสดุเหลือทิ้งที่ยังไม่มีการน าไปใช้ ประโยชน์ ในปัจจุบันได้มีความคิดที่จะน าใบไม้มาเปลี่ยนแปลงให้มีประโยชน์มากขึ้น ดังเช่นการ น า ใบไม้มาเปลี่ยนเป็นน้ า ตาลกลูโคสซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตผลิตเอทานอล
แต่ก่อนที่จะน าใบไม้ไปผลิตเป็นน้ าตาลได้ จะต้องผ่านขั้นตอนการ pretreatment ด้วย กรด ด่าง หรือ เอนไซม์เพื่อเปิดพื้นผิวของเซลลูโลสให้จุลินทรีย์เข้าท าการย่อยได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ดังเช่นรายงานของ Baig et al. (2004) ได้ศึกษาการย่อยสลาย banana agro-waste ในส่วนของใบ และ ก้านโดยใช้ เอนไซม์เซลลูเลสจาก Trichoderma lignorum พบว่าหลังจาก 24 ชั่วโมงมีการผลิต reducing sugar ได้เท่ากับ 1.34 mg/ml และยังพบอีกว่าอุณหภูมิ และ pH ที่เหมาะสมต่อการผลิต reducing sugar คือ อุณหภูมิ 40°C และ pH 6.0 และ Shah et al. (2005) ได้เพาะเลี้ยง Phylosticta sp. MPS-001 และ Aspergillus sp. MPS-002 ในอาหารที่มีใบ และก้านกล้วยเป็นแหล่งคาร์บอน พบว่าเมื่อเพาะเลี้ยง เป็นเวลา 20 วนั เชื้อทั้งสองชนิดผลิตเอนไซม์เซลลูเลส และ reducing sugar ได้สูงที่สุด ส่วน Jakobsson (2002) ได้ศึกษาหาสภาวะที่เหมาะสมในการย่อยสลาย wheat straw โดยน ามาผ่านการ ย่อยด้วย sulfuric acid เข้มข้น 0.2% ที่อุณหภูมิแตกต่างกันคือ 190, 200 และ 210°C เป็นเวลา 2, 5 และ10 นาทีจากนั้นน าไปย่อยด้วยเอนไซม์ cellulase ผสมกับ Novozyme A/S (Bagsvaerd, Denmark) พบว่าที่อุณหภูมิ 200°C เป็นเวลา 10 นาที มีการผลิตน้ าตาลกลูโคสสูงที่สุด นอกจากนี้
Milala et al. (2005) ได้ศึกษาการใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรเพื่อผลิตเอนไซม์เซลลูเลสจาก Aspergillus niger โดยน าใบและก้านของ guinea corn, maize cobs, millet และ rice husks ไป อบแห้ง และบดให้ละเอียด จากนั้นท าการ pretreatment ด้วย sodium hydroxide เข้มข้น 1% เป็น เวลา 12 ชั่วโมง เติม hydrogen peroxide ให้ความเข้มข้นสุดท้ายเท่ากับ 1% เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ล้าง ด่างออกด้วยน้ ากลั่น และอบให้แห้ง จากนั้นท าการหมักกับ Aspergillus niger เป็นเวลา 3 วนั พบว่า maize cobs ให้ค่าการผลิตเอนไซม์เซลลูเลสสูงทสี่ ุด ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของ Mishima et al. (2007) ที่พบว่าใบของ water hyacinth และ water lettuce เมื่อถูกน าไป pretreatment ด้วย sodium hydroxide เข้มข้น 1% จะให้ปริมาณน้ าตาลกลูโคสสูงกว่าใบที่ไม่ผ่านการ pretreatment และ Chen et al. (2007) ได้น า corn cob ไป pretreatment ด้วย hydrogen sulfide เข้มข้น 1% ที่อุณหภูมิ 