The results show that the wind at t

The results show that the wind at the inlets of the reference house in case 1 had an average velocity of 0.4 m1s. However, the average velocity was reduced to 0.2 m1s in case 2. This seems contradictory to the previous study [12], which showed that a rectangular building has better natural ventilation than a square building. However, the houses in this study had very small lots. When located on the same land lots, the houses with rectangular shapes had more space at the front and the back than the houses with the square shapes. The distance between the two houses became very small, which blocked the wind from passing through. Therefore, houses with square shapes (case 1) will give a higher air velocity at the apertures than houses with rectangular shapes (case 2). Thus, case 1 is more appropriate for natural ventilation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผลลัพธ์แสดงว่าลมในสายบ้านอ้างอิงในกรณีที่ 1 มีความเร็วเฉลี่ย 0.4 m1s อย่างไรก็ตาม ความเร็วเฉลี่ยได้ลดลงเป็น m1s 0.2 ในกรณี 2 นี้ดูเหมือนขัดแย้งการศึกษาก่อนหน้านี้ [12], ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อาคารสี่เหลี่ยมมีระบายธรรมชาติดีกว่าอาคารสี่เหลี่ยม อย่างไรก็ตาม บ้านในการศึกษานี้มีขนาดเล็กมากจำนวนมาก เมื่อตั้งอยู่บนที่ดินล็อตเดียวกัน บ้านที่ มีรูปร่างสี่เหลี่ยมมีพื้นที่มากที่ด้านหน้าและด้านหลังบ้านที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยม ระยะห่างระหว่างสองบ้านเป็นขนาดเล็กมาก ซึ่งบล็อกลมจากผ่าน ดังนั้น บ้านที่ มีรูปร่างสี่เหลี่ยม (กรณี 1) จะให้ความเร็วสูงกว่าอากาศที่มีกว่าบ้านที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยม (กรณี 2) ดังนั้น กรณี 1 เป็นที่เหมาะสมสำหรับการระบายอากาศตามธรรมชาติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลปรากฏว่าลมที่เวิ้งของบ้านการอ้างอิงในกรณีที่ 1 มีความเร็วเฉลี่ย 0.4 M1s อย่างไรก็ตามความเร็วเฉลี่ยลดลงเป็น 0.2 M1s 2. ในกรณีนี้ดูเหมือนขัดแย้งกับการศึกษาก่อนหน้านี้ [12] ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีการระบายอากาศตามธรรมชาติดีกว่าการสร้างตาราง แต่บ้านในการศึกษาครั้งนี้มีจำนวนมากมีขนาดเล็กมาก เมื่อตั้งอยู่บนที่ดินจำนวนมากเหมือนกันบ้านที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมมีพื้นที่มากขึ้นที่ด้านหน้าและด้านหลังกว่าบ้านที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม ระยะห่างระหว่างสองบ้านกลายเป็นขนาดเล็กมากซึ่งถูกปิดกั้นจากลมผ่าน ดังนั้นบ้านที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม (กรณีที่ 1) จะให้ความเร็วลมที่สูงขึ้นในช่องกว่าบ้านที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยม (กรณีที่ 2) ดังนั้นกรณีที่ 1 มีความเหมาะสมมากขึ้นสำหรับการระบายอากาศตามธรรมชาติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลที่ได้แสดงให้เห็นว่าลมที่เวิ้งแห่งอ้างอิงบ้านในกรณีที่ 1 มีความเร็วเฉลี่ย 0.4 M1s อย่างไรก็ตาม ความเร็วเฉลี่ยลดลง 0.2 M1s ใน 2 กรณี นี้ดูเหมือนว่าจะขัดแย้งกับการศึกษาก่อนหน้า [ 12 ] ซึ่งพบว่าอาคารสี่เหลี่ยมมีการระบายอากาศที่ดีกว่าการสร้างตาราง อย่างไรก็ตาม บ้านในการศึกษานี้มีขนาดเล็กมากเมื่อตั้งอยู่บนที่ดินจำนวนเดียวกัน บ้านที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยมมีพื้นที่มากขึ้นที่ด้านหน้าและด้านหลังมากกว่าบ้านที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม ระยะทางระหว่างบ้านทั้งสองกลายเป็นขนาดเล็กมาก ซึ่งบังลมจากผ่าน ดังนั้น บ้านที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม ( กรณีที่ 1 ) จะให้ความเร็วลมสูงกว่าที่แสงมากกว่าบ้านที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม ( 2 กรณี ) ดังนั้นกรณีที่ 1 เป็นมากขึ้นเหมาะสำหรับการระบายอากาศแบบธรรมชาติ