การนับเวลาและการแบ่งช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ คือ การศึกษ การแปล - การนับเวลาและการแบ่งช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ คือ การศึกษ ไทย วิธีการพูด

การนับเวลาและการแบ่งช่วงเวลาทางประว

การนับเวลาและการแบ่งช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ คือ การศึกษาเรื่องราวต่างๆ ในอดีตโดยมีความสัมพันธ์ก่อให้เกิดความง่ายต่อการทำความเข้าใจในเหตุการณ์ต่างๆ โดยมีระยะเวลาเป็นตัวกำหนดในการศึกษาเรื่องราว
การนับเวลาและการเปรียบเทียบศักราช
ในการศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ มักนิยมใช้การระบุช่วงเวลาเพื่อให้ทราบถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ การนับเวลาแบบไทย และการนับเวลาแบบสากล
การนับเวลาแบบไทย
ในประวัติศาสตร์ไทย จะมีการบันทึกเรื่องราวต่างๆ โดยมีการอ้างอิงถึงการนับช่วงเวลาแตกต่างกันไป ตามแต่ละท้องถิ่นมีดังนี้
1.พุทธศักราช(พ.ศ.)
เป็นการนับเวลาทางศักราชในกลุ่มผู้นับถือพระพุทธศาสนา โโยเริ่มนับตั้งแต่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ให้นับเป็นพุทธศักราชที่1 ทั้งนี้ประเทศไทยจะนิยมใช้การนับเวลาแบบนี้ โดยเริ่มใช้ตั้งแต่ครั้งสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จนมาเป็ฯที่แพร่หลายและระบุใช้กันอย่างเป็นทางการในสมัยพระบาท สมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 6) ในปีพุทธศักราช 2455
2. มหาศักราช(ม.ศ.) การนับศักราชนี้จะพบในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในสมัยสุโขทัย และอยุธยาตอนต้นโดยคิดขึ้นจากกษัตริย์ของอินเดีย (พระเจ้ากนิษกะ) ซึ่งพ่อค้าอินเดียและพวกพราหมณ์นำเข้ามาเผยแพร่ในเวลาติดต่อการค้ากับไทยในสมัยโบราณ จะมีปรากฎในศิลาจาลึกเพื่อบันทึกเรื่องราวเหตุกาณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าปีมหาศักราชที่1 จะตรงกับปีพุทธศักราช 621

3.จุลศักราช ( จ.ศ.)
จัดตั้งขึ้นโดยสังฆราชมนุโสรหัน แห่งอาณาจักรพุกาม เมื่อปีพุทธศักราช 1181โดยไทยรับเอาวิธ๊การนับเวลานี้มาใช้ในสมัยอยุธยา เพื่อการคำนวณทาง โหราศาสตร์ ใช้บอกเวลาในจารึก ตานาน พระราชพงศาวดาร จดหมายเหตุ ต่างๆ จนมาถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่5 ) จึงเลิกใช้
4.รัตนโกสินทร์ศก (ร.ศ) การนับเวลาแบบนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่5)ทรงตั้งขึ้น
ในปีพุทธศักราช2432
