This paper presents the results of

This paper presents the results of the experiments conducted on a spark-ignition (SI) engine fuelled with
liquefied petroleum gas (LPG) by varying the ignition timing at the excess air coefficients of 1.0 and 1.3.
Experiments were carried out at wide open throttle (WOT) position and at engine speed of 4300 rpm
aiming to determine the lean operation performance of an engine when fuelled with LPG at full load.
Performance parameters, namely brake power, brake-specific fuel consumption (BSFC), brake thermal
efficiency and exhaust emissions such as unburned hydrocarbons (HC), carbon monoxide (CO) and nitrogen
oxides (NOx), were studied. It was shown that advancing the ignition timing improved the performance
of LPG-fuelled SI engine for excess air coefficients higher than 0.8. The highest brake power and
the lowest BSFC were obtained with modified ignition timing at an excess air coefficient of 1.0. The
lowest exhaust emissions were obtained with an excess air coefficient of 1.3. In general, advancing the
ignition timings caused increase in HC and NOx emissions, while the effect of ignition timing on CO
emissions was negligible.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เอกสารนี้แสดงผลลัพธ์ของการทดลองเครื่องยนต์จุดระเบิดหัวเทียน (SI) ที่ผลักดันด้วยก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ด้วยการปรับเปลี่ยนเวลาการจุดระเบิดที่สัมประสิทธิ์อากาศส่วนเกิน 1.0 และ 1.3ทดลองดำเนินการ ที่เปิดกว้างเค้น (WOT) ตำแหน่ง และความเร็วเครื่องยนต์ 4300 รอบต่อนาทีเป้าหมายที่จะตรวจสอบการดำเนินงานแบบลีนประสิทธิภาพของเครื่องยนต์เมื่อผลักดันกับ LPG ที่โหลดเต็มประสิทธิภาพพารามิเตอร์ เบรคไฟฟ้า เบรคเฉพาะเพลิง (BSFC) ความร้อนเบรกคือปล่อยไอเสียและประสิทธิภาพเช่นการเผาไหม้สารไฮโดรคาร์บอน (HC), ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และไนโตรเจนออกไซด์ (NOx), ที่มีศึกษา มันแสดงให้เห็นว่า การเลื่อนเวลาการจุดระเบิดดีขึ้นประสิทธิภาพการทำงานเครื่องยนต์ผลักดัน LPG ศรีสำหรับสัมประสิทธิ์อากาศส่วนเกินสูงกว่า 0.8 พลังเบรคสูงสุด และBSFC ต่ำได้รับแก้ไขจุดระเบิดเวลาที่มีค่าสัมประสิทธิ์อากาศส่วนเกิน 1.0 การปล่อยไอเสียต่ำที่สุดได้รับกับค่าสัมประสิทธิ์การอากาศส่วนเกินของ 1.3 ทั่วไป ความก้าวหน้าการเวลาจุดระเบิดเกิดขึ้น HC และ NOx ปล่อย ในขณะที่ผลของเวลาการจุดระเบิดใน COปล่อยได้น้อยมาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทความนี้นำเสนอผลการทดลองที่ได้ดำเนินการในจุดประกายการเผาไหม้ (SI) เครื่องยนต์เชื้อเพลิงที่มี
ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โดยการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาการเผาไหม้ที่ค่าสัมประสิทธิ์อากาศส่วนเกินของ 1.0 และ 1.3.
การทดลองดำเนินการที่เปิดกว้างเค้น ( WOT) ตำแหน่งและที่ความเร็วของเครื่องยนต์ 4300 รอบต่อนาที
มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบผลการดำเนินงานยันของเครื่องยนต์เมื่อเชื้อเพลิงที่มีแอลพีจีที่โหลดเต็ม.
ค่าประสิทธิภาพคือพลังงานเบรกเฉพาะการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง (BSFC), เบรกความร้อน
อย่างมีประสิทธิภาพและการปล่อยไอเสีย เช่นไฮโดรคาร์บอนเผาไหม้ (HC) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และไนโตรเจน
ออกไซด์ (NOx) ได้ศึกษา มันก็แสดงให้เห็นว่าก้าวหน้าระยะเวลาการเผาไหม้ที่ดีขึ้นของประสิทธิภาพการทำงาน
ของแอลพีจีเป็นเชื้อเพลิงเครื่องยนต์ SI สำหรับค่าสัมประสิทธิ์อากาศส่วนเกินสูงกว่า 0.8 พลังเบรกสูงสุดและ
BSFC ต่ำสุดที่ได้รับกับระยะเวลาการเผาไหม้ที่มีการปรับเปลี่ยนค่าสัมประสิทธิ์อากาศส่วนเกิน 1.0
การปล่อยไอเสียต่ำสุดที่ได้รับมีค่าสัมประสิทธิ์อากาศส่วนเกิน 1.3 โดยทั่วไปความก้าวหน้าด้าน
การกำหนดเวลาการเผาไหม้ที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของ HC และ NOx ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขณะที่ผลของระยะเวลาการเผาไหม้ใน CO
ปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เล็กน้อย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทความนี้นำเสนอผลการทดลองในเครื่องยนต์จุดระเบิดด้วยประกายไฟ ( SI ) เป็นเชื้อเพลิงกับก๊าซปิโตรเลียมเหลว ( LPG ) โดยปรับองศาการจุดระเบิดที่เกินค่าอากาศ 1.0 และ 1.3 .การทดลองที่เค้นเปิดกว้าง ( โหวด ) ตำแหน่งและที่ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ 4 , 300 รอบต่อนาทีมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการดำเนินงานยันสมรรถนะของเครื่องยนต์เมื่อเชื้อเพลิง LPG ที่โหลดเต็มแสดงพารามิเตอร์ คือ เบรคไฟฟ้า สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจำเพาะเบรก ( BSFC ) , เบรค ระบายความร้อนประสิทธิภาพและไอเสียเช่น unburned ไฮโดรคาร์บอน ( HC ) , คาร์บอนมอนอกไซด์และไนโตรเจนออกไซด์ ( NOx ) เพื่อ พบว่าก้าวหน้าประสิทธิภาพการจุดระเบิดขึ้นLPG เป็นเชื้อเพลิงเครื่องยนต์สำหรับอากาศเกินค่ามากกว่า 0.8 . อำนาจสูงสุดและเบรกค่า BSFC ได้ปรับองศาการจุดระเบิดที่สัมประสิทธิ์อากาศส่วนเกินของ 1.0 ที่ค่าไอเสียที่ได้รับกับสัมประสิทธิ์อากาศเกิน 1.3 . ในทั่วไป , ก้าวหน้าเวลาจุดระเบิด ทำให้เพิ่มการปล่อย NOx และ HC ในขณะที่อิทธิพลขององศาการจุดระเบิดบนโคปล่อยมันกระจอก