The EU generally imposes sanctions

The EU generally imposes sanctions based on resolutions issued by the Security Council
of the United Nations. Therefore, the EU sanctions regime is, broadly speaking,
multilateral. However, EU has also adopted unilateral measures beyond the UN regimes,
including, for example, against Syria, Zimbabwe, and Myanmar (none of which are
currently subject to UN sanctions), and Iran which under EU rules is subject to stricter
trading restrictions than in the case under the relevant UN Security Council resolutions.
Sanctions imposed by the EU may target governments of third countries, or non-state
entities and individuals such as terrorist groups or terrorists. Such sanctions could also
comprise arms embargoes, other specific or general trade restrictions (import and export
bans), financial restrictions, restrictions on admission, or other measures, as appropriate.
This is the common sanctions regime that applies directly across all 27 Member States of
the European Union. However, the administration of the EU sanctions measures
(including for example, licensing and enforcement) is left to the individual Member States
of the EU under national legislation. Unlike the United States, the EU currently has no
comprehensive trade embargo in force against any country, but instead restricts dealings
with persons associated with the regime that is being targeted.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

EU กำหนดลงโทษตามมติที่ออก โดยคณะมนตรีทั่วไปของสหประชาชาติ ดังนั้น EU ลงโทษเป็นระบบการปกครอง พูด ทั่วไปพหุภาคี อย่างไรก็ตาม EU ยังได้นำมาตรการฝ่ายเหนือระบอบ UNรวมทั้ง ตัว ซีเรีย ซิมบับเว และพม่า (ไม่มีที่อยู่ในปัจจุบันภายใต้ UN ลงโทษ), และอิหร่านซึ่งภายใต้กฎ EU ต้องเข้มงวดอยู่การค้าข้อจำกัดมากกว่าในกรณีภายใต้มติคณะมนตรีความเกี่ยวข้องลงโทษที่กำหนด โดย EU อาจกำหนดเป้าหมายรัฐบาลสามประเทศ หรือไม่ใช่รัฐเอนทิตีและบุคคลเช่นกลุ่มก่อการร้ายหรือผู้ก่อการร้าย ลงโทษดังกล่าวยังสามารถประกอบด้วยแผ่นดินห้าม ข้อจำกัดทางการค้าทั่วไป หรือเฉพาะอื่น ๆ (นำเข้าและส่งออกห้าม), ข้อจำกัดทางการเงิน ข้อจำกัดในการเข้าชม หรือ มาตรการอื่น ๆ ตามความเหมาะสมนี่คือระบอบลงโทษทั่วไปที่ใช้ตรงข้ามรัฐสมาชิก 27 ทั้งหมดของสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม การบริหารงานของ EU ลงโทษมาตรการ(รวมถึงตัวอย่าง อนุญาตให้ใช้สิทธิ์และการบังคับใช้) เหลือให้รัฐสมาชิกแต่ละของ EU ภายใต้กฎหมายแห่งชาติ ซึ่งแตกต่างจากสหรัฐอเมริกา EU ในปัจจุบันไม่มีครอบคลุมการค้า embargo ในกองทัพกับประเทศใด ๆ แต่แทน จำกัดติดต่อกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับระบอบการปกครองที่จะเป็นเป้าหมาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สหภาพยุโรปโดยทั่วไปกำหนดบทลงโทษขึ้นอยู่กับมติที่ออกโดยคณะมนตรีความมั่นคง
แห่งสหประชาชาติ ดังนั้นระบอบการปกครองของสหภาพยุโรปคว่ำบาตรพูดกว้าง
พหุภาคี อย่างไรก็ตามสหภาพยุโรปได้ประกาศใช้มาตรการฝ่ายเดียวเกินกว่าระบอบสหประชาชาติ
เช่นกับซีเรียซิมบับเวและพม่า (ไม่มีใครที่มี
ในขณะนี้อยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของสหประชาชาติ) และอิหร่านซึ่งภายใต้กฎระเบียบของสหภาพยุโรปที่อาจมีการเข้มงวด
ข้อ จำกัด การซื้อขายกว่า ในกรณีตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ.
