where 'ๆ,- is the refractive index

where 'ๆ,- is the refractive index at a specified frequency i, Vi is the velocity of the radiation in the medium, and c is its velocity in a vacuum. The refractive index of most liquids lies between 1.3 and 1.8; it is 1.3 to 2.5 or higher for solids.4
The interaction involved in transmission can be as¬cribed to periodic polarization of the atomic and molec¬ular species that make up the medium. Polarization in this context means the temporary deformation of the electron clouds associated with atoms or molecules that is brought about by the alternating electromagnetic field of the radiation. Provided that the radiation is not ab¬sorbed, the energy required for polarization is only mo¬mentarily retained (10~14 to 10~15 ร) by the species and is reemitted without alteration as the substance returns to its original state. Since there is no net energy change in this process, the frequency of the emitted radiation is unchanged, but the rate of its propagation is slowed by the time that is required for retention and reemission to occur. Thus, transmission through a medium can be viewed as a stepwise process that involves polarized atoms, ions, or molecules as intermediates.
Radiation from polarized particles should be emit¬ted in all directions in a medium. If the particles are small, however, it can be shown that destructive inter¬ference prevents the propagation of significant amounts in any direction other than that of the original light path. On the other hand, if the medium contains large parti-cles (such as polymer molecules or colloidal particles), this destructive interference is incomplete, and a por¬tion of the beam is scattered in all directions as a conse¬quence of the interaction step. Scattering is considered in a later section of this chapter.
Since the velocity of radiation in matter is wave¬length dependent and since c in Equation 6-11 is inde-pendent of this parameter, the refractive index of a sub¬stance must also change with wavelength. The variation in -refractive index of a substance with wavelength or frequency is called its dispersion. The dispersion of a typical substance is shown in Figure 6-9. Clearly, the relationship is complex; generally, however, dispersion plots exhibit two types of regions. In the normal disper¬sion region, there is a gradual increase in refractive index with increasing frequency (or decreasing wave-
length). Regions of anomalous dispersion are fre¬quency ranges in which a sharp change in refractive in¬dex is observed. Anomalous dispersion always occurs at frequencies that correspond to the natural harmonic frequency associated with some part of the molecule, atom, or ion of the substance. At such a frequency, per-manent energy transfer from the radiation to the sub¬stance occurs and absorption of the beam is observed. Absorption is discussed in a later section.
Dispersion curves are important when choosing materials for the optical components of instruments. A substance that exhibits normal dispersion over the wavelength region of interest is most suitable for the manufacture of lenses, for which a high and relatively constant refractive index is desirable. Chromatic aber-rations (formation of colored images) are minimized through the choice of such a material. In contrast, a sub-stance with a refractive index that is not only large but also highly frequency dependent is selected for the fab-rication of prisms. The applicable wavelength region for the prism thus approaches the anomalous dispersion region for the material from which it is fabricated.
6B-8 Refraction of Radiation
When radiation passes at an angle through the interface between two transparent media that have different den-sities, an abrupt change in direction, or refraction, of the beam is observed as a consequence of a difference in velocity of the radiation in the two media. When the beam passes from a less dense to a more dense environ-

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไหน ๆ - เป็นดัชนีหักเหที่ความถี่ที่ระบุ i, Vi คือความเร็วของรังสีในขนาดกลางและ c คือความเร็วในสูญญากาศ ดัชนีหักเหของของเหลวส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 1.3 และ 1.8; มันเป็น 1.3-2.5 หรือสูงกว่าสำหรับ solids.4
การทำงานร่วมกันมีส่วนร่วมในการส่งสามารถas¬cribedการโพลาไรซ์เป็นระยะ ๆ ในสายพันธุ์ที่อะตอมและmolec¬ularที่ทำขึ้นกลาง โพลาไรซ์ในบริบทนี้หมายถึงความผิดปกติชั่วคราวของเมฆอิเล็กตรอนที่เกี่ยวข้องกับอะตอมหรือโมเลกุลที่มาเกี่ยวด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าสลับของรังสี โดยมีเงื่อนไขว่ารังสีจะไม่ab¬sorbedพลังงานที่จำเป็นสำหรับการโพลาไรซ์เป็นเพียงสะสมmo¬mentarily (10 ~ 14-10 ~ 15 ร) โดยสายพันธุ์และมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้อง reemitted เป็นผลตอบแทนที่สารสู่สภาพเดิม เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงานสุทธิในขั้นตอนนี้ความถี่ของการแผ่รังสีที่มีการเปลี่ยนแปลง แต่อัตราการขยายพันธุ์ที่จะชะลอตัวตามเวลาที่จำเป็นสำหรับการเก็บรักษาและการ reemission ที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นการส่งผ่านสื่อที่สามารถมองได้ว่าเป็นกระบวนการขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับขั้วอะตอมไอออนหรือโมเลกุลเป็นตัวกลาง.
รังสีจากอนุภาคโพลาไรซ์ควรจะemit¬tedในทุกทิศทางในสื่อ ถ้าอนุภาคที่มีขนาดเล็ก แต่ก็สามารถที่จะแสดงให้เห็นว่าinter¬ferenceทำลายป้องกันไม่ให้แพร่กระจายของจำนวนเงินที่สำคัญในทิศทางใด ๆ ที่นอกเหนือจากที่ทางเดินของแสงเดิม ในทางตรงกันข้ามถ้าสื่อที่มีหลาก Cles ขนาดใหญ่ (เช่นโมเลกุลของพอลิเมอหรืออนุภาคคอลลอยด์) ทำลายอุปสรรคนี้ไม่สมบูรณ์และpor¬tionของคานจะกระจายอยู่ในทุกทิศทางเป็นconse¬quenceของการมีปฏิสัมพันธ์ที่ ขั้นตอน กระเจิงมีการพิจารณาในส่วนต่อมาของบทนี้.
