หน้าบ้านจอมยุทธ >> ห้องสมุด >> สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาส การแปล - หน้าบ้านจอมยุทธ >> ห้องสมุด >> สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาส ไทย วิธีการพูด

หน้าบ้านจอมยุทธ >> ห้องสมุด >> สังค





หน้าบ้านจอมยุทธ >> ห้องสมุด >> สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >> กบฎไพร่ สมัยอยุธยา






กบฎไพร่ สมัยอยุธยา

จาก : ศิลปวัฒนธรรม : ตุลาคม 2526
โดย : สุเนตร ชุตินธรานนท์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ลักษณะสำคัญประการหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองสมัยอยุธยาคือ การแย่งชิงอำนาจทางการเมืองกันภายในกลุ่มผู้นำอยุธยา อันได้แก่พระญาติพระวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่ จุดมุ่งหมายหลักของผู้ประสงค์จะแย่งชิงอำนาจอยู่ที่การเลื่อนฐานะของตนเองขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดเหนือพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจทั้งในการเมืองและเศรษฐกิจของเมืองในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างทั้งหมด ลักษณะอีกประการหนึ่งที่ปรากฎอยู่สม่ำเสมอคือความพยายามของผู้นำเมืองสำคัญ ๆ ที่มักแข็งข้อต่อส่วนกลาง โดยมีจุดมุ่งหมายหลักที่จะเอาเมืองที่ตนครองอยู่เป็นฐานกำลังในการแย่งชิงอำนาจจากกษัตริย์ที่ส่วนกลางในภายหลัง หรือมิฉะนั้นก็มีความต้องการเพียงจะแข็งข้อเพื่อไม่ให้ส่วนกลางขยายอำนาจเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ที่ตนจะพึงหาได้ ลักษณะเช่นนี้มักปรากฏในกลุ่มเมืองที่เป็นเมืองท่าค้าขายกับต่างประเทศ เช่นเมืองนครศรีธรรมราช และตะนาวศรี

กลุ่มผู้แย่งชิงอำนาจทางการเมืองหรือแสดงออกซึ่งการแข็งข้อทางการเมืองจะเป็นพวกพระญาติพระวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่ทั้งส่วนกลางและระดับท้องถิ่นเป็นสำคัญ

บทบาทของไพร่ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแย่งชิงอำนาจ หรือแข็งข้อต่อกษัตริย์ที่ส่วนกลาง กบฎที่ได้รับความสนใจและถูกขนานนามว่า “กบฎไพร่” บ้างหรือ “กบฎชาวนา” ได้แก่ กบฎญาณพิเชียร (2124) กบฎธรรมเถียร (2237) และ กบฎบุญกว้าง (2241) การนำคติความคิดเรื่องพระศรีอาริย์มาเป็นคำอธิบายหลักของกบฎในสมัยอยุธยา ทั้ง ๆ ที่เอกสารเท่าที่ปรากฎไม่ได้ระบุถึงความผูกพันระหว่างคติพระศรีอาริย์กับกบฎทั้งสามครั้ง อย่างมากที่สุดเอกสารจะกล่าวแต่เพียงว่าผู้นำกบฎบางคนแสดงตนเป็นผู้มีบุญ ซึ่งก็ไม่จำเป็นว่าการอ้างตนเป็นผู้มีบุญจะต้องผูกพันกับคติความเชื่อเรื่องโลกพระศรีอาริย์เสมอไป กบฎทั้งสามครั้งที่เกิดขึ้นเป็นกบฎประเภทเดียวกันทั้งสิ้นคือมีโครงสร้างและความเคลื่อนไหว เช่นเดียวกันหมด กบฎทั้งสามครั้งจึงไม่มีทางเลือกที่จะเป็นอื่น นอกไปจากจะต้องเป็น “กบฎไพร่” ซึ่งเป็นกบฎที่มีปัจจัยมาจากปัญหาความอ่อนแอทางการเมืองที่เป็นส่วนกลางปัญหาเศรษฐกิจสังคมอันเกิดจากภาวะสงคราม ข้าวยากหมากแพง ตลอดไปจนถึงความทุกข์ยากของไพร่ภายใต้ระบบศักดินาเป็นสำคัญ

