Theoretical contributions and pract

Theoretical contributions and practical implications
Our results extend prior research investigating factors influencing
people’s likelihood to engage in unethical behavior. Several
models of unethical behavior (e.g., Ferrell & Gresham, 1985; Hegarty
& Sims, 1978; Hegarty & Sims, 1979; Treviño, 1986; Treviño
& Youngblood, 1990) suggest that misconduct is influenced by a
person–situation interaction. Specifically, the tendency of people
to engage in unethical behavior depends on both characteristics
of the situation and characteristics of the individual. For instance,
prior work has shown that both individual factors (e.g., gender,
age, and nationality) and personal characteristics (e.g., ethical
framework, stage of moral development, religion, employment,
and individual’s concern for self-presentation) influence ethical
behavior (for a review, see Loe, Ferrell, & Mansfield, 2000, or Ford
& Richardson, 1994). Previous studies have also identified a number
of contextual factors that affect ethical behavior, such as the
use of incentives (Flannery & May, 2000; Schweitzer & Croson,
1999) or codes of ethics (Weaver, Treviño, & Cochran, 1999). The
present work suggests that one of the situational features influencing
an individual’s likelihood to engage in unethical behavior is the
presence of abundant wealth. While prior research has been silent
on the effect of this factor, we believe it to be an important one given
the prevalence of abundant and visible wealth in organizational
environments.
Our research also contributes to prior work on the effects of
environmental cues on individual behavior. Research suggests that
the environment in which people operate activates explicit or implicit
norms that, in turn, might influence the tendency to cross the
ethical line. Cialdini et al. (1990), for example, found that the
amount of litter in an environment subtly activates norms prescribing
appropriate or inappropriate littering behavior in a given
setting and, as a result, regulates littering behavior. Similarly, Aarts
and Dijksterhuis (2003) show that simple visual stimulus can activate
situational norms; they found that individuals automatically
lowered their voices when asked to look at a photograph of a library.
In these studies, there is a direct correspondence between
a specific feature of the environment and a regulated behavior
(e.g., litter and littering, libraries and quietness). Consistent with
this body of research, our findings suggest that the presence of
abundant wealth influences individuals’ unethical behavior. The
question of whether abundant wealth also influences people’s perceptions
of social norms pertaining to stealing remains open.
Finally, our work contributes to prior work on the effects of
envy in driving unethical behavior. Prior research has argued that
emotions such as envy might drive unethical behavior (Schweitzer
& Gibson, 2008) and has found that envy promotes deception
(Moran & Schweitzer, 2008). In an experimental study, Moran
and Schweitzer (2008) found that participants in an ultimatum
game were more likely to lie to a counterpart they envied than
to a counterpart they did not envy. In our own work, we consider
envy as a motivator of unethical behavior, but we depart from prior
research in this area in several ways. First, we measure envy as a
result of inequity perceptions in the presence of abundant wealth.
Second, we show that envious feelings do not need to be directed
toward a specific counterpart in order to motivate unethical behavior.
We believe this to be an important distinction that deserves
further investigation.
Our findings are important in light of public cases of individual
unethical behavior within organizations and in society at large.
Self-reporting is a common method for evaluation and compensation
in today’s organizations. Individuals who receive performance-
and time-based compensation face strong incentives to
overstate hours worked, tasks performed, and milestones accomplished.
