Co-cultivation of mushroom species

Co-cultivation of mushroom species produce changes on fungal enzyme production and fructification that were not in-depth studied hitherto. This work was conducted with the aim of studying how the interactions between Pleurotus ostreatus and Pleurotus citrinopileatus in a dual culture affect the lignocellulolytic enzymes production, influence yield values and modify the morphological properties of basidiomata obtained. With this purpose monocultures of both species in a straw-based substrate were investigated, as well as dual cultures with 3 different spatial patterns (one fungus in the upper portion of the bag and the second in the bottom, the opposite spatial pattern, and a mix of spawn from both, scattered in each bag). Co-cultivation did not increase basidiomata production, moreover, it inhibited carpophore development of P. ostreatus in the mix, and decreased basidiomata stem’s length significantly. Biological efficiencies achieved in monocultures of P. ostreatus and P. citrinopileatus were 95.3% and 67.6% respectively. Different spatial patterns affected not only enzyme production but also mycelial yield. Cellulolytic and xylanolytic activities detected increased significantly when P. ostreatus was inoculated in the upper portion of the bag and P. citrinopileatus in the bottom part, but co-cultivation did not stimulate ligninolytic enzyme production. The highest laccase (8.2 U g−1) and Mn-peroxidase (7.5 U g−1) activities were detected in monocultures of P. ostreatus, in coincidence with maximum lignin degradation (28%).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เปลี่ยนแปลงในการผลิตเอนไซม์เชื้อราผลิตร่วมปลูกพันธุ์เห็ด และ fructification ได้ชมได้ศึกษามาจนบัด งานนี้ได้ดำเนินการกับจุดมุ่งหมายของการศึกษาวิธีการโต้ตอบระหว่าง ostreatus เห็ดนาง citrinopileatus เห็ดนางในสองวัฒนธรรมส่งผลกระทบต่อการผลิตเอนไซม์ lignocellulolytic มีอิทธิพลต่อผลผลิตค่า และปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของของ basidiomata ที่ได้รับ วัตถุประสงค์นี้ monocultures ทั้งสองชนิดในพื้นผิวที่ใช้ฟางถูกสอบสวน รวมทั้งสองวัฒนธรรม มี 3 พื้นที่รูปแบบ (เห็ดราหนึ่งในส่วนบนของถุงและที่สองในด้านล่าง รูปพื้นที่ตรงข้าม และผสมวางไข่จากทั้ง กระจายอยู่ในแต่ละถุง) ร่วมเพาะปลูกได้เพิ่มการผลิต basidiomata นอกจากนี้ มันห้ามพัฒนา carpophore P. ostreatus ในส่วนผสม และลดความยาวของก้าน basidiomata อย่างมีนัยสำคัญ ประสิทธิภาพทางชีวภาพที่ประสบความสำเร็จใน monocultures P. ostreatus และ P. citrinopileatus มี 95.3% และ 67.6% ตามลำดับ รูปแบบพื้นที่ได้รับผลกระทบไม่เพียงแต่ผลิตเอนไซม์ แต่ผลตอบแทน mycelial กิจกรรม Cellulolytic และ xylanolytic พบเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อมี inoculated P. ostreatus ในส่วนบนของถุง และ P. citrinopileatus ในส่วนล่าง แต่การเพาะปลูกร่วมได้กระตุ้นการผลิตเอนไซม์ ligninolytic Laccase สูงสุด (8.2 U g−1) และ Mn peroxidase (7.5 U g−1) กิจกรรมถูกตรวจพบใน monocultures P. ostreatus