ข้อยุติใหม่ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการประวัติศาสตร์ปัจจุบันก็คือ ในสมัยอยุธยา ไพร่ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ได้รวมตัวกันขึ้นเพื่อต่อต้านอำนาจของกษัตริย์ที่ส่วนกลางและต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสภาพความเป็นอยู่ที่ดีกว่า ดังจะเห็นได้จากกบฎญาณพิเชียร กบฎธรรมเถียร และกบฎบุญกว้าง

กบฎทั้งสามครั้งที่เกิดขึ้นในสมัยอยุธยานั้น หากพิจารณาโดยผิวเผินแล้ว ก็ย่อมทำให้เกิดความเข้าใจว่า เป็นกบฎที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เช่นมีผู้นำที่เป็นชาวบ้านที่เคยบวชเรียนมาก่อนและได้ใช้ความรู้ในทางพุทธและไสยศาสตร์มาเป็นเครื่องมือในการรวบรวมผู้คนเพื่อก่อการกบฎ แต่เมื่อศึกษาให้ลึกลงไปแล้วจะเห็นว่ากบฏทั้งสามครั้งมีลักษณะเฉพาะของตัวเองที่ไม่ซ้ำซ้อนกันอยู่หลายประการ

กบฎญาณพิเชียร
กบฎธรรมเถียร
กบฏบุญกว้าง










หน้าบ้านจอมยุทธ >> ห้องสมุด >> สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >> กบฎไพร่ สมัยอยุธยา






กบฎไพร่ สมัยอยุธยา

จาก : ศิลปวัฒนธรรม : ตุลาคม 2526
โดย : สุเนตร ชุตินธรานนท์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ลักษณะสำคัญประการหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองสมัยอยุธยาคือ การแย่งชิงอำนาจทางการเมืองกันภายในกลุ่มผู้นำอยุธยา อันได้แก่พระญาติพระวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่ จุดมุ่งหมายหลักของผู้ประสงค์จะแย่งชิงอำนาจอยู่ที่การเลื่อนฐานะของตนเองขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดเหนือพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจทั้งในการเมืองและเศรษฐกิจของเมืองในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างทั้งหมด ลักษณะอีกประการหนึ่งที่ปรากฎอยู่สม่ำเสมอคือความพยายามของผู้นำเมืองสำคัญ ๆ ที่มักแข็งข้อต่อส่วนกลาง โดยมีจุดมุ่งหมายหลักที่จะเอาเมืองที่ตนครองอยู่เป็นฐานกำลังในการแย่งชิงอำนาจจากกษัตริย์ที่ส่วนกลางในภายหลัง หรือมิฉะนั้นก็มีความต้องการเพียงจะแข็งข้อเพื่อไม่ให้ส่วนกลางขยายอำนาจเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ที่ตนจะพึงหาได้ ลักษณะเช่นนี้มักปรากฏในกลุ่มเมืองที่เป็นเมืองท่าค้าขายกับต่างประเทศ เช่นเมืองนครศรีธรรมราช และตะนาวศรี

กลุ่มผู้แย่งชิงอำนาจทางการเมืองหรือแสดงออกซึ่งการแข็งข้อทางการเมืองจะเป็นพวกพระญาติพระวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่ทั้งส่วนกลางและระดับท้องถิ่นเป็นสำคัญ