180°C เป็นเวลา 3 ชั่วโมง จากนั้นน า corn cob ที่ผ่านการ pretreatment ไปย่อยด้วยเอนไซม์เซลลูเลสจาก Trichoderma reesei ZU-02 และเอนไซม์ cellobiase จาก Aspergillus niger ZU-07 เป็นเวลา 12-60 ชั่วโมง พบว่าหลังจาก 60 ชั่วโมง corn cob ที่ถูกย่อยด้วย เอนไซม์เซลลูเลส และเอนไซม์ cellobiase สามารถผลิต reducing sugar ได้เท่ากับ 119.3 g/l และ 95.3 g/l ตามล าดับ ส่วน Caparros et al. (2008) ศึกษาการย่อย sunflower stalk โดยใช้ความร้อนสูง โดยใช้อุณหภูมิในช่วง 160-220°C พบว่าที่อุณหภูมิ 175-185°C ให้ปริมาณน้ าตาลกลูโคสสูงที่สุด คือ 0.8-1.2 g/l นอกจากนั้นวิเชียร และคณะ (2535) ท าการเพาะเลี้ยง Aspergillus fumigatus Fresenius 4-45-IF ในอาหารที่มี ฟางข้าว ชานอ้อย ซังข้าวโพด กาบข้าวโพด และร าข้าวสาลี น าไปบ่มที่อุณหภูมิ 40°C เป็นเวลา 96 ชั่วโมง พบว่าเอนไซม์เซลลูเลสจาก Aspergillus fumigatus Fresenius 4-45-IF สามารถย่อยสลายฟางข้าวไดด้ ีที่สุด รองลงมาคือร าข้าวสาลี ส่วนชานอ้อย กาบข้าวโพด และซังข้าวโพด เอนไซม์ย่อยสลายได้น้อยมาก นอกจากนี้ยังมีรายงานการน าวัสดุเหลือทิ้งมาผลิต เป็นเอทานอล ดังเช่น อรุณวรรณ (2547) ศึกษาการย่อยสลายหญ้าแฝกหอม Vetiveria zizanioides Nash 3 อีโคไทป์ คือ อีโคไทป์ศรีลังกา อีโคไทป์สงขลา 3 และอีโคไทป์สุราษฎร์ธานี พบว่าเอนไซม์ เซลลูเลสจาก Aspergillus sp. สามารถย่อยสลายใบแห้งของหญ้าแฝกอีโคไทป์ศรีลังกาได้ปริมาณ reducing sugar สูงที่สุด และเมื่อศึกษาการผลิตเอทานอล โดยท าการหมักใบแห้งของหญ้าแฝก อีโคไทป์ศรีลังกาปริมาณ 3% ด้วยเอนไซม์เซลลูเลสจาก Aspergillus sp. และ
Kluveromyces thermotolerans ในสภาวะเขย่า 125 rpm บ่มที่อุณหภูมิ 40°C pH 5.0 พบว่าให้ ปริมาณเอทานอลสูงสุด คือ 6.07 g/l และ Srinorakutara et al. (2005) ได้น ากากมันส าปะหลังมาใช้ ประโยชน์เพื่อการผลิตเอทานอล โดยท าการศึกษาการ hydrolyse ด้วยกรด พบว่าเมื่อใช้
0.6 M sulfuric acid โดยท าการย่อยที่อุณหภูมิ 120°C ในอัตราส่วนกากมันส าปะหลังต่อกรดเท่ากับ 1:2 จะได้น้ าตาลรีดิวซ์สูงสุด 6.1% (w/v) ในขณะที่การใช้วิธี hydrolyse ด้วยเอนไซม์ผสม พบว่า การใช้เอนไซม์ผสมระหว่างเซลลูเลสและเพคติเนส ที่อุณหภูมิ 28°C และ pH 4.5 เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ตามด้วยเอนไซม์α-amylase ย่อยที่อุณหภูมิ 100°C และ pH 5.5 เป็นเวลา 2 ชั่วโมง และ เอนไซม์ glucoamylase ที่อุณหภูมิ 60°C และ pH 4.5 เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เป็นสภาวะ ที่เหมาะสม ที่สุด ซึ่งได้น้ าตาลรีดิวซ์ 6.2% (w/v) และเมื่อน าน้ าตาลที่ได้จากการย่อยกากมันส าปะหลังด้วย เอนไซม์ที่มีปริมาณน้ าตาลรีดิวซ์ 8.92% (w/v) ไปหมักกับ Saccharomyces cerevisiae TISTR5596 ในถังหมักขนาด 10 ลิตร จะได้ปริมาณเอทานอลสูงสุด 3.62% (w/v) ในชั่วโมงที่ 24