Research and teaching assistants working for professors
in academia are asked to self-report the number of hours they
work, as are many associates in law, accounting, and consulting
firms. The opportunity to inflate compensation is broadly available
in organizations of all types, as well as in transactions involving tax
filings, insurance claims, and independent contracting.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีส่วนร่วมในทางทฤษฎีและผลประโยชน์ของเรา
ผลการวิจัยก่อนที่ขยายศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความน่าจะเป็นคน
ที่จะมีส่วนร่วมในพฤติกรรมที่ผิดจรรยาบรรณ รุ่น
หลายพฤติกรรมที่ผิดจรรยาบรรณ (เช่นเฟอร์เรลล์& Gresham, 1985; Hegarty
& sims, 1978; Hegarty & sims, 1979; Treviño, 1986; Treviño
& Youngblood, 1990) ชี้ให้เห็นว่าการประพฤติผิดได้รับอิทธิพลจาก
คนที่มีปฏิสัมพันธ์กับสถานการณ์ โดยเฉพาะแนวโน้มของคน
จะมีส่วนร่วมในพฤติกรรมที่ผิดจรรยาบรรณขึ้นอยู่กับทั้งสอง
ลักษณะของสถ​​านการณ์และลักษณะของแต่ละบุคคล ตัวอย่างเช่น
ก่อนงานได้แสดงให้เห็นว่าทั้งสองปัจจัยส่วนบุคคล (เช่นเพศอายุ
และสัญชาติ) และลักษณะส่วนบุคคล (เช่นจริยธรรม
กรอบขั้นตอนของการพัฒนาคุณธรรม, ศาสนาของการจ้างงาน,,
และความกังวลของแต่ละคนนำเสนอตัวเอง) ที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางจริยธรรม
(สำหรับทบทวนดู LOE เฟอร์เรลล์, & Mansfield, 2000 หรือฟอร์ด
& Richardson, 1994) การศึกษาก่อนหน้ายังได้ระบุหมายเลข
บริบทของปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมทางจริยธรรมเช่นการใช้
ของแรงจูงใจ (แฟลนเน​​อรี&พฤษภาคม, 2000; Schweitzer & croson
1999) หรือจรรยาบรรณ (ทอผ้าTreviño, &ค็อช, 1999 )
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าหนึ่งในคุณสมบัติที่มีอิทธิพลต่อสถานการณ์
โอกาสของแต่ละคนจะมีส่วนร่วมในพฤติกรรมที่ผิดจรรยาบรรณคือการปรากฏตัว
ของความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ ในขณะที่การวิจัยก่อนได้รับ
เงียบในผลกระทบของปัจจัยนี้เราเชื่อว่ามันจะเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ได้รับ
ความชุกของความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์และมองเห็นได้ในสภาพแวดล้อมขององค์กร
.
การวิจัยของเรายังก่อให้ทำงานก่อนที่ผลของตัวชี้นำสิ่งแวดล้อม
เมื่อพฤติกรรมของบุคคล การวิจัยแสดงให้เห็นว่า
สภาพแวดล้อมที่คนทำงานป็นบรรทัดฐาน
ชัดแจ้งหรือโดยปริยายว่าในทางกลับกันอาจมีผลต่อแนวโน้มที่จะข้ามเส้น
จริยธรรม อัล Cialdini et (1990) ตัวอย่างเช่นพบว่าปริมาณ
จากครอกในสภาพแวดล้อมอย่างละเอียดป็นบรรทัดฐานกำหนด
เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมเกลื่อนพฤติกรรมในการตั้งค่า
กำหนดและเป็นผลให้พฤติกรรมเกลื่อนควบคุม ในทำนองเดียวกัน aarts
และ Dijksterhuis (2003) แสดงให้เห็นว่าการกระตุ้นการมองเห็นง่ายสามารถเปิดใช้งานบรรทัดฐานสถานการณ์
; พวกเขาก็พบว่าประชาชนโดยอัตโนมัติ
ลดเสียงของพวกเขาเมื่อถูกถามว่าจะมองไปที่รูปถ่ายของห้องสมุด
ในการศึกษาเหล่านี้มีการติดต่อโดยตรง. ระหว่าง
คุณลักษณะเฉพาะของสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมการควบคุม
(เช่นขยะและทิ้งขยะห้องสมุดและบรรยากาศที่เงียบสงบ) สอดคล้องกับ
ร่างกายของงานวิจัยนี้ค้นพบของเราแสดงให้เห็นว่าการปรากฏตัวของความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์
มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมที่ผิดจรรยาบรรณของแต่ละบุคคล คำถาม
ว่าความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ยังมีอิทธิพลต่อการรับรู้ของผู้คน
จากบรรทัดฐานของสังคมที่เกี่ยวข้องกับการขโมยยังคงเปิดอยู่.
ในที่สุดการทำงานของเราก่อให้เกิดการทำงานก่อนที่ผลของความอิจฉา
ในการผลักดันพฤติกรรมที่ผิดจรรยาบรรณ การวิจัยก่อนมีคนแย้งว่าอารมณ์
เช่นอิจฉาอาจผลักดันพฤติกรรมที่ผิดจรรยาบรรณ (Schweitzer
& Gibson, 2008) และพบว่ามีความอิจฉาส่งเสริมการหลอกลวง
(moran & Schweitzer, 2008) ในการศึกษาทดลองโมแรน
และชไวเซอร์ (2008) พบว่าผู้เข้าร่วมในการยื่นคำขาด
เกมมีแนวโน้มที่จะอยู่กับคู่ของพวกเขาอิจฉากว่า
กับคู่ของพวกเขาไม่ได้อิจฉา ในการทำงานของเราเองเราพิจารณาความอิจฉา
เป็นแรงจูงใจของพฤติกรรมที่ผิดจรรยาบรรณ แต่เราออกจากการวิจัย
ก่อนในบริเวณนี้ในหลายวิธี แรกเราวัดความอิจฉาเป็นผล
จากการรับรู้ของความไม่เสมอภาคในการปรากฏตัวของความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์.