ในบังเอิญกับการย่อยสลาย lignin สูงสุด (28%)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ร่วมการเพาะปลูกของสายพันธุ์เห็ดผลิตการเปลี่ยนแปลงในการผลิตเอนไซม์เชื้อราและเกิดผลที่ไม่ได้ในเชิงลึกการศึกษามาจนบัดนี้ งานนี้ได้รับการดำเนินการกับจุดมุ่งหมายของการศึกษาวิธีการปฏิสัมพันธ์ระหว่าง Pleurotus ostreatus และ Pleurotus citrinopileatus ในวัฒนธรรมคู่ส่งผลกระทบต่อการผลิตเอนไซม์ lignocellulolytic ค่าผลผลิตที่มีอิทธิพลและปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของก้าน basidiomata ได้รับ ด้วย monocultures เพื่อการนี​​้ของทั้งสองชนิดในสารตั้งต้นฟางที่ใช้ถูกตรวจสอบเช่นเดียวกับวัฒนธรรมที่คู่กับ 3 ที่แตกต่างกันรูปแบบเชิงพื้นที่ (หนึ่งเชื้อราในส่วนบนของกระเป๋าและครั้งที่สองในด้านล่างรูปแบบเชิงพื้นที่ตรงข้ามและ ส่วนผสมของไข่จากทั้งกระจายอยู่ในแต่ละถุง) ร่วมการเพาะปลูกไม่ได้เพิ่มการผลิต basidiomata, นอกจากนี้ยังสามารถยับยั้งการพัฒนาของ carpophore นางรมพีในการผสมและลดลงมีความยาวก้าน basidiomata อย่างมีนัยสำคัญ ประสิทธิภาพทางชีวภาพสำเร็จใน monocultures ของนางรมพีพี citrinopileatus เป็น 95.3% และ 67.6% ตามลำดับ รูปแบบเชิงพื้นที่ได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันไม่เพียง แต่ผลิตเอนไซม์ แต่ยังให้ผลตอบแทนของเส้นใย กิจกรรมเซลลูโลสและไซแลนเนตรวจพบเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อพีนางรมได้รับเชื้อในส่วนบนของถุงพี citrinopileatus ในส่วนด้านล่าง แต่ร่วมการเพาะปลูกไม่ได้กระตุ้นการผลิตเอนไซม์ ligninolytic แลคเคสสูงสุด (8.2 กรัม U-1) และแมงกานีส-peroxidase (7.5 กรัม U-1) กิจกรรมถูกตรวจพบใน monocultures ของนางรมพีในเรื่องบังเอิญที่มีการย่อยสลายลิกนินสูงสุด (28%)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเพาะเห็ดผลิต CO 3 และการผลิตเอนไซม์ fructification ที่ไม่เจาะลึก เรียนมาจนบัดนี้ . งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาวิธีการปฏิสัมพันธ์ระหว่าง citrinopileatus นางรม Pleurotus ostreatus และในวัฒนธรรมของคู่ต่อ lignocellulolytic เอนไซม์ที่ผลิตผลผลิตต่อคุณค่า และปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของก้าน basidiomata ) ด้วยวัตถุประสงค์นี้ทรีตเมนต์ทั้งสองชนิดในฟางตามพื้นผิว คือ เช่นเดียวกับวัฒนธรรมคู่กับรูปแบบทางพื้นที่ที่แตกต่างกัน 3 ( เชื้อราในส่วนบนของกระเป๋าและสองในพื้นที่ด้านล่าง ตรงข้ามกับรูปแบบ และส่วนผสมของไข่จากทั้ง กระจัดกระจายไปในแต่ละถุง )การเพาะปลูก Co ไม่ได้เพิ่มผลิต basidiomata นอกจากนี้มันสามารถยับยั้งการพัฒนาของพีคาร์โปฟอร์ปากมดลูกในผสม และลดความยาวของก้าน basidiomata อย่างมีนัยสำคัญ ประสิทธิภาพทางชีวภาพได้ในทรีตเมนต์ของ P . ostreatus และ P . citrinopileatus กำลังร่วงและร้อยละ 67.6 ตามลำดับ รูปแบบทางพื้นที่ที่แตกต่างกันได้รับผลกระทบไม่เพียง แต่ผลิตเอนไซม์ แต่ยังให้ผลผลิตเส้นใยกิจกรรมทดลอง xylanolytic เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อหน้าและตรวจพบปากมดลูกเป็นเชื้อในส่วนบนของกระเป๋าและหน้า citrinopileatus ในส่วนด้านล่าง แต่การเพาะปลูก Co ไม่ได้กระตุ้นการผลิตเอนไซม์ค่า . โดยแลคเคสสูงสุด ( 8.2 u G − 1 ) และแมงกานีสเปอร์ออกซิเดส ( 7.5 U G − 1 ) กิจกรรมพบว่า P . ostreatus ทรีตเมนต์ ,ในความบังเอิญด้วยการย่อยสลายน้ำสูงสุด ( ร้อยละ 28 )