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
การศึกษาเกี่ยวกับการย่อยใบไม้และการผลิตแอลกอฮอล์จากใบไม้ใบไม้ประกอบด้วยเซลลูโลสส่วนใหญ่จัดเป็นวัสดุเหลือทิ้งที่ยังไม่มีการนาไปใช้ประโยชน์ในปัจจุบันได้มีความคิดที่จะนาใบไม้มาเปลี่ยนแปลงให้มีประโยชน์มากขึ้นดังเช่นการน.ลากใบไม้มาเปลี่ยนเป็นน้ลากตาลกลูโคสซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตผลิตเอทานอล แต่ก่อนที่จะนาใบไม้ไปผลิตเป็นน้าตาลได้จะต้องผ่านขั้นตอนการ pretreatment ด้วยกรดด่างหรือเอนไซม์เพื่อเปิดพื้นผิวของเซลลูโลสให้จุลินทรีย์เข้าทาการย่อยได้ง่ายมากยิ่งขึ้นดังเช่นรายงานของ al. et Baig (2004) ได้ศึกษาการย่อยสลายกล้วยเกษตรเสียในส่วนของใบและก้านโดยใช้เอนไซม์เซลลูเลสจาก Trichoderma lignorum พบว่าหลังจาก 24 ชั่วโมงมีการผลิตลดน้ำตาลได้เท่ากับ 1.34 มิลลิกรัม/มิลลิลิตรและยังพบอีกว่าอุณหภูมิและ pH ที่เหมาะสมต่อการผลิตลดน้ำตาลคืออุณหภูมิ 40° C และ pH 6.0 และชาห์ et al. (2005) ได้เพาะเลี้ยง Phylosticta sp. MPS-001 และ Aspergillus sp. MPS-002 ในอาหารที่มีใบและก้านกล้วยเป็นแหล่งคาร์บอนพบว่าเมื่อเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 20 วนัเชื้อทั้งสองชนิดผลิตเอนไซม์เซลลูเลสและลดน้ำตาลได้สูงที่สุดส่วน Jakobsson (2002) ได้ศึกษาหาสภาวะที่เหมาะสมในการย่อยสลายข้าวสาลีฟางโดยนามาผ่านการย่อยด้วยกรดซัลฟิวริกเข้มข้น 0.2% ที่อุณหภูมิแตกต่างกันคือ 190, 200 และ 210° C เป็นเวลา 2, 5 และ10 นาทีจากนั้นนาไปย่อยด้วยเอนไซม์ cellulase ผสมกับ a/s Novozyme (Bagsvaerd เดนมาร์ก) พบว่าที่อุณหภูมิ 200° C เป็นเวลา 10 นาทีมีการผลิตน้าตาลกลูโคสสูงที่สุดนอกจากนี้Milala et al. (2005) ได้ศึกษาการใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรเพื่อผลิตเอนไซม์เซลลูเลสจาก Aspergillus ไนเจอร์โดยนาใบและก้านของหนูข้าวโพด cobs ข้าวโพด ข้าวฟ่างและแพ้ง่ายไปอบแห้งและบดให้ละเอียดจากนั้นทาการ pretreatment ด้วยโซเดียมไฮดรอกไซด์เข้มข้น 1% เป็นเวลา 12 ชั่วโมงเติมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ให้ความเข้มข้นสุดท้ายเท่ากับ 1% เป็นเวลา 12 ชั่วโมงล้างด่างออกด้วยน้ากลั่นและอบให้แห้งจากนั้นทาการหมักกับ Aspergillus ไนเจอร์เป็นเวลา 3 วนัพบว่า cobs ข้าวโพดให้ค่าการผลิตเอนไซม์เซลลูเลสสูงทสีุ่ดซึ่งสอดคล้องกับรายงานของ al. และมิชิมะ (2007) ที่พบว่าใบของตบชวาและน้ำสลัดเมื่อถูกนาไป pretreatment ด้วย