90% of pediatricians and 67% of par

90% of pediatricians and 67% of parents agreed or strongly agreed that violent video games can increase aggressive behavior among children.

Total US sales of video game hardware and software increased 204% from 1994 to 2014, reaching $13.1 billion in 2014, while violent crimes decreased 37% and murders by juveniles acting alone fell 76% in that same period.

An estimated four out of five US households with a male child own a video game system and worldwide sales of video games are predicted to reach $102.9 billion in 2017.

60% of middle school boys and 40% of middle school girls who played at least one Mature-rated (M-rated) game hit or beat up someone, compared with 39% of boys and 14% of girls who did not play M-rated games.

In Brown v. Entertainment Merchants Association, the US Supreme Court ruled 7-2 that California could not ban the sale of violent video games to minors because studies "do not prove that violent video games cause minors to act aggressively.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กุมารแพทย์ 90% และ 67% ของพ่อแม่ตกลง หรือขอยอมรับว่า เกมวิดีโอที่มีความสามารถเพิ่มพฤติกรรมเด็กก้าวร้าว สหรัฐอเมริกายอดขายรวมของวิดีโอเกมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้น 204% จากปี 1994 ถึง 2014 ถึง 13.1 พันล้านเหรียญในปี ในขณะที่ความรุนแรงอาชญากรรมลดลง 37% และฆาตกรรม โดยแต้มคนเดียวทำหน้าที่ลดลง 76% ระยะเดียวกัน มีประมาณสี่ใน ห้าครัวเรือนที่ มีเด็กชายสหรัฐเองระบบวิดีโอเกม และมีการคาดการณ์ยอดขายทั่วโลกของวิดีโอเกมถึง 102.9 ล้านดอลลาร์ในปี 2560 เด็กชายมัธยม 60% และ 40% ของสาวมัธยมที่เล่นอย่างน้อยหนึ่งคะแนนผู้ใหญ่ (นิยม M) เกม ตี หรือตีค่าคน เมื่อเทียบกับ 39% ของเด็กผู้ชายและ 14% ของผู้หญิงที่ไม่ได้เล่นเกมที่ได้คะแนน M ในน้ำตาล v. สมาคมพ่อค้าบันเทิง ศาลฎีกาสหรัฐปกครอง 7-2 ที่ แคลิฟอร์เนียอาจบ้านขายวิดีโอเกมรุนแรงกับผู้เยาว์เนื่องจากการศึกษา "ไม่ได้พิสูจน์ว่า วิดีโอเกมรุนแรงทำให้ผู้เยาว์สามารถกระทำการอุกอาจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

90% ของกุมารแพทย์และ 67% ของผู้ปกครองเห็นด้วยหรือเห็นพ้องกันว่าวิดีโอเกมรุนแรงสามารถเพิ่มพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็ก.

ยอดขายรวมของฮาร์ดแวร์วิดีโอเกมและซอฟต์แวร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 204% 1994-2014 ถึง 13.1 พันล้านบาท $ ในปี 2014 ในขณะที่การก่ออาชญากรรมรุนแรง ลดลง 37% และการฆาตกรรมโดยหนุ่มสาวที่ทำหน้าที่เพียงอย่างเดียวลดลง 76% ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่.

ประมาณสี่ห้าครัวเรือนสหรัฐกับบุตรชายเจ้าของระบบวิดีโอเกมและยอดขายทั่วโลกของวิดีโอเกมที่คาดว่าจะถึง 102,900,000,000 $ ในปี 2017

60 % ของเด็กโรงเรียนกลางและ 40% ของหญิงโรงเรียนมัธยมผู้เล่นอย่างน้อยหนึ่งผู้ใหญ่จัดอันดับ (M-จัดอันดับ) เกมตีหรือตีขึ้นคนเมื่อเทียบกับ 39% ของชายและ 14% ของสาว ๆ ที่ไม่ได้เล่น M-จัดอันดับ เกม.

ในบราวน์ v. บันเทิงสมาคมพ่อค้าสหรัฐศาลฎีกาตัดสินว่ารัฐแคลิฟอร์เนีย 7-2 ไม่สามารถห้ามขายของวิดีโอเกมที่มีความรุนแรงให้กับผู้เยาว์เพราะการศึกษา "ไม่ได้พิสูจน์ว่าวิดีโอเกมรุนแรงทำให้เกิดผู้เยาว์จะทำหน้าที่อย่างจริงจัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

90% ของกุมารแพทย์และ 67% ของพ่อแม่เห็นด้วยหรือเห็นด้วยว่าวิดีโอเกมที่รุนแรงสามารถเพิ่มพฤติกรรมก้าวร้าวในเด็กทั้งหมดเราขายวิดีโอเกมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้น 204 % จากปี 1994 ถึงปี 2014 ถึง $ 13.1 พันล้านในปี 2014 ขณะที่อาชญากรรมรุนแรงลดลง 37% และการฆาตกรรมโดยเยาวชนทำคนเดียวลดลง 76% ในช่วงเดียวกันนั้นประมาณสี่ในห้าของเราครอบครัวกับผู้ชายเองระบบวิดีโอเกม และขายทั่วโลกของวิดีโอเกมที่คาดว่าจะถึง $ 102.9 พันล้านใน 201760% ของเด็ก ม.ต้น และ 40% ของโรงเรียนมัธยมหญิงผู้เล่นอย่างน้อยหนึ่งคะแนน ( คะแนนสูงสุด M ) เป็นเกมตีหรือทำร้ายร่างกายใคร เทียบกับ 39% ของเด็กผู้ชาย และ 14 % ของผู้หญิงที่ไม่ได้เล่นเกมที่คะแนนสูงสุด M .สีน้ำตาลโวลต์ความบันเทิงสมาคมพ่อค้าแม่ขาย สหรัฐอเมริกาศาลฎีกาวินิจฉัย 7-2 ที่แคลิฟอร์เนียไม่ได้ห้ามขายวิดีโอเกมรุนแรงกับผู้เยาว์ เพราะการศึกษาไม่ได้พิสูจน์ว่าวิดีโอเกมรุนแรงเพราะผู้เยาว์ทำเลยเถิด