โดยกำหนดให้กำหนดให้นับปีที่พระบาทสมเด็จพระพุทะยอดฟ้าจฬาโลกมหาราช สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปีพุทธศักราช 2325 เป็นรัตนโกสินทร์ศกที่1 และให้เริ่มใช้ศักราชนี้ในทางราชการตั้งแต่วันที่1 เมษายน ร.ศ.108 (พ.ศ.2432) เป็นต้นมา
การนับเวลาแบบสากล
1. คริสต์ศักราช (ค.ศ. )
เป็นการนับเวลาทางศักราชของผู้นับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งถือเป็นการนับเวลาที่นิยมใช้กันมาทั่วโลก โดยคริสต์ศักราชที่1 เริ่มนับตั้งแต่ปีที่พระเยซูคริสต์ประสูต(ตรงกับ พ.ศ.543)และถือระยะเวลาที่อยู่ก่อนคริสต์ศักราชลงไป จะเรียกว่าสมัยก่อนคริสต์ศักราชหรือก่อนคริสต์กาล
2. ฮิจเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) เป็นการนับเวลาทางศักราชของผู้นับถือศาสนาอิสลามโดยอาศัยปีที่
ท่านนบีมูฮัมหมัดได้อพยพจากเมืองเมกกะไปยังเมืองมาดินา เป็นปีเริ่มต้นของศักราชอิสลามซึ่งตรงกับวันที่ 6 กรกฏาคม ค.ศ. 622
อย่างไรก็ตาม การนับศักราชแบบต่างๆ ในบางครั้งบางเหตุการณ์ก็ไม่ได้ระบุความชัดเจนไว้ แต่อาจกล่าวการนับเวลาอย่างกว้างๆ ไว้ ซึ่งนิยมเรียกกันใน 3 รูปแบบ ดังนี้



ทศวรรษ (decade) คือ รอบ 10 ปี นับจากศักราชที่ลงท้ายด้วย 1 ไปจนถึงศักราชที่ลงท้ายด้วย 0 เช่น ทศวรรษที่ 1990 ตามคริสต์ศักราช หมายถึง ค.ศ.1991-2000
ศตวรรษ (century) คือ รอบ 100ปี นับจากศักราชที่ลงท้าย 1 ไปจนครบ 100ปีในศักราชที่ลงท้สยด้วย00 เช่น พุทธศตวรรษที่26 คือ พ.ศ.2501-2600
สหัสวรรษ (millenium) คือ รอบ 1000 ปี ศักราชที่ครบแต่ละสหัสวรรษจะลงท้ายด้วย000 เช่น สหัสวรรษที่ 2 นับตามพุทธศักราช คือ พ.ศ. 1001-2000
หลักเกณฑ์การเรียบเทียบศักราชในระบบต่างๆ
การนับศักราชที่แตกต่างกัน จะทำให้เกิดความสับสนและไม่ชัดเจนในการศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ ดั้งนั้น การเปรียบเทียบศักราชให้เป็นแบบเดียวกัน จะช่วยให้สามารถศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ได้เข้าใจมากขึ้น รวมทั้งทำให้ทราบว่าในช่วงศักราช หรือช่วงเวลาเดียวกันในแต่ละภาคของโลก เกิดเหตุการณณ์ สำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์ อะไรบ้าง ซึ่งการเปรียบเทียบศักราชสามารถกระทำได้ง่ายๆ โดยนำตัวเลขผลต่าง ของอายุศักราชแต่ศักราชมาบวกหรือลบกับศักราชที่เราต้องการตามหลักเกณฑ์ดังนี้
ม.ศ.+621=พ.ศ. พ.ศ.-621=ม.ศ.
จ.ศ.+1181=พ.ศ. พ.ศ.-1181=จ.ศ.
ร.ศ.+2325=พ.ศ. พ.ศ.-2325=ร.ศ.
ค.ศ.+543=พ.ศ. พ.ศ.-543=ค.ศ.
ฮ.ศ.+621=ค.ศ ค.ศ.-621=ฮ.ศ.
ฮ.ศ.+1164=พ.ศ. พ.ศ.-1164=ฮ.ศ.

0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
การนับเวลาและการแบ่งช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์คือการศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีตโดยมีความสัมพันธ์ก่อให้เกิดความง่ายต่อการทำความเข้าใจในเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยมีระยะเวลาเป็นตัวกำหนดในการศึกษาเรื่องราว การนับเวลาและการเปรียบเทียบศักราชในการศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มักนิยมใช้การระบุช่วงเวลาเพื่อให้ทราบถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือการนับเวลาแบบไทยและการนับเวลาแบบสากล การนับเวลาแบบไทยในประวัติศาสตร์ไทยจะมีการบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ โดยมีการอ้างอิงถึงการนับช่วงเวลาแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่นมีดังนี้1.พุทธศักราช(พ.ศ.) เป็นการนับเวลาทางศักราชในกลุ่มผู้นับถือพระพุทธศาสนาโโยเริ่มนับตั้งแต่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ให้นับเป็นพุทธศักราชที่1 ทั้งนี้ประเทศไทยจะนิยมใช้การนับเวลาแบบนี้โดยเริ่มใช้ตั้งแต่ครั้งสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจนมาเป็ฯที่แพร่หลายและระบุใช้กันอย่างเป็นทางการในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ในปีพุทธศักราช 24552. มหาศักราช(ม.ศ.)การนับศักราชนี้จะพบในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในสมัยสุโขทัยและอยุธยาตอนต้นโดยคิดขึ้นจากกษัตริย์ของอินเดีย (พระเจ้ากนิษกะ) ซึ่งพ่อค้าอินเดียและพวกพราหมณ์นำเข้ามาเผยแพร่ในเวลาติดต่อการค้ากับไทยในสมัยโบราณจะมีปรากฎในศิลาจาลึกเพื่อบันทึกเรื่องราวเหตุกาณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าปีมหาศักราชที่1 จะตรงกับปีพุทธศักราช 6213.จุลศักราช (จ.ศ)จัดตั้งขึ้นโดยสังฆราชมนุโสรหันแห่งอาณาจักรพุกามเมื่อปีพุทธศักราช 1181โดยไทยรับเอาวิธ๊การนับเวลานี้มาใช้ในสมัยอยุธยา เพื่อการคำนวณทางโหราศาสตร์ใช้บอกเวลาในจารึกตานานพระราชพงศาวดารจดหมายเหตุต่าง ๆ จนมาถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่5) จึงเลิกใช้4.รัตนโกสินทร์ศก ทรงตั้งขึ้นการนับเวลาแบบนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่5) (ร.ศ)ในปีพุทธศักราช2432โดยกำหนดให้กำหนดให้นับปีที่พระบาทสมเด็จพระพุทะยอดฟ้าจฬาโลกมหาราชสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เมื่อปีพุทธศักราช 2325 เป็นรัตนโกสินทร์ศกที่1 และให้เริ่มใช้ศักราชนี้ในทางราชการตั้งแต่วันที่1 เมษายน ร.ศ.108 (พ.ศ.2432) เป็นต้นมา การนับเวลาแบบสากล1. คริสต์ศักราช (ค.ศ)เป็นการนับเวลาทางศักราชของผู้นับถือศาสนาคริสต์ซึ่งถือเป็นการนับเวลาที่นิยมใช้กันมาทั่วโลก โดยคริสต์ศักราชที่1 เริ่มนับตั้งแต่ปีที่พระเยซูคริสต์ประสูต (ตรงกับ พ.ศ.543)และถือระยะเวลาที่อยู่ก่อนคริสต์ศักราชลงไป จะเรียกว่าสมัยก่อนคริสต์ศักราชหรือก่อนคริสต์กาล2. เป็นการนับเวลาทางศักราชของผู้นับถือศาสนาอิสลามโดยอาศัยปีที่ฮิจเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.)ท่านนบีมูฮัมหมัดได้อพยพจากเมืองเมกกะไปยังเมืองมาดินาเป็นปีเริ่มต้นของศักราชอิสลามซึ่งตรงกับวันที่ 6 กรกฏาคมค.