ที่สองเราจะแสดงความรู้สึกอิจฉาที่ไม่จำเป็นต้องมีการกำกับ
ที่มีต่อคู่ที่เฉพาะเจาะจงเพื่อที่จะกระตุ้นพฤติกรรมผิดจรรยาบรรณ.
เราเชื่อว่านี่จะเป็นความแตกต่างที่สำคัญที่ควรได้รับการตรวจสอบต่อไป
.
ค้นพบของเรามีความสำคัญในแง่ของประชาชนกรณีของบุคคล
จรรยาบรรณภายในองค์กรและในสังคมที่มีขนาดใหญ่.
การรายงานตนเองเป็นวิธีการทั่วไปสำหรับการประเมินผลการ
และค่าตอบแทนในองค์กรของวันนี้บุคคลที่ได้รับประสิทธิภาพการทำงาน
ใบหน้าและการชดเชยตามเวลาแรงจูงใจให้
คุยโวชั่วโมงทำงานงานดำเนินการและเหตุการณ์สำคัญที่ประสบความสำเร็จ.
ผู้ช่วยวิจัยและการสอนการทำงานให้กับอาจารย์ในสถาบันการศึกษา
จะขอให้ตัวเองแจ้งจำนวนชั่วโมงที่พวกเขา
การทำงานเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมงานจำนวนมากในกฎหมาย, การบัญชี, การให้คำปรึกษาและ บริษัท
โอกาสที่จะขยายการชดเชยเป็น
ใช้ได้อย่างกว้างขวางในองค์กรทุกประเภทเช่นเดียวกับในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเอกสารที่ยื่นต่อ
ภาษีการเรียกร้องประกันและทำสัญญาอิสระ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลงานทฤษฎีและผลการปฏิบัติ
ก่อนวิจัยตรวจสอบปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อขยายผลของเรา
โอกาสประชาชนในพฤติกรรมศีลธรรม หลาย
รูปแบบของพฤติกรรมศีลธรรม (เช่น Ferrell &เกรแชม 1985 Hegarty
&เดอะซิมส์ 1978 Hegarty &เดอะซิมส์ 1979 Treviño, 1986 Treviño
& Youngblood, 1990) แนะนำว่า ประพฤติได้รับอิทธิพลจากการ
person–situation โต้ตอบ โดยเฉพาะ แนวโน้มของคน
ใน พฤติกรรมศีลธรรมขึ้นอยู่กับลักษณะทั้ง
สถานการณ์และลักษณะของบุคคล ตัวอย่าง,
งานก่อนหน้านี้ได้แสดงที่ปัจจัยทั้งสองแต่ละ (เช่น เพศ,
อายุและสัญชาติ) และลักษณะส่วนบุคคล (เช่น จริยธรรม
กรอบ ขั้นพัฒนาคุณธรรม ศาสนา จ้าง งาน,
และของแต่ละคนนำเสนอตนเอง) อิทธิพล ethical
พฤติกรรม (Loe, Ferrell &ดูรีวิว Mansfield, 2000 หรือฟอร์ด
&ริชาร์ดสัน 1994) การศึกษาก่อนหน้านี้ยังได้ระบุหมายเลข
บริบทปัจจัยที่มีผลต่อจริยธรรม เช่น
ใช้แรงจูงใจ (Flannery & 2543 &ชแวแซร์ Croson,
1999) หรือรหัสของจริยธรรม (ช่างทอผ้า Treviño & Cochran, 1999)
ที่หนึ่งของลักษณะการทำงานในสถานการณ์ที่มีอิทธิพลต่อการแนะนำงานนำเสนอ