sodium ไฮดรอกไซด์เข้มข้น 1% จะให้ปริมาณน้าตาลกลูโคสสูงกว่าใบที่ไม่ผ่านการ pretreatment และได้น Chen et al. (2007) ลากข้าวโพด cob ไป pretreatment ด้วยไฮโดรเจนซัลไฟด์เข้มข้น 1% ที่อุณหภูมิ 180° C เป็นเวลา 3 ชั่วโมงจากนั้นนลากข้าวโพด cob ที่ผ่านการ pretreatment ไปย่อยด้วยเอนไซม์เซลลูเลสจาก Trichoderma reesei ZU-02และเอนไซม์ cellobiase จาก Aspergillus ไนเจอร์ ZU-07 เป็นเวลา 12-60 ชั่วโมงพบว่าหลังจาก 60 ชั่วโมงข้าวโพด cob ที่ถูกย่อยด้วยเอนไซม์เซลลูเลสและเอนไซม์ cellobiase สามารถผลิตลดน้ำตาลได้เท่ากับ 119.3 g/l และ 95.3 บัญชีตามลาดับส่วน Caparros et al. (2008) ศึกษาการย่อยสายทานตะวันโดยใช้ความร้อนสูงโดยใช้อุณหภูมิในช่วง 160-220° C พบว่าที่อุณหภูมิ 175-185° C ให้ปริมาณน้าตาลกลูโคสสูงที่สุดคือ 0.8-1.2 g/l นอกจากนั้นวิเชียรและคณะ (2535) ทาการเพาะเลี้ยง Aspergillus fumigatus Fresenius 4-45-ถ้าในอาหารที่มีฟางข้าวชานอ้อยซังข้าวโพดกาบข้าวโพดและราข้าวสาลีน.าไปบ่มที่อุณหภูมิ 40° C เป็นเวลา 96 ชั่วโมงพบว่าเอนไซม์เซลลูเลสจาก Aspergillus fumigatus Fresenius 4-45-ถ้าสามารถย่อยสลายฟางข้าวไดด้ีที่สุดรองลงมาคือราข้าวสาลีส่วนชานอ้อยกาบข้าวโพดและซังข้าวโพดเอนไซม์ย่อยสลายได้น้อยมากนอกจากนี้ยังมีรายงานการนาวัสดุเหลือทิ้งมาผลิตเป็นเอทานอลดังเช่นอรุณวร(2547) รณศึกษาการย่อยสลายหญ้าแฝกหอมไม่ไวแสง zizanioides Nash 3 อีโคไทป์คืออีโคไทป์ศรีลังกาอีโคไทป์สงขลา 3 และอีโคไทป์สุราษฎร์ธานีพบว่าเอนไซม์เซลลูเลสจาก Aspergillus sp.สามารถย่อยสลายใบแห้งของหญ้าแฝกอีโคไทป์ศรีลังกาได้ปริมาณลดน้ำตาลสูงที่สุดและเมื่อศึกษาการผลิตเอทานอลโดยทาการหมักใบแห้งของหญ้าแฝกอีโคไทป์ศรีลังกาปริมาณด้วยเอนไซม์เซลลูเลสจาก 3% Aspergillus sp.และKluveromyces thermotolerans ในสภาวะเขย่า 125 rpm บ่มที่อุณหภูมิ 40° C pH 5.0 พบว่าให้ปริมาณเอทานอลสูงสุดคือ 6.07 g/l และ Srinorakutara et al. (2005) ได้นากากมันสาปะหลังมาใช้ประโยชน์เพื่อการผลิตเอทานอลโดยทาการศึกษาการ hydrolyse ด้วยกรดพบว่าเมื่อใช้ ด้วยเอนไซม์ผสมพบว่าการใช้เอนไซม์ผสมระหว่างเซลลูเลสและเพคติเนสที่อุณหภูมิ 28° C และ pH 4.5 เป็นเวลา 1 ชั่วโมงตามด้วยเอนไซม์α-amylase ย่ hydrolyse 0.6 M กรดซัลฟิวริกโดยทาการย่อยที่อุณหภูมิ 120° C ในอัตราส่วนกากมันสาปะหลังต่อกรดเท่ากับ 1:2 จะได้น้าตาลรีดิวซ์สูงสุด 6.1% (w/v) ในขณะที่การใช้วิธีอยที่อุณหภูมิ 100° C และ pH 5.5 เป็นเวลา 2 ชั่วโมงและเอนไซม์ glucoamylase ที่อุณหภูมิ 60° C และ pH 4.5 เป็นเวลา 24 ชั่วโมงเป็นสภาวะที่เหมาะสมที่สุดซึ่งได้น้าตาลรีดิวซ์ 6.2% (w/v) และเมื่อนาน้าตาลที่ได้จากการย่อยกากมันสาปะหลังด้วยเอนไซม์ที่มีปริมาณน้าตาลรีดิวซ์ไปหมักกับ 8.92% (w/v) Saccharomyces cerevisiae TISTR5596 ในถังหมักขนาด 10 ลิตรจะได้ปริมาณเอทานอลสูงสุด 3.62% (w/v) ในชั่วโมงที่ 24
