The crucial question that divides t

The crucial question that divides the two dominant paradigms is whether the methodology
of the physical sciences can be applied to the study of social phenomena. The paradigm
that is rooted in the physical sciences is called the quantitative, systematic, scientific or positivist approach to social enquiry. The opposite paradigm has come to be known as the
qualitative, ethnographic, ecological or naturalistic approach. The advocates of the two
opposing sides have developed their own values, terminology, methods and techniques to
understand social phenomena. However, since the mid-1960s there has been a growing
recognition that both paradigms have their place, and this has led to the mixed methods
approach to social enquiry. The author feels very strongly that it is the purpose for which
a research activity is undertaken that should determine the mode of enquiry, hence the
paradigm. To indiscriminately apply one approach to all research problems can be misleading
and inappropriate. Combining quantitative and qualitative methods is a very powerful
methodology and should be used where warranted with full realisation that it entails
diverse and/or additional knowledge about different approaches to research.
A positivist paradigm lends itself to both quantitative and qualitative data. The author
makes a distinction between qualitative data, on the one hand, and qualitative research, on
the other, as the former is confined to the measurement of variables, mostly on nominal and
ordinary measurement scales, and the latter to the use of a qualitative research methodology.
The author believes that no matter what paradigm the researcher works within, s/he
should adhere to certain values regarding the control of bias and the maintenance of
objectivity in terms of both the research process itself and the conclusions drawn. It is
the application of these values to the process of information gathering, analysis and
interpretation that enables it to be called a research process.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คำถามสำคัญที่แบ่งกรอบหลักสองคือว่าวิธีการของวิทยาศาสตร์กายภาพสามารถถูกประยุกต์ใช้กับการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคม กระบวนทัศน์ที่มีรากฐานจากวิทยาศาสตร์กายภาพคือเชิงปริมาณ ระบบ วิทยาศาสตร์ หรือ positivist เข้าไปสอบถามสังคม กระบวนทัศน์ตรงข้ามมาเป็นการวิธีการเชิงคุณภาพ ชาติพันธุ์ ระบบนิเวศ หรือสรรค์ ผู้สนับสนุนของทั้งสองฝ่ายตรงข้ามมีพัฒนาตนเองค่า ศัพท์ วิธีการ และเทคนิคการทำความเข้าใจปรากฏการณ์ทางสังคม อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่กลางปี 1960 ได้มีการเจริญเติบโตการรู้ว่า กรอบทั้งสองมีสถานที่ของพวกเขา และนี้นำวิธีการผสมวิธีการสอบถามข้อมูลทางสังคม ผู้เขียนรู้สึกอย่างมากว่า เป็นวัตถุประสงค์ที่มีดำเนินการที่ควรกำหนดวิธีการสอบถาม ดังนั้นกิจกรรมการวิจัยกระบวนทัศน์การ เข้าใจผิดโดยไม่ใช้วิธีการหนึ่งกับปัญหาวิจัยและไม่เหมาะสม รวมวิธีการเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพมีประสิทธิภาพมากวิธีการ และควรที่ใช้รับประกันกับการรับรู้รายได้เต็มว่า มัน entailsความรู้ที่หลากหลาย หรือเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการวิจัยที่แตกต่างกันกระบวนทัศน์ positivist ยืมตัวเองไปข้อมูลทั้งเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ ผู้เขียนทำให้ความแตกต่างเชิงคุณภาพข้อมูล มือ และการวิจัยเชิงคุณภาพ บนอื่น ๆ เป็นอดีตจะจำกัดการวัดของตัวแปร ส่วนใหญ่ในการกำหนด และเครื่องชั่งวัดสามัญ และหลังการใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพผู้เขียนเชื่อว่า ไม่ว่ากระบวนทัศน์ใดนักวิจัยทำงานภายใน s/เขาควรยึดค่าการควบคุมของอคติและการบำรุงรักษาobjectivity ในแง่ของกระบวนการวิจัยและข้อสรุปที่วาด มันเป็นการประยุกต์ใช้ค่าเหล่านี้กับการรวบรวม การวิเคราะห์ข้อมูล และการตีความซึ่งช่วยให้การเรียกใช้กระบวนการวิจัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คำถามสำคัญที่แบ่งสองกระบวนทัศน์ที่โดดเด่นไม่ว่าจะเป็นวิธีการ
ของวิทยาศาสตร์ทางกายภาพสามารถนำมาใช้ในการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคม กระบวนทัศน์
ที่หยั่งรากลึกในวิทยาศาสตร์ทางกายภาพที่เรียกว่าวิธีการเชิงปริมาณระบบทางวิทยาศาสตร์หรือการสอบถามเชิงสังคม กระบวนทัศน์ตรงข้ามได้มาเป็นที่รู้จักกันเป็น
วิธีการเชิงคุณภาพชาติพันธุ์วิทยาระบบนิเวศหรือธรรมชาติ ผู้สนับสนุนของทั้งสอง
ฝ่ายตรงข้ามได้มีการพัฒนาตัวเองค่าศัพท์วิธีการและเทคนิคของพวกเขา
เข้าใจปรากฏการณ์ทางสังคม อย่างไรก็ตามตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 1960 ได้มีการเจริญเติบโต
ได้รับการยอมรับว่าทั้งสองกระบวนทัศน์ที่มีสถานที่ของพวกเขาและได้นำไปสู่วิธีการผสม
วิธีการสอบถามทางสังคม ผู้เขียนรู้สึกอย่างแรงกล้ามากที่มันเป็นวัตถุประสงค์ที่
กิจกรรมการวิจัยจะดำเนินการว่าควรกำหนดโหมดของการสอบสวนจึง
กระบวนทัศน์ เพื่อคัดสรรใช้วิธีการหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการวิจัยทั้งหมดที่อาจทำให้เข้าใจผิด
และไม่เหมาะสม รวมวิธีการเชิงปริมาณและคุณภาพที่มีประสิทธิภาพมาก
วิธีการและควรจะใช้ที่รับประกันกับสำนึกเต็มว่ามันส่งผล
ความรู้ที่หลากหลายและ / หรือเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่แตกต่างกันเพื่อการวิจัย.
กระบวนทัศน์เชิงยืมตัวเองไปข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ผู้เขียน
ทำให้ความแตกต่างระหว่างข้อมูลเชิงคุณภาพในมือข้างหนึ่งและการวิจัยเชิงคุณภาพใน
ที่อื่น ๆ เป็นอดีตถูกกักขังอยู่ในวัดของตัวแปรส่วนใหญ่ในการระบุและ
สามัญเครื่องชั่งน้ำหนักวัดและหลังการใช้ของคุณภาพการให้ ระเบียบวิธีวิจัย.
ผู้เขียนเชื่อว่าไม่ว่าสิ่งที่นักวิจัยกระบวนทัศน์การทำงานภายใน / s เขา
ควรจะเป็นไปตามค่านิยมบางประการเกี่ยวกับการควบคุมของการมีอคติและการบำรุงรักษาของ
ความเป็นกลางทั้งในแง่ของกระบวนการวิจัยเองและข้อสรุปที่ได้ มันเป็น
แอพลิเคชันของค่าเหล่านี้เป็นขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลการวิเคราะห์และการ
ตีความที่ช่วยให้มันถูกเรียกว่าขั้นตอนการวิจัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่สำคัญคำถามที่แบ่งสองเด่นแบบอย่างคือว่าวิธีการของวิทยาศาสตร์ทางกายภาพสามารถใช้ในการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคม กระบวนทัศน์ที่เป็นรากฐานในวิทยาศาสตร์กายภาพ เรียกว่า ปริมาณ ระบบ วิธีการ ทางวิทยาศาสตร์ หรือ positivist ข้อสงสัยสังคม กระบวนทัศน์ตรงข้ามมาเป็นที่รู้จักในฐานะคุณภาพ , ชาติพันธุ์ , วิธีการทางนิเวศวิทยาหรือทางธรรมชาติ ที่สนับสนุนทั้งสองด้านตรงข้ามมีการพัฒนาคุณค่าของตัวเอง , ศัพท์ , วิธีการและเทคนิคเข้าใจปรากฏการณ์ทางสังคม อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษที่ 1960 ได้มีการเติบโตยอมรับว่าทั้งกระบวนทัศน์มีสถานที่ของพวกเขาและนี้ได้นำวิธีการผสมวิธีการที่จะถามสังคม ผู้เขียนรู้สึกมั่นใจว่ามันคือเป้าหมายที่กิจกรรมการวิจัยตลาดที่ควรจะกำหนดโหมดของการ เพราะกระบวนทัศน์ . การใช้วิธีการหนึ่ง ซึ่งทุกปัญหาของการวิจัยอาจทำให้เข้าใจผิดและไม่เหมาะสม รวมเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ เป็น ที่มีประสิทธิภาพมากและควรใช้วิธีการที่รับประกันเต็มรูปแบบเพื่อที่จะใช้กับที่หลากหลายและ / หรือความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ที่แตกต่างกัน วิธีการวิจัยเป็น positivist กระบวนทัศน์ยืมตัวเองไป ทั้งข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ผู้เขียนทำให้ความแตกต่างระหว่างข้อมูลเชิงคุณภาพ ในด้านหนึ่ง และการวิจัยเชิงคุณภาพในอื่น ๆ ในฐานะที่อดีตถูกคุมขังในการวัดของตัวแปรส่วนใหญ่ในตราสารและแบบวัดธรรมดา และหลังการใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพผู้เขียนเชื่อว่า ไม่ว่ากระบวนทัศน์นักวิจัยงานภายใน , s / เขาควรยึดมั่นในค่านิยมบางประการเกี่ยวกับการควบคุมอคติและการบำรุงรักษาเป้าหมายในแง่ของทั้งกระบวนการวิจัยเอง และสรุปผล มันคือการใช้ค่าเหล่านี้ในการกระบวนการของการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ และตีความให้มันถูกเรียกว่ากระบวนการ