เป็นโอกาสของบุคคลในพฤติกรรมศีลธรรม
ของมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ ในขณะที่งานวิจัยก่อนหน้านี้ได้เงียบ
บนผลของปัจจัยนี้ เราเชื่อว่ามันจะ เป็นส่วนหนึ่งสำคัญให้
ส่วนมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ และสามารถมองเห็นได้ในองค์กร
สภาพแวดล้อม
วิจัยของเรายังรวมผลของงานก่อน
สัญลักษณ์สิ่งแวดล้อมกับพฤติกรรมการ งานวิจัยแนะนำที่
สิ่งแวดล้อมที่มีคนเรียกใช้ชัดเจน หรือนัย
บรรทัดฐานที่ จะ อาจมีผลแนวโน้มข้าม
บรรทัดจริยธรรม เชียลดินี et al. (1990), เช่น พบว่า
จำนวนแคร่ในสภาพแวดล้อมรายเรียกใช้บรรทัดฐานกำหนด
ที่เหมาะสม หรือไม่เหมาะสม littering พฤติกรรมในการกำหนด
ตั้ง และ ดังนั้น กำหนดลักษณะ littering ด้วย Aarts ทำนอง
และ Dijksterhuis (2003) แสดงว่า visual อย่างงานกระตุ้น
บรรทัดฐานเมืองไทย พวกเขาพบว่าบุคคลโดยอัตโนมัติ
ลดลงเสียงของพวกเขาเมื่อขอดูภาพถ่ายของไลบรารี
ในการศึกษานี้ มีการติดต่อโดยตรงระหว่าง
คุณลักษณะเฉพาะของสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมควบคุม
(เช่น แคร่และ littering ไลบรารีและความเงียบ) สอดคล้องกับ
ตัวนี้แนะงานวิจัย ผลการวิจัยของเรานำที่อยู่ของ
มั่งคั่งอุดมสมบูรณ์มีผลต่อพฤติกรรมศีลธรรมของบุคคล
คำถามของมีผลว่ามั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ยังต่อภาพลักษณ์ของคน
ของบรรทัดฐานทางสังคม เกี่ยวกับการขโมยยังคง เปิด.
ในที่สุด งานสนับสนุนงานทราบเกี่ยวกับผลกระทบของ
envy ในการขับขี่พฤติกรรมศีลธรรม งานวิจัยก่อนหน้านี้ได้โต้เถียงที่
อารมณ์เช่น envy อาจขับพฤติกรรมศีลธรรม (ชแวแซร์
&กิบสัน 2008) และพบว่า envy ส่งเสริมหลอกลวง
(โมแรน&ชแวแซร์ 2008) ในการศึกษาทดลอง โมแรน
ชแวแซร์ (2008) พบและผู้เข้าร่วมที่เป็น ultimatum
เกมได้มากขึ้นน่าจะอยู่กันแบบที่พวกเขาอิจฉากว่า
เพื่อกันการ จะได้ไม่อิจฉา ในการทำงานของเราเอง เราพิจารณา
envy เป็น motivator พฤติกรรมศีลธรรม แต่เราออกจากก่อน
วิจัยในพื้นที่นี้หลายวิธีการ ครั้งแรก เราวัด envy เป็นการ
ผลแนว inequity ในต่อหน้าของอุดมสมบูรณ์มั่งคั่งด้วย
สอง เราแสดงว่า ความรู้สึกอิจฉาไม่จำเป็นต้องนำ
ต่อกันเฉพาะการจูงใจพฤติกรรมศีลธรรม.
เราเชื่อว่านี้จะ มีความแตกต่างสำคัญที่สมควร
ไปสอบสวน
ผลการวิจัยของเราเป็นสิ่งสำคัญเมื่อกรณีสาธารณะของแต่ละบุคคล
ศีลธรรมพฤติกรรมภาย ในองค์กร และ ในสังคมมีขนาดใหญ่
รายงานตนเองเป็นวิธีการทั่วไปในการประเมินและค่าตอบแทน
ในวันนี้องค์กร บุคคลที่ได้รับประสิทธิภาพ-
และค่าตอบแทนตามเวลาแรงจูงใจแรง
overstate ชั่วโมงทำงาน งานที่ทำ และเหตุการณ์สำคัญสำเร็จ
วิจัยและการทำงานสำหรับอาจารย์ผู้ช่วยสอน
แม้จะถูกขอให้ตนเองรายงานจำนวนชั่วโมงพวกเขา
ทำงาน มีหลายสมาคมในกฎหมาย บัญชี และให้คำปรึกษา
บริษัท โอกาสโก่งค่าตอบแทนมีอย่างกว้างขวาง
ในองค์กรทุกประเภท รวม ทั้ง ในบัญชีภาษี
ยื่นเอกสารแจ้ง สินไหมทดแทนประกันภัย และสัญญาที่เป็นอิสระ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การบริจาคในทางทฤษฎีและอธิบายถึงความเกี่ยวข้องในทางปฏิบัติ
ซึ่งจะช่วยขยายผลประกอบการของปัจจัยการสอบสวนการวิจัยก่อนทำ
โอกาสของประชาชนในการเข้าร่วมในการกระทำขัดต่อจริยธรรม
หลายรุ่นของพฤติกรรมขัดต่อจริยธรรม(เช่น ferrell & Gresham Insurance ; Spark , 1985 SIM hegarty
& 1978 hegarty & SIM 1979 treviño 1986 treviño
& youngblood 1990 )แนะนำให้มีความประพฤติเสื่อมเสียจะได้รับอิทธิพลจากที่
การโต้ตอบคนสถานการณ์. โดยเฉพาะแนวโน้มของผู้คน
ซึ่งจะช่วยในการประกอบธุรกิจในลักษณะการขัดต่อจริยธรรมขึ้นอยู่กับลักษณะ
ซึ่งจะช่วยทั้งของลักษณะสถานการณ์และความเป็นอยู่ของแต่ละบุคคลได้ ตัวอย่างเช่น
ทำงานก่อนมีปัจจัยที่แสดงให้เห็นว่าแต่ละตัว(เช่นเพศสัญชาติและ
อายุ)และลักษณะส่วนตัว(เช่นจริยธรรม
กรอบขั้นตอนของการพัฒนาทางศีลธรรมศาสนาและการจ้างงานทั้ง
และปัญหาของแต่ละคนสำหรับตัวเอง - การนำเสนอ)มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางจริยธรรม
(สำหรับการตรวจสอบที่ดู Loe ferrell & Mansfield 2000 หรือฟอร์ด
& Richardson 1994 ) จากผลการศึกษาระบุว่าก่อนหน้ามีจำนวนที่ยัง
ของปัจจัยตามบริบทที่มีผลกระทบต่อพฤติกรรมที่ถูกต้องตามจริยธรรมเช่น
การใช้มาตรการจูงใจ(และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี&อาจ 2000 schweitzer & croson
1999 )หรือรหัสของจริยธรรม(ช่างทอผ้า treviño & cochran 1999 )งานปัจจุบัน
ซึ่งจะช่วยให้เห็นว่าหนึ่งในความโดดเด่นที่สถานการณ์ว่าอิทธิพลต่อ
ซึ่งจะช่วยความเป็นไปของแต่ละบุคคลที่จะเข้าร่วมในการขัดต่อจริยธรรมคือ
ซึ่งจะช่วยการมีอยู่ของความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ ในขณะที่การวิจัยก่อนได้รับการไม่มีเสียง
ซึ่งจะช่วยในการใช้ปัจจัยนี้เราเชื่อว่ามันจะเป็นหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้มีมากกว่า
ของความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์และสามารถมองเห็นได้ใน สภาพแวดล้อม ขององค์กร
.
การวิจัยของเรายังมีส่วนช่วยในการทำงานก่อนที่ผลของสัญลักษณ์
ซึ่งจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมในลักษณะการทำงานแบบเฉพาะราย ผลการวิจัยชี้ว่า สภาพแวดล้อม
ซึ่งจะช่วยการที่คนทำงานจะเปิดใช้งานอย่างชัดเจนหรือโดยนัย
ซึ่งจะช่วยเป็นบรรทัดฐานที่อาจมีอิทธิพลต่อแนวโน้มที่จะข้ามสาย
ตามมาตรฐานจริยธรรม cialdini et al . ( 1990 )ตัวอย่างเช่น
ซึ่งจะช่วยพบว่าจำนวนเงินที่ของเสลี่ยงใน สภาพแวดล้อม ที่ฉลาดจะเปิดใช้งานการกำหนดบรรทัดฐาน
ลักษณะการทำลายหรือทิ้งขยะในที่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมใน
ซึ่งจะช่วยให้การตั้งค่าและทำให้พฤติกรรมทำลายหรือทิ้งขยะในกำกับ ในทำนองเดียวกัน aarts
และ dijksterhuis ( 2003 )แสดงให้เห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการแสดง ภาพ แบบเรียบง่ายสามารถเปิดใช้งาน
บรรทัดฐานสถานการณ์ว่าพวกเขาพบว่าผู้ใช้บริการแบบเฉพาะรายโดยอัตโนมัติ
ซึ่งจะช่วยลดเสียงของพวกเขาเมื่อถูกถามในการดูที่รูปของไลบรารีที่.