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
การศึกษาเกี่ยวกับการย่อยใบไม้และการผลิตแอลกอฮอล์จากใบไม้ใบไม้ประกอบด้วยเซลลูโลส าไปใช้ประโยชน์ในปัจจุบันได้มีความคิดที่จะน ดังเช่นการนาใบไม้มาเปลี่ยนเป็นน้า
าใบไม้ไปผลิตเป็นน้าตาลได้จะต้องผ่านขั้นตอนการปรับสภาพด้วยกรดด่างหรือ าการย่อยได้ง่ายมากยิ่งขึ้นดังเช่นรายงานของ Baig et al, (2004) ได้ศึกษาการย่อยสลายกล้วยเกษตรเสียในส่วนของใบและก้านโดยใช้เอนไซม์เซลลูเลสจากเชื้อรา Trichoderma lignorum พบว่าหลังจาก 24 ชั่วโมงมีการผลิตลดน้ำตาลได้เท่ากับ 1.34 mg / ml และยังพบอีกว่าอุณหภูมิ และค่า pH ที่เหมาะสมต่อการผลิตน้ำตาลรีดิวซ์คืออุณหภูมิ 40 ° C และมีค่า pH 6.0 และชาห์ et al, (2005) ได้เพาะเลี้ยง Phylosticta SP MPS-001 และ Aspergillus SP MPS-002 ในอาหารที่มีใบและก้านกล้วยเป็นแหล่งคาร์บอนพบว่าเมื่อเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 20 วนั และการลดน้ำตาลได้สูงที่สุดส่วน Jakobsson (2002) ฟางข้าวสาลีโดยนามาผ่านการย่อยด้วยกรดซัลฟูริกเข้มข้น 0.2% ที่อุณหภูมิแตกต่างกันคือ 190, 200 และ 210 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 2, 5 และ 10 นาทีจากนั้นนาไปย่อยด้วยเอนไซม์เซลลูเลสผสมกับ Novozyme A / S (Bagsvaerd, เดนมาร์ก) พบว่าที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 10 นาทีมีการผลิตน้าตาลกลูโคสสูงที่สุดนอกจากนี้
Milala et al, (2005) Aspergillus ไนเจอร์โดยนาใบและก้านของข้าวโพดพริกซังข้าวโพดข้าวฟ่างและแกลบไปอบแห้งและบดให้ละเอียดจากนั้นทาการปรับสภาพด้วยโซดาไฟเข้มข้น 1% เป็นเวลา 12 ชั่วโมงเติมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ให้ความเข้มข้นสุดท้ายเท่ากับ 1% เป็นเวลา 12 ชั่วโมงล้างด่างออกด้วยน้ากลั่นและอบให้แห้งจากนั้นทาการหมักกับเชื้อรา Aspergillus ไนเจอร์เป็นเวลา 3 วนัพบว่าซังข้าวโพด ุดซึ่งสอดคล้องกับรายงานของมิชิเอตอัล (2007) ที่พบว่าใบของผักตบชวาและผักกาดหอมน้ำเมื่อถูกนาไปปรับสภาพด้วยโซดาไฟเข้มข้น 1% จะให้ปริมาณน้าตาลกลูโคสสูงกว่าใบที่ไม่ผ่านการปรับสภาพและเฉินและอัล (2007) ได้นาข้าวโพดซังไปปรับสภาพด้วยเข้มข้นไฮโดรเจนซัลไฟด์ 1% ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 3 ชั่วโมงจากนั้นนาซังข้าวโพดที่ผ่านการปรับสภาพไปย่อยด้วยเอนไซม์เซลลูเลสจากเชื้อรา Trichoderma reesei ZU-02 และ เอนไซม์ cellobiase จากเชื้อรา