การลงโทษที่กำหนดโดยสหภาพยุโรปอาจจะกำหนดเป้าหมายรัฐบาลของประเทศที่สามหรือรัฐที่ไม่ใช่
หน่วยงานและบุคคลดังกล่าวเป็นกลุ่มก่อการร้ายหรือการก่อการร้าย การลงโทษดังกล่าวยังอาจ
รวมถึงการห้ามส่งอาวุธเฉพาะอื่น ๆ หรือข้อ จำกัด การค้าทั่วไป (นำเข้าและการส่งออก
เรย์แบน) ข้อ จำกัด ทางการเงินข้อ จำกัด ในการเข้ารับการรักษาหรือมาตรการอื่น ๆ ตามความเหมาะสม.
นี้เป็นระบอบการปกครองลงโทษทั่วไปที่ใช้ตรงข้ามทั้งหมด 27 ประเทศสมาชิกของ
สหภาพยุโรป แต่การบริหารงานของมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป
(รวมถึงตัวอย่างเช่นการออกใบอนุญาตและการบังคับใช้) ที่เหลือให้สมาชิกแต่ละคน
ของสหภาพยุโรปภายใต้กฎหมายแห่งชาติ ซึ่งแตกต่างจากประเทศสหรัฐอเมริกาสหภาพยุโรปในขณะนี้ยังไม่มีการ
ห้ามการค้าที่ครอบคลุมในการบังคับกับประเทศใด ๆ แต่แทนที่จะ จำกัด การติดต่อ
กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับระบอบการปกครองที่มีการกำหนดเป้าหมาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สหภาพยุโรปโดยทั่วไปเรียกการลงโทษตามมติที่ออกโดยสภาความมั่นคง
ของสหประชาชาติ ดังนั้น อียูการคว่ำบาตรระบอบ คือ พูดกว้าง
พหุภาคี อย่างไรก็ตาม สหภาพยุโรปได้ประกาศใช้มาตรการฝ่ายเดียวเกินและระบอบการปกครอง ,
รวมถึงตัวอย่างเช่นกับซีเรีย ซิมบับเว และพม่า ( ซึ่งไม่เคยถูกลงโทษภายใต้สหประชาชาติ
ในปัจจุบัน )และอิหร่าน ซึ่งภายใต้กฎอียูเรื่องการเข้มงวด
การซื้อขายจำกัดกว่าในกรณีภายใต้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมติที่เกี่ยวข้อง .
การลงโทษที่กำหนดโดยสหภาพยุโรปอาจเป้าหมายรัฐบาลของประเทศที่สาม หรือรัฐ- ไม่ใช่
นิติบุคคลและบุคคล เช่น กลุ่มผู้ก่อการร้าย หรือผู้ก่อการร้าย เช่นการลงโทษอาจ
ประกอบด้วย embargoes แขนอื่น ๆที่เฉพาะเจาะจงหรือทั่วไปการค้า จำกัด ( นำเข้าและห้ามการส่งออก
) , ข้อ จำกัด ทางการเงิน , ข้อ จำกัด ในการเข้าชม หรือมาตรการอื่น ๆที่เหมาะสม นี้คือการลงโทษทั่วไป
ระบอบการปกครองที่ใช้โดยตรงในรัฐทั้งหมด 27
สมาชิกของสหภาพยุโรป แต่การบริหารของสหภาพยุโรปลงโทษมาตรการ
( รวมถึงตัวอย่างเช่นการออกใบอนุญาตและการบังคับใช้ ) เหลือให้สมาชิกแต่ละคน
ของ EU ภายใต้กฎหมายแห่งชาติ ซึ่งแตกต่างจากสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปในปัจจุบันไม่มีการต่อต้าน
ครอบคลุมการค้าในประเทศใด แต่จำกัดการติดต่อ
กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับระบอบการปกครองที่เป็นเป้าหมาย