บทบาทของไพร่ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแย่งชิงอำนาจ หรือแข็งข้อต่อกษัตริย์ที่ส่วนกลาง กบฎที่ได้รับความสนใจและถูกขนานนามว่า “กบฎไพร่” บ้างหรือ “กบฎชาวนา” ได้แก่ กบฎญาณพิเชียร (2124) กบฎธรรมเถียร (2237) และ กบฎบุญกว้าง (2241) การนำคติความคิดเรื่องพระศรีอาริย์มาเป็นคำอธิบายหลักของกบฎในสมัยอยุธยา ทั้ง ๆ ที่เอกสารเท่าที่ปรากฎไม่ได้ระบุถึงความผูกพันระหว่างคติพระศรีอาริย์กับกบฎทั้งสามครั้ง อย่างมากที่สุดเอกสารจะกล่าวแต่เพียงว่าผู้นำกบฎบางคนแสดงตนเป็นผู้มีบุญ ซึ่งก็ไม่จำเป็นว่าการอ้างตนเป็นผู้มีบุญจะต้องผูกพันกับคติความเชื่อเรื่องโลกพระศรีอาริย์เสมอไป กบฎทั้งสามครั้งที่เกิดขึ้นเป็นกบฎประเภทเดียวกันทั้งสิ้นคือมีโครงสร้างและความเคลื่อนไหว เช่นเดียวกันหมด กบฎทั้งสามครั้งจึงไม่มีทางเลือกที่จะเป็นอื่น นอกไปจากจะต้องเป็น “กบฎไพร่” ซึ่งเป็นกบฎที่มีปัจจัยมาจากปัญหาความอ่อนแอทางการเมืองที่เป็นส่วนกลางปัญหาเศรษฐกิจสังคมอันเกิดจากภาวะสงคราม ข้าวยากหมากแพง ตลอดไปจนถึงความทุกข์ยากของไพร่ภายใต้ระบบศักดินาเป็นสำคัญ

ข้อยุติใหม่ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการประวัติศาสตร์ปัจจุบันก็คือ ในสมัยอยุธยา ไพร่ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ได้รวมตัวกันขึ้นเพื่อต่อต้านอำนาจของกษัตริย์ที่ส่วนกลางและต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสภาพความเป็นอยู่ที่ดีกว่า ดังจะเห็นได้จากกบฎญาณพิเชียร กบฎธรรมเถียร และกบฎบุญกว้าง