Aspergillus ไนเจอร์ ZU-07 เป็นเวลา 12-60 ชั่วโมงพบว่าหลังจาก 60 ชั่วโมงซังข้าวโพดที่ถูกย่อยด้วยเอนไซม์เซลลูเลสและเอนไซม์ cellobiase สามารถผลิตน้ำตาลรีดิวซ์ได้เท่ากับ 119.3 กรัม / ลิตรและ 95.3 กรัม / ลิตรตามล าดับส่วน Caparros et al, (2008) ศึกษาการย่อยก้านดอกทานตะวันโดยใช้ความร้อนสูงโดยใช้อุณหภูมิในช่วง 160-220 องศาเซลเซียสพบว่าที่อุณหภูมิ 175-185 องศาเซลเซียสให้ปริมาณน้าตาลกลูโคสสูงที่สุดคือ 0.8-1.2 กรัม / ลิตรนอกจากนั้นวิเชียร และคณะ (2535) ทาการเพาะเลี้ยงเชื้อรา Aspergillus fumigatus Fresenius 4-45-IF ในอาหารที่มีฟางข้าวชานอ้อยซังข้าวโพดกาบข้าวโพดและราข้าวสาลีนาไปบ่มที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 96 ชั่วโมงพบว่า เอนไซม์เซลลูเลสจากเชื้อรา Aspergillus fumigatus Fresenius 4-45-IF สามารถย่อยสลายฟางข้าวไดด้ีที่สุดรองลงมาคือราข้าวสาลีส่วนชานอ้อยกาบข้าวโพดและซังข้าวโพดเอนไซม์ย่อยสลายได้น้อยมากนอกจากนี้ยังมีรายงาน การนาวัสดุเหลือทิ้งมาผลิตเป็นเอทานอลดังเช่นอรุณวรรณ (2547) ศึกษาการย่อยสลายหญ้าแฝกหอมหญ้าแฝกหอมแนช 3 อีโคไทป์คืออีโคไทป์ศรีลังกาอีโคไทป์สงขลา 3 และอีโค ไทป์สุราษฎร์ธานีพบว่าเอนไซม์เซลลูเลสจากเชื้อรา Aspergillus SP น้ำตาลรีดิวซ์สูงที่สุดและเมื่อศึกษาการผลิตเอทานอลโดยทาการหมักใบแห้งของหญ้าแฝกอีโคไทป์ศรีลังกาปริมาณ 3% ด้วยเอนไซม์เซลลูเลสจากเชื้อรา Aspergillus SP และ
Kluveromyces thermotolerans ในสภาวะเขย่า 125 รอบต่อนาทีบ่มที่อุณหภูมิ 40 ° C ค่า pH 5.0 พบว่าให้ปริมาณเอทานอลสูงสุดคือ 6.07 กรัม / ลิตรและ Srinorakutara et al, (2005) ได้นากากมันสาปะหลังมาใช้ประโยชน์เพื่อการผลิตเอทานอลโดยทาการศึกษาการสลายด้วยกรดพบว่าเมื่อใช้
0.6 M กรดกำมะถันโดยทาการย่อยที่อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียสใน อัตราส่วนกากมันสาปะหลังต่อกรดเท่ากับ 1: 2 จะได้น้าตาลรีดิวซ์สูงสุด 6.1% (w / v) ในขณะที่การใช้วิธีสลายด้วยเอนไซม์ผสมพบว่า ที่อุณหภูมิ 28 องศาเซลเซียสพีเอชและ 4.5 เป็นเวลา 1 ชั่วโมงตามด้วยเอนไซม์αอะไมเลสย่อยที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียสและ pH 5.5 เป็นเวลา 2 ชั่วโมงและเอนไซม์ glucoamylase ที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสพีเอชและ 4.5 เป็นเวลา 24 ชั่วโมงเป็นสภาวะที่เหมาะสม ที่สุดซึ่งได้น้าตาลรีดิวซ์ 6.2% (w / v) และเมื่อนาน้าตาลที่ได้จากการย่อยกากมันสาปะหลังด้วยเอนไซม์ที่มีปริมาณน้าตาลรีดิวซ์ 8.92% (w / v) ไปหมัก กับ Saccharomyces cerevisiae TISTR5596 ในถังหมักขนาด 10 ลิตรจะได้ปริมาณเอทานอลสูงสุด 3.62% (w / v) ในชั่วโมงที่ 24
