Thailand is a peninsular country in

Thailand is a peninsular country in Southeast Asia sharing boundaries with Myanmar in the west, Laos and Cambodia in the northeast, and Malaysia in the south. The South China Sea touches the east coast, while the Indian Ocean and Andaman Sea border the west coast. Thailand has a land area of 51 million ha, of which one-third is cultivated for annual crops and about 7% is under permanent crops.

Four seasons are recognized: southwest monsoon from May through September, a transition period from the southwest to the northeast monsoon during October, the northeast monsoon from November through February, and a premonsoon hot season during March and April.

Temperatures in the Central Plain during the rainy season (May to November) average 27 °C, with only 8–10 °C between the daily minimum and maximum. There is a brief cool period (December and January) with temperatures as low as 2–3 °C in the northern highlands.

Economic growth in nonagricultural sectors over the past three decades greatly reduced the relative importance of agriculture as a contributor to gross domestic product (GDP) and export earnings. However, agriculture remains a significant economic activity in rural Thailand. In spite of having an industrialized economy, 66% of the population in Thailand is still rural. The country’s population was 69.1 million in 2010 and grew at 0.76% per year in 2005-10. The population density was 132 per km² in 2010.

The Thai economy is export dependent, in which exports—which include rice—account for more than half of GDP. Aside from rice, the country’s major agricultural exports are tapioca, rubber, maize, pineapple, durian, longan, palm oil, and herbs. The leading manufactured exports are computers and computer accessories, integrated circuits, textiles, electronics, automobiles and spare parts, gems and jewelry, and televisions and television accessories. GDP fell to –2.3% in 2009 during the global economic crisis but rebounded to 7.8% in 2010. However, in 2011, growth was again low at 0.1%. In 2010, industry accounted for 44.6% of GDP, services shared 43%, while agriculture contributed 12.4%. Although agriculture has the lowest contribution to GDP, it employs about 42% of the total labor force.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประเทศไทยเป็นประเทศคาบสมุทรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมกันขอบเขตกับประเทศพม่าทิศตะวันตก ลาวและกัมพูชาในภาคอีสาน และมาเลเซียในภาคใต้ ในทะเลจีนใต้สัมผัสฝั่งตะวันออก ในขณะที่มหาสมุทรอินเดียและทะเลอันดามันทางฝั่งตะวันตกที่ชายแดน ประเทศไทยมีพื้นที่ 51 ล้านฮา ซึ่งหนึ่งในสามเป็นปลูกสำหรับพืชประจำปี และประมาณ 7% อยู่ภายใต้พืชถาวร โฟร์ซีซั่นส์ที่รู้จัก: มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากพฤษภาคมถึงกันยายน ช่วงระยะเวลาจากตะวันตกเฉียงใต้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือระหว่างเดือนตุลาคม พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และ premonsoon ฤดูกาลร้อนระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายนอุณหภูมิในราบกลางในช่วงฤดูฝน (พฤษภาคมถึงพฤศจิกายน) เฉลี่ย° C 27 มีเพียง 8 – 10 ° C ระหว่างวันต่ำสุดและสูงสุด มีอยู่ช่วงเย็นสั้น ๆ (เดือนธันวาคมและมกราคม) มีอุณหภูมิระหว่างต่ำสุด 2-3 ° C ในไฮแลนด์เหนือ เติบโตทางเศรษฐกิจในภาคภารกว่าสามทศวรรษลดความสำคัญของการเกษตรเป็นผู้บริจาครวมผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ (GDP) และรายได้การส่งออกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เกษตรยังคง เป็นกิจกรรมสำคัญทางเศรษฐกิจในชนบทไทย ถึงแม้จะมีเศรษฐกิจอุตสาหกรรม 66% ของประชากรในประเทศไทยจะยังชนบท ประชากรของประเทศได้ 69.1 ล้านในปี 2553 และเพิ่มขึ้น 0.76% ต่อปีใน 10 ปี 2005 ความหนาแน่นประชากรเป็น 132 ต่อ km² ในปี 2553 เศรษฐกิจไทยจะส่งออก อ้างอิงในการส่งออก — ซึ่งได้แก่ข้าว — บัญชีมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP นอกเหนือจากข้าว ส่งออกเกษตรที่สำคัญของประเทศคือ มันสำปะหลัง ยาง ข้าวโพด สับปะรด ทุเรียน ลำไย ปาล์มน้ำมัน และสมุนไพร ส่งออกผลิตชั้นนำมีคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมวงจร สิ่งทอ อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ และชิ้นส่วนอะไหล่ อัญมณี และเครื่อง ประดับ และโทรทัศน์ และอุปกรณ์โทรทัศน์ GDP ตก –2.3% ในปี 2552 วิกฤตเศรษฐกิจโลกแต่กระดอน 7.8% ในปี 2553 อย่างไรก็ตาม ใน 2011 การเจริญเติบโตได้อีกต่ำสุดที่ 0.1% ในปี 2553 อุตสาหกรรมคิดเป็น 44.6% ของ GDP บริการร่วม 43% ในขณะที่เกษตรส่วน 12.4% ถึงแม้ว่าเกษตรมีสัดส่วนต่ำสุดกับ GDP มันมีประมาณ 42% ของกำลังแรงงานรวม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประเทศไทยเป็นประเทศคาบสมุทรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมกันเขตแดนกับประเทศพม่าทางทิศตะวันตก, ลาวและกัมพูชาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและมาเลเซียในภาคใต้ ทะเลจีนใต้สัมผัสชายฝั่งตะวันออกในขณะที่มหาสมุทรอินเดียและทะเลอันดามันชายแดนฝั่งตะวันตก ประเทศไทยมีพื้นที่จาก 51 ล้านเฮกเตอร์ซึ่งหนึ่งในสามมีการปลูกพืชประจำปีและประมาณ 7% อยู่ภายใต้การปลูกพืชถาวร. โฟร์ซีซั่นส์ได้รับการยอมรับ: มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายนเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศเหนือ มรสุมในช่วงเดือนตุลาคมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์และฤดูร้อน premonsoon ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน. อุณหภูมิในภาคกลางในช่วงฤดูฝน (พฤษภาคมพฤศจิกายน) เฉลี่ย 27 ° C มีเพียง 8-10 ° C ระหว่าง ขั้นต่ำในชีวิตประจำวันและสูงสุด มีระยะเวลาสั้น ๆ เย็น (เดือนธันวาคมและมกราคม) มีอุณหภูมิที่ต่ำเป็น 2-3 ° C ในที่ราบสูงทางตอนเหนือ. การเติบโตทางเศรษฐกิจในภาค nonagricultural ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาลดลงอย่างมากความสำคัญของการเกษตรเป็นผู้มีส่วนร่วมกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และรายได้การส่งออก อย่างไรก็ตามทางการเกษตรยังคงเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญในชนบทของประเทศไทย แม้มีเศรษฐกิจอุตสาหกรรม 66% ของประชากรในประเทศไทยยังคงเป็นชนบท ประชากรของประเทศเป็น 69,100,000 ในปี 2010 และเติบโตที่ 0.76% ต่อปีในปี 2005-10 ความหนาแน่นของประชากร 132 คนต่อตารางกิโลเมตรในปี 2010. เศรษฐกิจไทยคือการส่งออกขึ้นอยู่กับที่การส่งออกซึ่งรวมถึงบัญชีข้าวมากกว่าครึ่งหนึ่งของจีดีพี นอกเหนือจากข้าวของประเทศส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญที่มีมันสำปะหลังยางพาราข้าวโพดสับปะรดทุเรียนลำไยปาล์มน้ำมันและสมุนไพร ชั้นนำที่ผลิตส่งออกเป็นคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แผงวงจรรวมสิ่งทออิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่อัญมณีและเครื่องประดับและโทรทัศน์และอุปกรณ์เสริมโทรทัศน์ จีดีพีลดลงถึง -2.3% ในปี 2009 ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่กระดอนไป 7.8% ในปี 2010 อย่างไรก็ตามในปี 2011 การเติบโตอยู่ในระดับต่ำอีกครั้งที่ 0.1% ในปี 2010 อุตสาหกรรมคิดเป็นสัดส่วน 44.6% ของ GDP บริการที่ใช้ร่วมกัน 43% ในขณะที่ภาคเกษตรมีส่วน 12.4% แม้ว่าเกษตรมีส่วนร่วมต่ำสุดต่อ GDP ก็มีพนักงานประมาณ 42% ของกำลังแรงงานรวม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประเทศไทยเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบ่งเขตแดนกับคาบสมุทรทางตะวันตกของพม่า ลาว และกัมพูชา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ มาเลเซีย ทะเลจีนใต้กับชายฝั่งตะวันออก ขณะที่ชายแดนฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรอินเดียและทะเลอันดามัน ประเทศไทยมีพื้นที่ 51 ล้านไร่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสำหรับการเพาะปลูกพืชล้มลุกและประมาณ 7% ภายใต้พืชถาวร

สี่ฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่รู้จัก : จากพฤษภาคมถึงกันยายน มีระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงจากตะวันตกเฉียงใต้ กับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงตุลาคม มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ และฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายน premonsoon

อุณหภูมิในภาคกลางในช่วงฤดูฝน ( เดือนพฤษภาคม - พฤศจิกายน ) เฉลี่ยประมาณ 27 องศา C8 – 10 ° C ระหว่างขั้นต่ำรายวันสูงสุด มีระยะเวลาสั้นเย็น ( เดือนธันวาคมและมกราคม ) ที่มีอุณหภูมิที่ต่ำเป็น 2 – 3 ° C ในภาคเหนือ .

การเติบโตทางเศรษฐกิจใน nonagricultural ภาคที่ผ่านมาสามทศวรรษที่ผ่านมาลดลงอย่างมากความสําคัญของการเกษตรเป็นผู้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( GDP ) รายได้ และ ส่งออก อย่างไรก็ตามการเกษตรยังคงเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญในชนบทของประเทศไทย แม้จะมีเศรษฐกิจที่อุตสาหกรรม , 66% ของประชากรในประเทศไทยยังอยู่ในชนบท ประชากรของประเทศเป็น 69.1 ล้านบาทในปี 2553 และเติบโตที่ 0.76 % ต่อปีใน 2005-10 . ความหนาแน่นของประชากรคือ 132 ต่อ km พนักงานขายใน 2010

เศรษฐกิจไทยคือการส่งออกขึ้นอยู่กับซึ่งการส่งออกข้าวซึ่งรวมถึงบัญชีมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP นอกจากข้าว ของประเทศ สาขาเกษตร การส่งออกมันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพด สับปะรด ทุเรียน ลำไย ปาล์มน้ำมันและสมุนไพร าผลิต การส่งออกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์ วงจรรวม สิ่งทอ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน อัญมณีและเครื่องประดับและโทรทัศน์และอุปกรณ์โทรทัศน์ GDP ลดลง 2.3% ในปี 2552 และในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก แต่ตัว 7.8% ในปี 2553 อย่างไรก็ตาม ในปี 2554 เติบโตได้อีกครั้งต่ำที่ 0.1% ใน 2010 , อุตสาหกรรมคิดเป็นร้อยละ 44.6 % ของจีดีพี บริการร่วม 43% ในขณะที่การเกษตรสนับสนุน 12.4 % แม้ว่าภาคการเกษตรมีสัดส่วนต่อ GDP ต่ำ มันมีพนักงานประมาณ 42 % ของแรงงานทั้งหมด