Yes. I think it builds on what Dr.

Yes. I think it builds on what Dr. Weiner just said and also, since I'm quite familiar with Shannon Brownlee's writing and so on, this idea that you have to individualize or customize your approach to every patient and that individual approach involves understanding the aggressiveness or the growth rate of that cancer within the person and the vulnerabilities. There are -- so instead of just blanket-ly treating someone with chemotherapy in a empirical way where you certainly damage or hopefully destroy the cancer, but you do a lot of harm as well to the normal cells and to the patient.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใช่ ผมคิดว่า มันสร้างบนดร. Weiner เพียงพูด และยัง เนื่องจากผมค่อนข้างคุ้นและแชนนอน Brownlee เขียน ความคิดนี้ต้อง individualize หรือกำหนดแนวทางให้ผู้ป่วยทุกและแต่ละวิธีเกี่ยวข้องกับการเข้าใจที่ aggressiveness หรืออัตราการเติบโตของโรคมะเร็งที่อยู่ภายในบุคคลและช่องโหว่ มี — ดังนั้นแทนที่จะเพียงแค่ครอบคลุมแท้ ๆ รักษาคน ด้วยเคมีบำบัดแบบประจักษ์ซึ่งคุณเสียแน่นอน หรือหวังทำลายมะเร็ง แต่คุณมากอันตรายรวมทั้งเซลล์ปกติ และผู้ป่วย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ใช่ ฉันคิดว่ามันสร้างสิ่งที่ดรเนอร์กล่าวว่าเพียงและยังตั้งแต่ฉันค่อนข้างคุ้นเคยกับการเขียนแชนนอน Brownlee และอื่น ๆ ความคิดที่ว่าคุณจะต้องต่างกันหรือกำหนดวิธีการของคุณกับผู้ป่วยทุกคนและบุคคลที่วิธีการนี​​้เกี่ยวข้องกับความเข้าใจความแข็งขัน หรืออัตราการเติบโตของโรคมะเร็งที่อยู่ภายในบุคคลและช่องโหว่ มี - เพื่อแทนเพียงผ้าห่ม-Ly การรักษาคนที่มียาเคมีบำบัดในทางเชิงประจักษ์ที่คุณแน่นอนสร้างความเสียหายหรือหวังทำลายมะเร็ง แต่คุณทำมากของอันตรายเช่นเดียวกับเซลล์ปกติและผู้ป่วย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ใช่ ฉันคิดว่ามันสร้างในสิ่งที่ ดร. เนอร์พูดแล้ว เพราะผมค่อนข้างคุ้นเคยกับ แชนนอน บราวน์ลี่เขียนและอื่น ๆ ความคิดนี้ คุณต้องทำให้เป็นเฉพาะราย หรือปรับแต่งวิธีการของคุณเพื่อคนไข้ และวิธีการที่ บุคคล เกี่ยวข้องกับ เข้าใจ ความก้าวร้าว หรืออัตราการเติบโตของมะเร็งในคนและช่องโหว่ .มี -- ดังนั้นแทนที่จะแค่ผ้าห่มหลีรักษาคนด้วยเคมีบำบัดในทางเชิงประจักษ์ที่แน่นอนคุณ เสียหาย หรือ หวังทำลายมะเร็ง แต่ก็อันตรายมากเช่นกันกับเซลล์ปกติ และผู้ป่วย