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
การศึกษาเกี่ยวกับการย่อยใบไม้และการผลิตแอลกอฮอล์จากใบไม้ใบไม้ประกอบด้วยเซลลูโลสส่วนใหญ่จัดเป็นวัสดุเหลือทิ้งที่ยังไม่มีการนาไปใช้ประโยชน์ในปัจจุบันได้มีความคิดที่จะนดังเช่นการนาใบไม้มาเปลี่ยนเป็นน้าตาลกลูโคสซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตผลิตเอทานอล
แต่ก่อนที่จะนาใบไม้ไปผลิตเป็นน้าตาลได้จะต้องผ่านขั้นตอนการก่อนด้วยกรดด่างค็อคเอนไซม์เพื่อเปิดพื้นผิวของเซลลูโลสให้จุลินทรีย์เข้าทาการย่อยได้ง่ายมากยิ่งขึ้นดังเช่นรายงานของ baig et al .( 2004 ) ได้ศึกษาการย่อยสลายกล้วยเกษตรเสียในส่วนของใบและก้านโดยใช้เอนไซม์เซลลูเลสจาก Trichoderma lignorum พบว่าหลังจาก 24 ชั่วโมงมีการผลิตลดน้ำตาลได้เท่ากับ 1มล. มก. / 34 และยังพบอีกว่าอุณหภูมิและ Ph ที่เหมาะสมต่อการผลิตลดน้ำตาลอุณหภูมิ 40 ° C ความและ pH 6.0 และ Shah et al . ( 2005 ) ได้เพาะเลี้ยง phylosticta sp . mps-001 และ Aspergillus sp .mps-002 ในอาหารที่มีใบและก้านกล้วยเป็นแหล่งคาร์บอนพบว่าเมื่อเพาะเลี้ยงเป็นเวลา 20 วนัเชื้อทั้งสองชนิดผลิตเอนไซม์เซลลูเลสและลดน้ำตาลได้สูงที่สุดส่วน jakobsson ( 2002 ) ได้ศึกษาหาสภาวะที่เหมาะสมในการย่อยสลายฟางข้าวสาลีามาผ่านการย่อยด้วยกรดซัลฟูริกเข้มข้น 02 % ที่อุณหภูมิแตกต่างกันคือ 190 , 200 และ 210 ° C เป็นเวลา 2 , 5 และ 10 นาทีจากนั้นนาไปย่อยด้วยเอนไซม์เซลผสมกับ novozyme / S ( bagsvaerd , เดนมาร์ก ) พบว่าที่อุณหภูมิ 200 องศา C เป็นเวลา 10 นาทีมีการผลิตน้าตาลกลูโคสสูงที่สุดนอกจากนี้
milala et al .( 2005 ) ได้ศึกษาการใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรเพื่อผลิตเอนไซม์เซลลูเลสจาก Aspergillus niger โดยนาใบและก้านของกินี ข้าวโพด ฝักข้าวโพดข้าวฟ่างและแกลบไปอบแห้งและบดให้ละเอียดจากนั้นทาการก่อนด้วยโซดาไฟเข้มข้น 1% เป็นเวลา 12 ชั่วโมงเติมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ให้ความเข้มข้นสุดท้ายเท่ากับ 1% เป็นเวลา 12 ชั่วโมงล้างด่างออกด้วยน้ากลั่นและอบให้แห้งาการหมักกับ Aspergillus niger เป็นเวลา 3 วนัพบว่าข้าวโพดฝักให้ค่าการผลิตเอนไซม์เซลลูเลสสูงทสีุ่ดซึ่งสอดคล้องกับรายงานของมิชิม่า et al .( 2007 ) ที่พบว่าใบของผักตบชวาและน้ำผักกาดหอมเมื่อถูกนาไปก่อนด้วยโซดาไฟเข้มข้น 1% จะให้ปริมาณน้าตาลกลูโคสสูงกว่าใบที่ไม่ผ่านการก่อนและ Chen et al .( 2007 ) ได้นาซังข้าวโพดในการไปด้วยก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์เข้มข้น 1% ที่อุณหภูมิ 180 ° C เป็นเวลา 3 ชั่วโมงจากนั้นนาที่ผ่านการไปย่อยด้วยเอนไซม์เซลลูเลสจาก Trichoderma reesei ซังข้าวโพดในการ zu-02 และเอนไซม์เซลโลไบเจาก Aspergillus niger zu-07 เป็นเวลา 12-60พบว่าหลังจาก 60 ชั่วโมงซังข้าวโพดที่ถูกย่อยด้วยเอนไซม์เซลลูเลสและเอนไซม์เซลโลไบเสามารถผลิตลดน้ำตาลได้เท่ากับ 119 .3 G / L และร่วงกรัม / ลิตรตามลาดับส่วนหากคุณต้องการ dismantel et al . ( 2008 ) ศึกษาการย่อยก้านทานตะวันโดยใช้ความร้อนสูงโดยใช้อุณหภูมิในช่วง 160-220 ° C พบว่าที่อุณหภูมิ 175-185 ° C ให้ปริมาณน้าตาลกลูโคสสูงที่สุดความ 0.8-1 .2 กรัม / ลิตรนอกจากนั้นวิเชียรและคณะ ( 2535 ) ทาการเพาะเลี้ยง Aspergillus fumigatus FRESENIUS 4-45-if ในอาหารที่มีฟางข้าวชานอ้อยซังข้าวโพดกาบข้าวโพดและราข้าวสาลีนาไปบ่มที่อุณหภูมิ 40 ° C เป็นเวลา 96 ชั่วโมงพบว่าเอนไซม์เซลลูเลสจาก AspergillusFRESENIUS 4-45-if สามารถย่อยสลายฟางข้าวไดด้ีที่สุดรองลงมาคือราข้าวสาลีส่วนชานอ้อยกาบข้าวโพดและซังข้าวโพดเอนไซม์ย่อยสลายได้น้อยมากนอกจากนี้ยังมีรายงานการนาวัสดุเหลือทิ้งมาผลิตเป็นเอทานอลดังเช่นอรุณวรรณศึกษาการย่อยสลายหญ้าแฝกหอมหญ้า แฝกหอม แนช 3 อีโคไทป์ความอีโคไทป์ศรีลังกาอีโคไทป์สงขลา 3 และอีโคไทป์สุราษฎร์ธานีพบว่าเอนไซม์เซลลูเลสจาก Aspergillus sp .สามารถย่อยสลายใบแห้งของหญ้าแฝกอีโคไทป์ศรีลังกาได้ปริมาณลดน้ำตาลสูงที่สุดและเมื่อศึกษาการผลิตเอทานอลโดยทาการหมักใบแห้งของหญ้าแฝกอีโคไทป์ศรีลังกาปริมาณ 3% ด้วยเอนไซม์เซลลูเลสจาก Aspergillus sp . และ
kluveromyces thermotolerans ในสภาวะเขย่า 125 รอบต่อนาทีบ่มที่อุณหภูมิ 40 °องศาเซลเซียส pH 5.0 พบว่าให้ปริมาณเอทานอลสูงสุดความ 6.07 กรัม / ลิตรและ srinorakutara et al .( 2005 ) ได้นากากมันสาปะหลังมาใช้ประโยชน์เพื่อการผลิตเอทานอลโดยทาการศึกษาการไฮโดรไลซ์ด้วยกรดพบว่าเมื่อใช้
0.6 M กรดซัลฟูริกโดยทาการย่อยที่อุณหภูมิ 120 ° C ในอัตราส่วนกากมันสาปะหลังต่อกรดเท่ากับ 12 จะได้น้าตาลรีดิวซ์สูงสุด 6.1 % ( w / v ) ในขณะที่การใช้วิธีไฮโดรไลซ์ด้วยเอนไซม์ผสมพบว่าการใช้เอนไซม์ผสมระหว่างเซลลูเลสและเพคติเนสที่อุณหภูมิ 28 ° C และ pH 4.5 เป็นเวลา 1 ชั่วโมงตามด้วยเอนไซม์α - อะไมเลสย่อยที่อุณหภูมิ 100 ° C และ pH 55 เป็นเวลา 2 ชั่วโมงและเอนไซม์ที่อุณหภูมิ 60 ° C และเปอร์เซ็นต์ pH 4.5 เป็นเวลา 24 ชั่วโมงเป็นสภาวะที่เหมาะสมที่สุดซึ่งได้น้าตาลรีดิวซ์ 62 % ( w / v ) และเมื่อนาน้าตาลที่ได้จากการย่อยกากมันสาปะหลังด้วยเอนไซม์ที่มีปริมาณน้าตาลรีดิวซ์ 8.92 % ( w / v ) ไปหมักกับ Saccharomyces cerevisiae tistr5596 ในถังหมักขนาด 10 ลิตรจะได้ปริมาณเอทานอลสูงสุด 3.62 % ( w / v ) 24 ในชั่วโมงที่
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: