Carbon releases occur when water is

Carbon releases occur when water is extracted and transported to industrial, agricultural, and residential areas for use, which consumes energy and materials and results in a carbon footprint [28]. Different water resource projects can have different carbon footprints. For example, an artesian water diversion project near a river that requires only small amounts of construction and does not use much energy during the water transportation process will have a low carbon footprint. In contrast, a large-scale inter-basin water diversion project that requires large amounts construction and high amounts of energy during the water transportation process (e.g., for pressurization) will have a high carbon footprint. While many countries around the world have established water resources engineering organizations, there have been only a few studies on the carbon footprints of water resource projects. Currently, carbon footprint studies have been carried out for drinking water supply systems [29–31], water transportation systems [32, 33], and different types of dams [34].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รุ่นคาร์บอนเกิดขึ้นเมื่อน้ำถูกแยก และลำเลียงไปยังพื้นที่อุตสาหกรรม เกษตรกรรม และที่พักอาศัยสำหรับใช้ ซึ่งสิ้นเปลืองพลังงานวัสดุ และผลลัพธ์ในการปล่อยก๊าซคาร์บอน [28] โครงการทรัพยากรน้ำแตกต่างกันสามารถมีคาร์บอนแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น การโครงการผันน้ำลึกใกล้กับแม่น้ำที่ต้องใช้เพียงจำนวนเล็กน้อยของการก่อสร้าง และใช้พลังงานมากในระหว่างกระบวนการขนส่งน้ำ จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ ตรงกันข้าม โครงการผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำขนาดใหญ่ที่ต้องการก่อสร้างขนาดใหญ่และปริมาณสูงของพลังงานในระหว่างกระบวนการขนส่งน้ำ (เช่น สำหรับผจญ) จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนสูง ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกได้ก่อตั้งองค์กรวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ มีเพียงไม่กี่ศึกษาบนคาร์บอนน้ำโครงการทรัพยากร ในปัจจุบัน การศึกษารอยเท้าคาร์บอนการดำเนินสำหรับระบบจ่ายน้ำดื่ม [29 – 31], ระบบขนส่งน้ำ [32, 33], และชนิดของเขื่อน [34]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รุ่นคาร์บอนเกิดขึ้นเมื่อน้ำสกัดและเคลื่อนย้ายไปอุตสาหกรรมการเกษตรและที่อยู่อาศัยพื้นที่สำหรับการใช้งานที่สิ้นเปลืองพลังงานและวัสดุและผลในการปล่อยก๊าซคาร์บอน [28] โครงการแหล่งน้ำที่แตกต่างกันสามารถมีรอยเท้าคาร์บอนที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นโครงการผันน้ำบาดาลใกล้แม่น้ำที่ต้องมีเพียงจำนวนน้อยของการก่อสร้างและไม่ได้ใช้พลังงานมากในระหว่างขั้นตอนการขนส่งทางน้ำที่จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ ในทางตรงกันข้ามขนาดใหญ่ระหว่างลุ่มน้ำโครงการผันน้ำที่ต้องมีการก่อสร้างขนาดใหญ่เป็นจำนวนเงินและจำนวนเงินที่สูงของพลังงานในระหว่างขั้นตอนการขนส่งทางน้ำ (เช่นสำหรับแรงดัน) จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูง ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกมีการจัดตั้งองค์กรน้ำทรัพยากรด้านวิศวกรรมมีได้เพียงไม่กี่ศึกษาเกี่ยวกับรอยเท้าคาร์บอนของโครงการแหล่งน้ำ ปัจจุบันการศึกษาการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้รับการดำเนินการสำหรับระบบน้ำประปาดื่ม [29-31] ระบบการขนส่งทางน้ำ [32, 33], และประเภทต่างๆของเขื่อน [34]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ปล่อยก๊าซคาร์บอนเกิดขึ้นเมื่อน้ำสกัดและขนส่ง อุตสาหกรรม การเกษตร และพื้นที่พักอาศัยที่ใช้พลังงานและวัสดุที่ใช้ และผลในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ [ 28 ] โครงการแหล่งน้ำที่แตกต่างกันสามารถมีรอยเท้าคาร์บอนที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น การผันน้ำ บาดาล โครงการใกล้แม่น้ำที่ต้องการเพียงจํานวนน้อยก่อสร้าง และไม่ได้ใช้พลังงานมากในระหว่างกระบวนการการขนส่งทางน้ำจะมีการปล่อยคาร์บอนต่ำ ในทางตรงกันข้าม , โครงการผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำขนาดใหญ่ ที่ต้องมีการก่อสร้างจำนวนมากและปริมาณพลังงานสูงในระหว่างกระบวนการการขนส่งทางน้ำ ( เช่นสำหรับความดัน ) จะมีรอยเท้ามีคาร์บอนสูง ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกมีการจัดตั้งองค์กรทางวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ มีเพียงไม่กี่การศึกษารอยเท้าคาร์บอนของโครงการแหล่งน้ำ ในปัจจุบัน การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์การศึกษาได้รับการดื่มน้ำประปาระบบ [ 29 31 ] , ระบบการขนส่งทางน้ำ [ 32 , 33 ) และประเภทที่แตกต่างกันของเขื่อน [ 34 ]