ศ. 622อย่างไรก็ตามการนับศักราชแบบต่าง ๆ ในบางครั้งบางเหตุการณ์ก็ไม่ได้ระบุความชัดเจนไว้แต่อาจกล่าวการนับเวลาอย่างกว้าง ๆ ไว้ซึ่งนิยมเรียกกันใน 3 รูปแบบดังนี้ ทศวรรษ (ทศวรรษ) คือรอบ 10 ปีนับจากศักราชที่ลงท้ายด้วย 1 ไปจนถึงศักราชที่ลงท้ายด้วย 0 เช่นทศวรรษที่ 1990 ตามคริสต์ศักราชหมายถึง ค.ศ.1991-2000 ศตวรรษ (ศตวรรษ) คือรอบ 100ปี นับจากศักราชที่ลงท้าย 1 ไปจนครบ 100ปีในศักราชที่ลงท้สยด้วย00 เช่น พุทธศตวรรษที่26 คือ พ.ศ.2501-2600 สหัสวรรษ (มิลเลเนียม) คือรอบ 1000 ปี ศักราชที่ครบแต่ละสหัสวรรษจะลงท้ายด้วย000 เช่นสหัสวรรษที่ 2 นับตามพุทธศักราชคือพ.ศ. 1001-2000หลักเกณฑ์การเรียบเทียบศักราชในระบบต่าง ๆการนับศักราชที่แตกต่างกันจะทำให้เกิดความสับสนและไม่ชัดเจนในการศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ดั้งนั้นการเปรียบเทียบศักราชให้เป็นแบบเดียวกันจะช่วยให้สามารถศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ได้เข้าใจมากขึ้นรวมทั้งทำให้ทราบว่าในช่วงศักราชหรือช่วงเวลาเดียวกันในแต่ละภาคของโลกเกิดเหตุการณณ์สำคัญ ๆ ทางประวัติศาสตร์อะไรบ้างซึ่งการเปรียบเทียบศักราชสามารถกระทำได้ง่าย ๆ โดยนำตัวเลขผลต่างของอายุศักราชแต่ศักราชมาบวกหรือลบกับศักราชที่เราต้องการตามหลักเกณฑ์ดังนี้ม.ศ.+621=พ.ศ. พ.ศ. -621=ม.ศจ.ศ.+1181=พ.ศ. พ.ศ. -1181=จ.ศร.ศ.+2325=พ.ศ. พ.ศ. -2325=ร.ศค.ศ.+543=พ.ศ. พ.ศ. -543=ค.ศฮ.ศ.+621=ค.ศ ค.ศ. -621=ฮ.ศฮ.ศ.+1164=พ.ศ. พ.ศ. -1164=ฮ.ศ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!

คือการศึกษาเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือการนับเวลาแบบไทย จะมีการบันทึกเรื่องราวต่างๆ ให้นับเป็นพุทธศักราชที่ 1 6) ในปีพุทธศักราช 2455 2. มหาศักราช ( ม.ศ. ) (พระเจ้ากนิษกะ) ที่เกิดขึ้นซึ่งถือว่าปีมหาศักราช ที่ 1 จะตรงกับปีพุทธศักราช 621 3. จุลศักราช ( จ.ศ. ) จัดตั้งขึ้นโดยสังฆราชมนุโสรหัน แห่งอาณาจักรพุกามเมื่อปีพุทธศักราช เพื่อการคำนวณทางโหราศาสตร์ใช้บอกเวลา ในจารึกตานานพระราชพงศาวดารจดหมายเหตุต่างๆ ) จึงเลิกใช้4. รัตนโกสินทร์ศก (ร. ศ) สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เมื่อปีพุทธศักราช 2325 เป็นรัตนโกสินทร์ศกที่ 1 เมษายน ร.ศ. 108 ( พ.ศ. 2432) มาเป็นต้นหัวเรื่อง: การนับเวลาแบบสากล1 คริสต์ศักราช ( ค.ศ. โดยคริสต์ศักราชที่ 1 ฮิจเราะห์ศักราช ( ฮ.ศ. ) 6 กรกฏาคม ค.ศ. 622 อย่างไรก็ตามการนับศักราชแบบต่างๆ แต่อาจกล่าวการนับเวลาอย่างกว้าง ๆ ไว้ซึ่งนิยมเรียกกันใน 3 รูปแบบดังนี้ทศวรรษ (ทศวรรษที่ผ่านมา) คือรอบ 10 ปีนับจากศักราชที่ลงท้ายด้วย 1 ไปจนถึงศักราชที่ลงท้ายด้วย 0 เช่นทศวรรษที่ 1990 ตามคริสต์ศักราชหมายถึงค . ศ. 1991-2000 ศตวรรษ (ศตวรรษ) คือรอบ 100 ปีนับจากศักราชที่ลงท้าย 1 ไปจนครบ 100 ปีในศักราชที่ลงท้สย ด้วย 00 เช่นพุทธศตวรรษที่ 26 คือ พ.ศ. 2501-2600 สหัสวรรษ (Millenium ) คือรอบปี 1000 เช่นสหัสวรรษที่ 2 นับตามพุทธศักราชคือ พ.ศ. ดั้งนั้น รวมทั้งทำให้ทราบว่าในช่วงศักราช เกิดเหตุการ ณ ณ์สำคัญ ๆ ทาง ประวัติศาสตร์อะไรบ้าง โดยนำตัวเลขผลต่าง พ.ศ. -621 = ม.ศ. จ.ศ. + 1181 = พ.ศ. พ.ศ. -1181 = จ.ศ. ร.ศ. + 2325 = พ.ศ. พ.ศ. -2325 = ร.ศ. ค.ศ. + 543 = พ.ศ. พ.ศ. -543 = ค.ศ. ฮ.ศ. + 621 = ค. ศ ค.ศ. -621 = ฮ.ศ. ฮ ศ. + 1164 = พ.ศ. พ.ศ. -1164 = ฮ.ศ.


































การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
การนับเวลาและการแบ่งช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์ความการศึกษาเรื่องราวต่างๆในอดีตโดยมีความสัมพันธ์ก่อให้เกิดความง่ายต่อการทำความเข้าใจในเหตุการณ์ต่างๆโดยมีระยะเวลาเป็นตัวกำหนดในการศึกษาเรื่องราวการนับเวลาและการเปรียบเทียบศักราชในการศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มักนิยมใช้การระบุช่วงเวลาเพื่อให้ทราบถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นโดยจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะความการนับเวลาแบบไทยและการนับเวลาแบบสากลการนับเวลาแบบไทยในประวัติศาสตร์ไทยจะมีการบันทึกเรื่องราวต่างๆโดยมีการอ้างอิงถึงการนับช่วงเวลาแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่นมีดังนี้1 . พุทธศักราช ( พ . ศ )เป็นการนับเวลาทางศักราชในกลุ่มผู้นับถือพระพุทธศาสนาโโยเริ่มนับตั้งแต่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานให้นับเป็นพุทธศักราชที่ 1 ทั้งนี้ประเทศไทยจะนิยมใช้การนับเวลาแบบนี้โดยเริ่มใช้ตั้งแต่ครั้งสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจนมาเป็ฯที่แพร่หลายและระบุใช้กัน อย่างเป็นทางการในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ 6 ) ในปีพุทธศักราช 24552 . มหาศักราช ( แอง . ศ ) การนับศักราชนี้จะพบในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในสมัยสุโขทัยและอยุธยาตอนต้นโดยคิดขึ้นจากกษัตริย์ของอินเดีย ( พระเจ้ากนิษกะ ) ซึ่งพ่อค้าอินเดียและพวกพราหมณ์นำเข้ามาเผยแพร่ในเวลาติดต่อการค้ากับไทยในสมัยโบราณจะมีปรากฎในศิลาจาลึกเพื่อบันทึกเรื่องรา วเหตุกาณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นซึ่งถือว่าปีมหาศักราชที่ 1 จะตรงกับปีพุทธศักราช 6213 . จุลศักราช ( . . . . ศ )จัดตั้งขึ้นโดยสังฆราชมนุโสรหันแห่งอาณาจักรพุกามเมื่อปีพุทธศักราช 181 โดยไทยรับเอาวิธ๊การนับเวลานี้มาใช้ในสมัยอยุธยาเพื่อการคำนวณทางโหราศาสตร์ใช้บอกเวลาในจารึกตานานพระราชพงศาวดารจดหมายเหตุต่างๆจนมาถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ 5 ) จึงเลิกใช้4 . รัตนโกสินทร์ศก ( Flying ศ ) การนับเวลาแบบนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ 5 ) ทรงตั้งขึ้นในปีพุทธศักราช 2432โดยกำหนดให้กำหนดให้นับปีที่พระบาทสมเด็จพระพุทะยอดฟ้าจฬาโลกมหาราชสถาปนากรุงรัตนโกสินท
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: