Disengagement theory states that it

Disengagement theory states that it is beneficial to both society and the individual to participate in a process of withdrawal from meaningful roles and relationships as that person enters the later years of life. While the theory does not suggest that one should sever all ties with previous acquaintances and enter a hermit-like state of existence, it does suggest that an aging individual will be less bound by the social networks in which he or she was previously engaged, and a decreased level of involvement will take place at four levels. First, the number of people with whom the individual regularly interacts will be reduced. Second, the amount of interaction he or she has with those persons will be diminished. Third, the style of interaction will be changed due to the altered status that the older individual now occupies. Finally, and most importantly, as the frequency and quality of interaction with others is diminished, the older individual will become increasingly preoccupied with his or her own situation; society will withdraw from the individual just as he or she will withdraw from society.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎี disengagement ระบุว่า มันเป็นประโยชน์ต่อสังคมและบุคคลมีส่วนร่วมในกระบวนการของการถอนตัวจากบทบาทความหมายและความสัมพันธ์เป็นบุคคลที่ป้อนปีหลังของชีวิต ในขณะที่ทฤษฎีแนะนำว่า ควรตัดความสัมพันธ์กับคนรู้จักก่อนหน้านี้ทั้งหมด และป้อนเป็นฤาษีเหมือนรัฐดำรงอยู่ ก็แนะนำว่า มีอายุแต่ละจะใช้น้อยผูก โดยเครือข่ายทางสังคมที่เขาหรือเธอเคยหมั้น และมีส่วนร่วมในระดับลดลงจะเกิดขึ้นระดับ 4 ครั้งแรก จำนวนคนซึ่งแต่ละอย่างสม่ำเสมอโต้ตอบจะลดลง สอง จำนวนโต้ตอบเขาหรือเธอมีคนที่จะสามารถลดลง 3 จะเปลี่ยนลักษณะของการโต้ตอบเนื่องจากสถานะการเปลี่ยนแปลงที่บุคคลรุ่นเก่าตอนนี้ใช้ และที่ สำคัญที่สุด ตามความถี่และคุณภาพของการโต้ตอบกับผู้อื่นเป็นการลดลง แต่ละรุ่นเก่าจะหวั่นใจมากขึ้นกับสถานการณ์ของ ตนเอง สังคมจะถอนตัวออกจากแต่ละคนเหมือนกับเขาหรือเธอจะถอนตัวออกจากสังคม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีหลุดพ้นกล่าวว่ามันเป็นประโยชน์ต่อทั้งสังคมและบุคคลที่จะมีส่วนร่วมในกระบวนการของการถอนตัวออกจากบทบาทที่มีความหมายและความสัมพันธ์เป็นคนที่เข้ามาในปีต่อมาของชีวิต ในขณะที่ทฤษฎีไม่ได้แนะนำว่าควรจะตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับคนรู้จักก่อนหน้านี้และเข้าสู่สถานะฤาษีเหมือนของการดำรงอยู่ก็ไม่แนะนำให้บุคคลริ้วรอยจะถูกผูกไว้น้อยลงโดยเครือข่ายทางสังคมในการที่เขาหรือเธอเป็นธุระก่อนหน้านี้และ ระดับการมีส่วนร่วมลดลงจะเกิดขึ้นที่สี่ระดับ ครั้งแรกที่ผู้คนจำนวนมากกับผู้ที่บุคคลที่มีปฏิสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอจะลดลง ประการที่สองปริมาณของการทำงานร่วมกันที่เขาหรือเธอมีกับบุคคลเหล่านั้นจะถูกลดลง ประการที่สามรูปแบบของการทำงานร่วมกันจะมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสถานะที่เก่าแต่ละคนขณะนี้มีพื้นที่ ในที่สุดและที่สำคัญที่สุดเป็นความถี่และคุณภาพของการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ จะลดน้อยลง, บุคคลที่มีอายุมากกว่าจะกลายเป็นหมกมุ่นมากขึ้นกับสถานการณ์ของเขาหรือเธอเอง สังคมจะถอนตัวออกจากบุคคลเช่นเดียวกับเขาหรือเธอจะถอนตัวออกจากสังคม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผู้นำทฤษฎีระบุว่า เป็นประโยชน์ต่อทั้งสังคมและบุคคลที่จะเข้าร่วมในกระบวนการถอนตัวจากบทบาทที่มีความหมายและความสัมพันธ์เป็นคนที่เข้าสู่ปีต่อมาของชีวิต ในขณะที่ทฤษฎีไม่ได้แนะนำว่าควรจะหยุดความสัมพันธ์กับก่อนหน้านี้คนรู้จักและระบุฤาษี เช่น สภาพของการมีชีวิตอยู่มันก็ไม่คิดว่าอายุจะน้อยผูกไว้ โดยแต่ละเครือข่ายทางสังคมที่เขาหรือเธอเคยหมั้นและลดลงในระดับของการมีส่วนร่วมจะเกิดขึ้นใน 4 ระดับ ครั้งแรก จำนวนคน ซึ่งแต่ละอย่างมีปฏิสัมพันธ์จะลดลง ที่สอง , จํานวนของปฏิสัมพันธ์ที่เขาหรือเธอมีกับคนเหล่านั้นจะลดลง ประการที่สามรูปแบบของการปฏิสัมพันธ์จะเปลี่ยนไปเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพที่เก่าแต่ละตอนนี้ใช้ . สุดท้ายและที่สำคัญที่สุด ตามความถี่และคุณภาพของการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นลดลง , เก่า บุคคลจะกลายเป็นมากหมกมุ่นกับสถานการณ์ของเขาหรือเธอเอง สังคมจะถอนตัวจากบุคคล เช่นเดียวกับที่เขาหรือเธอจะถอนตัวจากสังคม