ในการศึกษานี้มีการติดต่อโดยตรงระหว่าง
คุณลักษณะเฉพาะของ สภาพแวดล้อม และลักษณะการทำงานควบคุม
ซึ่งจะช่วย(เช่นทำลายหรือทิ้งขยะในความสงบและเสลี่ยงและไลบรารี) ความสอดคล้องกับร่างกายนี้
ซึ่งจะช่วยในการวิจัยการค้นพบของเราขอแนะนำให้ว่าการปรากฏของ
ความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการขัดต่อจริยธรรมของแต่ละคน.
คำถามที่ว่าความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ยังมีอิทธิพลต่อทัศนคติของคน
เป็นบรรทัดฐานของสังคมเกี่ยวกับการขโมยยังคงเปิดให้บริการ.
สุดท้ายงานของเราช่วยในการทำงานก่อนที่ผลของความริษยา
ซึ่งจะช่วยในการขับรถการขัดต่อจริยธรรม ก่อนการวิจัยได้ให้เหตุผลว่า
อารมณ์ความรู้สึกเช่นอิจฉาอาจขับรถลักษณะขัดต่อจริยธรรม( schweitzer
&บริการ Gibson ' s 2008 )และได้พบว่าอิจฉาส่งเสริมให้เกิดการหลอกลวง
( moran & schweitzer 2008 ) ในการศึกษาทดลองที่ moran
และ schweitzer ( 2008 )พบว่าผู้เข้าร่วมประชุมในเป้หลัง Ultimatum Victory ที่
เล่นเกมก็มีมากมีแนวโน้มที่จะนอนกับสำเนาที่พวกเขาอิจฉากว่า
ซึ่งจะช่วยในการสำเนาที่พวกเขาไม่ได้อิจฉา ในการทำงานของเราเองเราพิจารณาถึง
ความริษยาของรศพฤติกรรมขัดต่อจริยธรรมแต่เราจะออกเดินทางจากก่อน
การวิจัยในพื้นที่แห่งนี้ในหลายวิธีด้วยกัน อันดับแรกเราจะวัดความริษยา
ซึ่งจะช่วยส่งผลให้ของการรับรู้ระดับความไม่เท่าเทียมกันในการมีอยู่ของความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์.
ที่สองที่เราแสดงให้เห็นว่าความรู้สึกอิจฉาไม่จำเป็นต้องถูกนำไปตอบแทน
ต่อที่คล้ายกันเฉพาะในการสั่งซื้อเพื่อจูงใจให้ขัดต่อจริยธรรมพฤติกรรม.
เราเชื่อว่าวิธีนี้จะเป็นความแตกต่างที่สำคัญที่สมควรได้รับการสอบสวนเพิ่มเติม
.
ของเราจากการสำรวจพบมีความสำคัญในระบบเสียงประกาศสาธารณะกรณีของแต่ละบุคคล
ขัดต่อจริยธรรมการทำงาน ภายใน องค์กรและอยู่ในสังคมที่ขนาดใหญ่.
ตัวเอง - การรายงานเป็นทั่วไปวิธีสำหรับการประเมินผลและการชดเชย
ในวันนี้ขององค์กร.ผู้ใช้บริการแบบเฉพาะรายที่ได้รับ ประสิทธิภาพ -
และเวลาในการจ่ายค่าชดเชยตามใบหน้าอัน
ซึ่งจะช่วยจูงใจให้พูดเกินความจริงชั่วโมงทำงาน,งานดำเนินการ,และความคืบหน้าได้.
การวิจัยและการเรียนการสอนผู้ช่วยการทำงานของอาจารย์ผู้สอน
ซึ่งจะช่วยในระบบจะได้รับการร้องขอให้ตัวเอง - รายงานจำนวนชั่วโมงที่
ซึ่งจะช่วยทำงานให้เป็นจำนวนมากร่วมในกฎหมาย,การบัญชีและการให้คำปรึกษาด้าน
บริษัท.มีโอกาสที่จะส่งให้สูงขึ้นค่าสินไหมทดแทนอย่างแพร่หลายมี
ซึ่งจะช่วยในองค์กรของทุก ประเภท รวมทั้งในการทำธุรกรรมด้าน ภาษี
เครื่องประสานการเรียกร้องการประกัน ภัย และผู้ทำสัญญาอิสระ