In the early 1950s, Russian-born Am

In the early 1950s, Russian-born American economist Wassily W. Leontief studied the US economy closely and noted that the United States was abundant in capital and, therefore, should export more capital-intensive goods. However, his research using actual data showed the opposite: the United States was importing more capital-intensive goods. According to the factor proportions theory, the United States should have been importing labor-intensive goods, but instead it was actually exporting them. His analysis became known as the Leontief Paradox because it was the reverse of what was expected by the factor proportions theory. In subsequent years, economists have noted historically at that point in time, labor in the United States was both available in steady supply and more productive than in many other countries; hence it made sense to export labor-intensive goods. Over the decades, many economists have used theories and data to explain and minimize the impact of the paradox. However, what remains clear is that international trade is complex and is impacted by numerous and often-changing factors. Trade cannot be explained neatly by one single theory, and more importantly, our understanding of international trade theories continues to evolve.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในช่วงต้นทศวรรษ 1950 รัสเซียเกิดอเมริกันนักเศรษฐศาสตร์ Wassily W. Leontief ศึกษาเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด และตั้งข้อสังเกตว่า สหรัฐอเมริกามีมากมายในเมืองหลวง และ ดังนั้น ควรส่งออกสินค้ามาก capital-intensive อย่างไรก็ตาม วิจัยของเขาโดยใช้ข้อมูลจริงพบตรงข้าม: สหรัฐอเมริกาถูกนำเข้าสินค้ามาก capital-intensive ตามทฤษฎีสัดส่วนปัจจัย สหรัฐอเมริกาควรมีการนำเข้าสินค้า labor-intensive ได้แต่ จะถูกส่งจริง การวิเคราะห์ของเขากลายเป็นเรียกว่า Leontief Paradox เพราะไม่มีการย้อนกลับของที่ถูกต้องตามทฤษฎีสัดส่วนปัจจัย ในปีต่อมา นักเศรษฐศาสตร์ได้บันทึกประวัติที่จุดในเวลา แรงงานในสหรัฐอเมริกามีอุปทานคงที่ และมีประสิทธิผลมากขึ้นกว่าในประเทศอื่น ๆ ดังนั้น มันรู้สึกถึงการส่งออกสินค้า labor-intensive ทศวรรษ นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากได้ใช้ทฤษฎีและข้อมูลอธิบาย และลดผลกระทบของปฏิทรรศน์ อย่างไรก็ตาม สิ่งยังคงชัดเจนเป็นการค้าระหว่างประเทศมีความซับซ้อน และได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงบ่อยและ ไม่สามารถอธิบายทางการค้าอย่างตามทฤษฎีหนึ่งเดียว และที่สำคัญ เข้าใจทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศของเรายังคงพัฒนา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในช่วงต้นทศวรรษ อย่างไรก็ตามการวิจัยของเขาโดยใช้ข้อมูลจริงแสดงให้เห็นตรงข้าม ตามปัจจัยทฤษฎีสัดส่วนที่สหรัฐอเมริกาควรจะได้รับการนำเข้าสินค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้น แต่มันเป็นจริงการส่งออก การวิเคราะห์ของเขากลายเป็นที่รู้จัก ในปีต่อ ๆ มานักเศรษฐศาสตร์ได้ตั้งข้อสังเกตในอดีตที่จุดในเวลาที่แรงงานในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นทั้งที่มีอยู่ในอุปทานคงที่และมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าในประเทศอื่น ๆ จึงทำให้ความรู้สึกในการส่งออกสินค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้น กว่าทศวรรษที่ผ่านมานักเศรษฐศาสตร์หลายคนได้ใช้ทฤษฎีและข้อมูลในการอธิบายและลดผลกระทบจากความขัดแย้ง แต่สิ่งที่ยังคงเป็นที่ชัดเจนว่าการค้าระหว่างประเทศที่มีความซับซ้อนและมีผลกระทบจากปัจจัยจำนวนมากและมักจะมีการเปลี่ยนแปลง การค้าที่ไม่สามารถอธิบายได้อย่างเรียบร้อยโดยทฤษฎีหนึ่งเดียวและที่สำคัญความเข้าใจของทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศยังคงมีวิวัฒนาการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในช่วงต้นทศวรรษ 1950 , รัสเซียเกิดนักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันวัสเซิลลี่ . leontief ศึกษาเศรษฐกิจสหรัฐอย่างใกล้ชิด และระบุว่า สหรัฐอเมริกาได้มากมายในเมืองหลวง ดังนั้นควรส่งออกสินค้าทุนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม งานวิจัยของเขาโดยใช้ข้อมูลจริงพบตรงข้าม : สหรัฐอเมริกาคือการนําเข้าสินค้าทุนมากขึ้น ตามสัดส่วนด้านทฤษฎีสหรัฐอเมริกาควรมีการนําเข้าสินค้าที่ใช้แรงงาน แต่แทนที่จะถูกจริงส่งพวกเขา การวิเคราะห์ของเขากลายเป็นที่รู้จักในฐานะ leontief Paradox เพราะมันย้อนกลับของสิ่งที่ถูกคาดหวังโดยสัดส่วนด้านทฤษฎี ในปีถัดไป , นักเศรษฐศาสตร์ได้กล่าวไว้ในอดีต ในตอนนั้นแรงงานในสหรัฐอเมริกา ทั้งมีอุปทานคงที่และมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าในประเทศอื่น ๆ ดังนั้นมันทำให้รู้สึกเพื่อส่งออกสินค้าที่ใช้แรงงาน . กว่าทศวรรษ , นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากได้ใช้ทฤษฎีและข้อมูลเพื่ออธิบาย และลดผลกระทบของพาราดอกซ์ อย่างไรก็ตาม