กบฎทั้งสามครั้งที่เกิ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
หน้าบ้านจอมยุทธ >> ห้องสมุด >> สังคมศาสตร์รัฐศาสตร์การเมืองเศรษฐศาสตร์ >> กบฎไพร่สมัยอยุธยา กบฎไพร่สมัยอยุธยาจาก: ศิลปวัฒนธรรม: ตุลาคมไป โดย: สุเนตรชุตินธรานนท์ภาควิชาประวัติศาสตร์คณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลักษณะสำคัญประการหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองสมัยอยุธยาคือการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองกันภายในกลุ่มผู้นำอยุธยาอันได้แก่พระญาติพระวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่จุดมุ่งหมายหลักของผู้ประสงค์จะแย่งชิงอำนาจอยู่ที่การเลื่อนฐานะของตนเองขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดเหนือพระนครศรีอยุธยาซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจทั้งในการเมืองและเศรษฐกิจของเมืองในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างทั้งหมดลักษณะอีกประการหนึ่งที่ปรากฎอยู่สม่ำเสมอคือความพยายามของผู้นำเมืองสำคัญๆ ที่มักแข็งข้อต่อส่วนกลางโดยมีจุดมุ่งหมายหลักที่จะเอาเมืองที่ตนครองอยู่เป็นฐานกำลังในการแย่งชิงอำนาจจากกษัตริย์ที่ส่วนกลางในภายหลังหรือมิฉะนั้นก็มีความต้องการเพียงจะแข็งข้อเพื่อไม่ให้ส่วนกลางขยายอำนาจเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ที่ตนจะพึงหาได้ลักษณะเช่นนี้มักปรากฏในกลุ่มเมืองที่เป็นเมืองท่าค้าขายกับต่างประเทศเช่นเมืองนครศรีธรรมราชและตะนาวศรีกลุ่มผู้แย่งชิงอำนาจทางการเมืองหรือแสดงออกซึ่งการแข็งข้อทางการเมืองจะเป็นพวกพระญาติพระวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่ทั้งส่วนกลางและระดับท้องถิ่นเป็นสำคัญ บทบาทของไพร่ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแย่งชิงอำนาจหรือแข็งข้อต่อกษัตริย์ที่ส่วนกลางกบฎที่ได้รับความสนใจและถูกขนานนามว่า "กบฎไพร่" บ้างหรือ "กบฎชาวนา" ได้แก่กบฎญาณพิเชียร (2124) กบฎธรรมเถียร (2237) และกบฎบุญกว้าง (2241) การนำคติความคิดเรื่องพระศรีอาริย์มาเป็นคำอธิบายหลักของกบฎในสมัยอยุธยาทั้งๆ ที่เอกสารเท่าที่ปรากฎไม่ได้ระบุถึงความผูกพันระหว่างคติพระศรีอาริย์กับกบฎทั้งสามครั้งอย่างมากที่สุดเอกสารจะกล่าวแต่เพียงว่าผู้นำกบฎบางคนแสดงตนเป็นผู้มีบุญซึ่งก็ไม่จำเป็นว่าการอ้างตนเป็นผู้มีบุญจะต้องผูกพันกับคติความเชื่อเรื่องโลกพระศรีอาริย์เสมอไปกบฎทั้งสามครั้งที่เกิดขึ้นเป็นกบฎประเภทเดียวกันทั้งสิ้นคือมีโครงสร้างและความเคลื่อนไหวเช่นเดียวกันหมดกบฎทั้งสามครั้งจึงไม่มีทางเลือกที่จะเป็นอื่นนอกไปจากจะต้องเป็น "กบฎไพร่" ซึ่งเป็นกบฎที่มีปัจจัยมาจากปัญหาความอ่อนแอทางการเมืองที่เป็นส่วนกลางปัญหาเศรษฐกิจสังคมอันเกิดจากภาวะสงครามข้าวยากหมากแพงตลอดไปจนถึงความทุกข์ยากของไพร่ภายใต้ระบบศักดินาเป็นสำคัญข้อยุติใหม่ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการประวัติศาสตร์ปัจจุบันก็คือในสมัยอยุธยาไพร่ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ได้รวมตัวกันขึ้นเพื่อต่อต้านอำนาจของกษัตริย์ที่ส่วนกลางและต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสภาพความเป็นอยู่ที่ดีกว่าดังจะเห็นได้จากกบฎญาณพิเชียรกบฎธรรมเถียรและกบฎบุญกว้าง กบฎทั้งสามครั้งที่เกิดขึ้นในสมัยอยุธยานั้นหากพิจารณาโดยผิวเผินแล้วก็ย่อมทำให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นกบฎที่มีลักษณะใกล้เคียงกันเช่นมีผู้นำที่เป็นชาวบ้านที่เคยบวชเรียนมาก่อนและได้ใช้ความรู้ในทางพุทธและไสยศาสตร์มาเป็นเครื่องมือในการรวบรวมผู้คนเพื่อก่อการกบฎแต่เมื่อศึกษาให้ลึกลงไปแล้วจะเห็นว่ากบฏทั้งสามครั้งมีลักษณะเฉพาะของตัวเองที่ไม่ซ้ำซ้อนกันอยู่หลายประการ กบฎญาณพิเชียร กบฎธรรมเถียร กบฏบุญกว้าง หน้าบ้านจอมยุทธ >> ห้องสมุด >> สังคมศาสตร์รัฐศาสตร์การเมืองเศรษฐศาสตร์ >> กบฎไพร่สมัยอยุธยา กบฎไพร่สมัยอยุธยาจาก: ศิลปวัฒนธรรม: ตุลาคมไป โดย: สุเนตรชุตินธรานนท์ภาควิชาประวัติศาสตร์คณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลักษณะสำคัญประการหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองสมัยอยุธยาคือการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองกันภายในกลุ่มผู้นำอยุธยาอันได้แก่พระญาติพระวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่จุดมุ่งหมายหลักของผู้ประสงค์จะแย่งชิงอำนาจอยู่ที่การเลื่อนฐานะของตนเองขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดเหนือพระนครศรีอยุธยาซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจทั้งในการเมืองและเศรษฐกิจของเมืองในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างทั้งหมดลักษณะอีกประการหนึ่งที่ปรากฎอยู่สม่ำเสมอคือความพยายามของผู้นำเมืองสำคัญๆ ที่มักแข็งข้อต่อส่วนกลางโดยมีจุดมุ่งหมายหลักที่จะเอาเมืองที่ตนครองอยู่เป็นฐานกำลังในการแย่งชิงอำนาจจากกษัตริย์ที่ส่วนกลางในภายหลังหรือมิฉะนั้นก็มีความต้องการเพียงจะแข็งข้อเพื่อไม่ให้ส่วนกลางขยายอำนาจเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ที่ตนจะพึงหาได้ลักษณะเช่นนี้มักปรากฏในกลุ่มเมืองที่เป็นเมืองท่าค้าขายกับต่างประเทศเช่นเมืองนครศรีธรรมราชและตะนาวศรีกลุ่มผู้แย่งชิงอำนาจทางการเมืองหรือแสดงออกซึ่งการแข็งข้อทางการเมืองจะเป็นพวกพระญาติพระวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่ทั้งส่วนกลางและระดับท้องถิ่นเป็นสำคัญ บทบาทของไพร่ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแย่งชิงอำนาจหรือแข็งข้อต่อกษัตริย์ที่ส่วนกลางกบฎที่ได้รับความสนใจและถูกขนานนามว่า "กบฎไพร่" บ้างหรือ "กบฎชาวนา" ได้แก่กบฎญาณพิเชียร (2124) กบฎธรรมเถียร (2237) และกบฎบุญกว้าง (2241) การนำคติความคิดเรื่องพระศรีอาริย์มาเป็นคำอธิบายหลักของกบฎในสมัยอยุธยาทั้งๆ ที่เอกสารเท่าที่ปรากฎไม่ได้ระบุถึงความผูกพันระหว่างคติพระศรีอาริย์กับกบฎทั้งสามครั้งอย่างมากที่สุดเอกสารจะกล่าวแต่เพียงว่าผู้นำกบฎบางคนแสดงตนเป็นผู้มีบุญซึ่งก็ไม่จำเป็นว่าการอ้างตนเป็นผู้มีบุญจะต้องผูกพันกับคติความเชื่อเรื่องโลกพระศรีอาริย์เสมอไปกบฎทั้งสามครั้งที่เกิดขึ้นเป็นกบฎประเภทเดียวกันทั้งสิ้นคือมีโครงสร้างและความเคลื่อนไหวเช่นเดียวกันหมดกบฎทั้งสามครั้งจึงไม่มีทางเลือกที่จะเป็นอื่นนอกไปจากจะต้องเป็น "กบฎไพร่" ซึ่งเป็นกบฎที่มีปัจจัยมาจากปัญหาความอ่อนแอทางการเมืองที่เป็นส่วนกลางปัญหาเศรษฐกิจสังคมอันเกิดจากภาวะสงครามข้าวยากหมากแพงตลอดไปจนถึงความทุกข์ยากของไพร่ภายใต้ระบบศักดินาเป็นสำคัญข้อยุติใหม่ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการประวัติศาสตร์ปัจจุบันก็คือในสมัยอยุธยาไพร่ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ได้รวมตัวกันขึ้นเพื่อต่อต้านอำนาจของกษัตริย์ที่ส่วนกลางและต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสภาพความเป็นอยู่ที่ดีกว่าดังจะเห็นได้จากกบฎญาณพิเชียรกบฎธรรมเถียรและกบฎบุญกว้าง กบฎทั้งสามครั้งที่เกิ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!




หน้าบ้านจอมยุทธ >> ห้องสมุด >> สังคมศาสตร์รัฐศาสตร์การเมืองเศรษฐศาสตร์ >> ไพร่สมัยกบฎอยุธยากบฎไพร่สมัยอยุธยาจากเนชั่: ศิลปวัฒนธรรม: ตุลาคม 2526 โดย: สุเนตรชุตินธรานนท์ภาควิชาประวัติศาสตร์คณะอักษรศาสตร์ ๆ ที่มักแข็งข้อต่อส่วนกลาง เช่นเมืองนครศรีธรรมราช หรือแข็งข้อต่อกษัตริย์ที่ส่วนกลาง "กบฎไพร่" บ้างหรือ "กบฎชาวนา" ได้แก่ กบฎญาณพิเชียร (2124) กบฎธรรมเถียร (2237) และกบฎบุญกว้าง (2241) ทั้ง ๆ เช่นเดียวกันหมด นอกไปจากจะต้องเป็น "กบฎไพร่" ข้าวยากหมากแพง ในสมัยอยุธยาไพร่ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ดังจะเห็นได้จากกบฎญาณพิเชียรกบฎธรรมเถียร หากพิจารณาโดยผิวเผินแล้วก็ย่อมทำให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นกบฎที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน >> ห้องสมุด >> สังคมศาสตร์รัฐศาสตร์การเมืองเศรษฐศาสตร์ >> ไพร่สมัยกบฎอยุธยากบฎไพร่สมัยอยุธยาจากเนชั่: ศิลปวัฒนธรรม: ตุลาคม 2526 โดย: สุเนตรชุตินธรานนท์ภาควิชาประวัติศาสตร์คณะอักษรศาสตร์ ๆ ที่มักแข็งข้อต่อส่วนกลาง เช่นเมืองนครศรีธรรมราช หรือแข็งข้อต่อกษัตริย์ที่ส่วนกลาง "กบฎไพร่" บ้างหรือ "กบฎชาวนา" ได้แก่ กบฎญาณพิเชียร (2124) กบฎธรรมเถียร (2237) และกบฎบุญกว้าง (2241) ทั้ง ๆ เช่นเดียวกันหมด นอกไปจากจะต้องเป็น "กบฎไพร่" ข้าวยากหมากแพง ในสมัยอยุธยาไพร่ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ ดังจะเห็นได้จากกบฎญาณพิเชียรกบฎธรรมเถียร






















































การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!




> > > > หน้าบ้านจอมยุทธห้องสมุดสังคมศาสตร์รัฐศาสตร์การเมืองเศรษฐศาสตร์ > > กบฎไพร่สมัยอยุธยา








กบฎไพร่สมัยอยุธยาจาก : ศิลปวัฒนธรรม : ตุลาคม 2526
โดย :สุเนตรชุตินธรานนท์ภาควิชาประวัติศาสตร์คณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ลักษณะสำคัญประการหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองสมัยอยุธยาคือการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองกันภายในกลุ่มผู้นำอยุธยาอันได้แก่พระญาติพระวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่ซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจทั้งในการเมืองและเศรษฐกิจของเมืองในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างทั้งหมดลักษณะอีกประการหนึ่งที่ปรากฎอยู่สม่ำเสมอคือความพยายามของผู้นำเมืองสำคัญจะที่มักแข็งข้อต่อส่วนกลางหรือมิฉะนั้นก็มีความต้องการเพียงจะแข็งข้อเพื่อไม่ให้ส่วนกลางขยายอำนาจเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ที่ตนจะพึงหาได้ลักษณะเช่นนี้มักปรากฏในกลุ่มเมืองที่เป็นเมืองท่าค้าขายกับต่างประเทศเช่นเมืองนครศรีธรรมราช



กลุ่มผู้แย่งชิงอำนาจทางการเมืองหรือแสดงออกซึ่งการแข็งข้อทางการเมืองจะเป็นพวกพระญาติพระวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่ทั้งส่วนกลางและระดับท้องถิ่นเป็นสำคัญบทบาทของไพร่ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแย่งชิงอำนาจหรือแข็งข้อต่อกษัตริย์ที่ส่วนกลางกบฎที่ได้รับความสนใจและถูกขนานนามว่า " กบฎไพร่ " บ้างหรือ " กบฎชาวนา " ได้แก่กบฎญาณพิเชียร ( 2124 ) กบฎธรรมเถียร ( 2237 ) และ( 2143 ) การนำคติความคิดเรื่องพระศรีอาริย์มาเป็นคำอธิบายหลักของกบฎในสมัยอยุธยาทั้งจะที่เอกสารเท่าที่ปรากฎไม่ได้ระบุถึงความผูกพันระหว่างคติพระศรีอาริย์กับกบฎทั้งสามครั้งซึ่งก็ไม่จำเป็นว่าการอ้างตนเป็นผู้มีบุญจะต้องผูกพันกับคติความเชื่อเรื่องโลกพระศรีอาริย์เสมอไปกบฎทั้งสามครั้งที่เกิดขึ้นเป็นกบฎประเภทเดียวกันทั้งสิ้นคือมีโครงสร้างและความเคลื่อนไหวเช่นเดียวกันหมดนอกไปจากจะต้องเป็น " กบฎไพร่ " ซึ่งเป็นกบฎที่มีปัจจัยมาจากปัญหาความอ่อนแอทางการเมืองที่เป็นส่วนกลางปัญหาเศรษฐกิจสังคมอันเกิดจากภาวะสงครามข้าวยากหมากแพง

ข้อยุติใหม่ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการประวัติศาสตร์ปัจจุบันก็คือในสมัยอยุธยาไพร่ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ดังจะเห็นได้จากกบฎญาณพิเชียรกบฎธรรมเถียรและกบฎบุญกว้าง

กบฎทั้งสามครั้งที่เกิดขึ้นในสมัยอยุธยานั้นหากพิจารณาโดยผิวเผินแล้วก็ย่อมทำให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นกบฎที่มีลักษณะใกล้เคียงกันแต่เมื่อศึกษาให้ลึกลงไปแล้วจะเห็นว่ากบฏทั้งสามครั้งมีลักษณะเฉพาะของตัวเองที่ไม่ซ้ำซ้อนกันอยู่หลายประการ



กบฎญาณพิเชียรกบฎธรรมเถียรกบฏบุญกว้าง










> > > > หน้าบ้านจอมยุทธห้องสมุดสังคมศาสตร์รัฐศาสตร์การเมืองเศรษฐศาสตร์ > > กบฎไพร่สมัยอยุธยา








กบฎไพร่สมัยอยุธยาจาก : ศิลปวัฒนธรรม : ตุลาคม 2526
โดย :สุเนตรชุตินธรานนท์ภาควิชาประวัติศาสตร์คณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ลักษณะสำคัญประการหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองสมัยอยุธยาคือการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองกันภายในกลุ่มผู้นำอยุธยาอันได้แก่พระญาติพระวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่ซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจทั้งในการเมืองและเศรษฐกิจของเมืองในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างทั้งหมดลักษณะอีกประการหนึ่งที่ปรากฎอยู่สม่ำเสมอคือความพยายามของผู้นำเมืองสำคัญจะที่มักแข็งข้อต่อส่วนกลางหรือมิฉะนั้นก็มีความต้องการเพียงจะแข็งข้อเพื่อไม่ให้ส่วนกลางขยายอำนาจเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ที่ตนจะพึงหาได้ลักษณะเช่นนี้มักปรากฏในกลุ่มเมืองที่เป็นเมืองท่าค้าขายกับต่างประเทศเช่นเมืองนครศรีธรรมราช



กลุ่มผู้แย่งชิงอำนาจทางการเมืองหรือแสดงออกซึ่งการแข็งข้อทางการเมืองจะเป็นพวกพระญาติพระวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่ทั้งส่วนกลางและระดับท้องถิ่นเป็นสำคัญบทบาทของไพร่ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแย่งชิงอำนาจหรือแข็งข้อต่อกษัตริย์ที่ส่วนกลางกบฎที่ได้รับความสนใจและถูกขนานนามว่า " กบฎไพร่ " บ้างหรือ " กบฎชาวนา " ได้แก่กบฎญาณพิเชียร ( 2124 ) กบฎธรรมเถียร ( 2237 ) และ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: