Occurrence of iron-containing red p

Occurrence of iron-containing red protein in bovine milk was reported as early as in 1939;[4] however, the protein could not be properly characterized because it could not be extracted with sufficient purity. Its first detailed studies were reported around 1960. They documented the molecular weight, isoelectric point, optical absorption spectra and presence of two iron atoms per protein molecule.[5][6] The protein was extracted from milk, contained iron and was structurally and chemically similar to serum transferrin. Therefore, it was named lactoferrin in 1961, though the name lactotransferrin was used in some earlier publications, and later studies demonstrated that the protein is not restricted to milk. The antibacterial action of lactoferrin was also documented in 1961, and was associated with its ability to bind iron.[7]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รายงานเหตุการณ์ที่ประกอบด้วยเหล็กแดงโปรตีนนมวัวเป็นต้นใน 1939[4] อย่างไรก็ตาม โปรตีนอาจไม่ถูกต้องทั้งหมดเนื่องจากไม่สามารถจะสกัด มีความบริสุทธิ์เพียงพอ มีรายงานการศึกษารายละเอียดแรกประมาณ 1960 พวกเขาจัดน้ำหนักโมเลกุล จุด isoelectric แรมสเป็คตราดูดซึมแสง และสถานะของอะตอมเหล็กสองต่อโมเลกุลโปรตีน[5][6] โปรตีนที่สกัดจากนม ประกอบด้วยเหล็ก และ structurally และสารเคมี serum transferrin ดังนั้น มันมีชื่อ lactoferrin ใน 1961 แม้ว่า lactotransferrin ชื่อใช้ในสิ่งพิมพ์บางอย่างก่อนหน้านี้ และศึกษาในภายหลังแสดงว่า โปรตีนจะไม่จำกัดนม การดำเนินการต้านเชื้อแบคทีเรียของ lactoferrin ยังถูกบันทึกใน 1961 และเชื่อมโยงกับความสามารถในการผูกเหล็ก[7]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเกิดขึ้นของเหล็กที่มีโปรตีนในนมแดงวัวได้รับรายงานว่าเร็วที่สุดเท่าที่ในปี 1939 [4] แต่โปรตีนไม่สามารถที่โดดเด่นอย่างถูกต้องเพราะมันไม่สามารถสกัดด้วยความบริสุทธิ์เพียงพอ ศึกษารายละเอียดของมันเป็นครั้งแรกที่ได้รับรายงานรอบปี 1960 พวกเขาเอกสารน้ำหนักโมเลกุล isoelectric ชี้สเปกตรัมการดูดซึมแสงและการปรากฏตัวของสองอะตอมเหล็กต่อโมเลกุลโปรตีน. [5] [6] โปรตีนที่สกัดจากนมที่มีธาตุเหล็กและเป็นโครงสร้างและ ทางเคมีคล้ายกับซีรั่ม transferrin ดังนั้นมันเป็นชื่อ lactoferrin ในปี 1961 แม้ว่าชื่อ lactotransferrin ถูกนำมาใช้ในบางสิ่งพิมพ์ก่อนหน้านี้และการศึกษาต่อมาแสดงให้เห็นว่าโปรตีนที่ไม่ได้ จำกัด อยู่กับนม การดำเนินการต้านเชื้อแบคทีเรียของ lactoferrin เป็นเอกสารยังอยู่ในปี 1961 และได้รับการที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการผูกเหล็ก. [7]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเกิดขึ้นของเหล็กที่มีโปรตีนในน้ำนมวัวสีแดงถูกรายงานเป็นเร็วใน 2482 ; [ 4 ] อย่างไรก็ตาม โปรตีนไม่ถูกลักษณะ เนื่องจากไม่สามารถสกัดได้มีความบริสุทธิ์เพียงพอ การศึกษาแรกของรายงานรอบปี 1960 . พวกเขาบันทึกน้ำหนัก โมเลกุลการดูดกลืนรังสีจุดไอโซอิเล็กทริก , แสงและการแสดงตนของเหล็กสองอะตอมต่อโมเลกุลโปรตีน[ 5 ] [ 6 ] โปรตีนสกัดจากนม ประกอบด้วยเหล็กและโครงสร้างทางเคมีคล้ายกับซีรั่มและได้รับ . ดังนั้น มันชื่อ แลคโตเฟอร์รินใน 1961 แม้ว่าชื่อ lactotransferrin ถูกใช้ในสิ่งพิมพ์บางก่อนหน้านี้และต่อมาการศึกษาแสดงให้เห็นว่าโปรตีนไม่ จำกัด การดื่มนม การต้านเชื้อแบคทีเรียของ Lactoferrin ก็บันทึกไว้ใน 2504และที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการผูกเหล็ก [ 7 ]