เนื่องจากความเร็วของการฉายรังสีในเรื่องคือwave¬lengthขึ้นและตั้งแต่คในสมการ 6-11 เป็นดัชนีคำศัพท์-จี้พารามิเตอร์นี้ดัชนีหักเหของsub¬stanceยังต้องมีการเปลี่ยนแปลง ที่มีความยาวคลื่น การเปลี่ยนแปลงในดัชนี -refractive ของสารที่มีความยาวคลื่นหรือความถี่ที่เรียกว่าการกระจายตัวของมัน การกระจายตัวของสารโดยทั่วไปจะแสดงในรูปที่ 6-9 เห็นได้ชัดว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน โดยทั่วไป แต่แผนการกระจายตัวแสดงทั้งสองประเภทของภูมิภาค ในภูมิภาคdisper¬sionปกติมีการเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในดัชนีหักเหที่มีความถี่เพิ่มขึ้น (หรือลดลง wave-
ยาว) ภูมิภาคของการกระจายตัวที่ผิดปกติเป็นช่วงfre¬quencyที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในin¬dexการหักเหของแสงเป็นที่สังเกต การกระจายตัวที่ผิดปกติมักจะเกิดขึ้นที่ความถี่ที่สอดคล้องกับความถี่ฮาร์โมนิธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับบางส่วนของโมเลกุลอะตอมหรือไอออนของสาร ที่ดังกล่าวความถี่ต่อ manent การถ่ายโอนพลังงานจากรังสีเพื่อsub¬stanceเกิดขึ้นและการดูดซึมของคานเป็นที่สังเกต การดูดซึมจะกล่าวถึงในส่วนต่อมา.
เส้นโค้งการกระจายที่มีความสำคัญในการเลือกวัสดุสำหรับองค์ประกอบแสงของเครื่องมือ เป็นสารที่แสดงการกระจายปกติภาคเหนือความยาวคลื่นของดอกเบี้ยที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการผลิตของเลนส์ซึ่งดัชนีหักเหสูงและคงที่ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ สี aber ปันส่วน (การก่อตัวของภาพสี) จะลดลงผ่านทางเลือกของวัสดุดังกล่าวที่ ในทางตรงกันข้ามท่าทางย่อยที่มีค่าดัชนีหักเหของแสงที่ไม่เพียง แต่มีขนาดใหญ่ แต่ยังขึ้นอยู่กับความถี่สูงจะถูกเลือกสำหรับ Fab-rication ของปริซึม ภูมิภาคความยาวคลื่นบังคับสำหรับปริซึมจึงแนวทางภูมิภาคกระจายตัวผิดปกติสำหรับวัสดุจากที่ที่มันถูกประดิษฐ์.
6B-8
การหักเหของรังสีเมื่อรังสีผ่านไปที่มุมผ่านอินเตอร์เฟซระหว่างสองสื่อความโปร่งใสที่มีแตกต่างกันนั้นก็-sities เป็นอย่างกระทันหัน เปลี่ยนแปลงในทิศทางหรือการหักเหของแสงเป็นที่สังเกตเป็นผลมาจากความแตกต่างในความเร็วของการฉายรังสีในสองสื่อ เมื่อแสงผ่านจากความหนาแน่นน้อยไปยังสภาพแวดล้อมหนาแน่นมากขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไม่มีที่ ' - มีดัชนีการหักเหของแสงที่ความถี่ที่ระบุชั้น 6 คือความเร็วของรังสีในระดับกลาง และ C มีความเร็วในสุญญากาศ ค่าดัชนีหักเหของของเหลวส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 1.2 และ 1.8 ; มันเป็น 1.3 - 2.5 หรือสูงกว่าสำหรับของแข็ง 4
ปฏิสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องในการส่งจะเป็น¬ cribed การโพลาไรเซชันของอะตอมและตารางธาตุ molec ¬ ular ชนิดที่ทําขึ้นปานกลางโพลาไรเซชันในบริบทนี้หมายถึงความผิดปกติชั่วคราวของอิเล็กตรอนเมฆที่เกี่ยวข้องกับอะตอมหรือโมเลกุลที่ถูกนำเกี่ยวกับโดยสลับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าของรังสี โดยที่ไม่¬ดูดซับรังสี AB ,พลังงานที่จำเป็นสำหรับการเป็นเพียงโม¬ mentarily ( 10 ~ 14 10 ~ 15 ใช้ ) โดยชนิดและ reemitted โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นสารคืนไปเป็นสถานะเดิม เนื่องจากไม่มีพลังงานสุทธิเปลี่ยนแปลงในกระบวนการนี้ ความถี่ของรังสีที่ปล่อยออกมามีการเปลี่ยนแปลงแต่คะแนนของการขยายพันธุ์จะชะลอตัว โดยเวลาที่ใช้สำหรับการเก็บรักษาและการ reemission เกิดขึ้น ดังนั้น การส่งผ่านตัวกลางที่สามารถดูเป็นแบบกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับขั้วอะตอมไอออนหรือโมเลกุลเป็น intermediates
รังสีจากขั้วอนุภาคควรปล่อย¬เท็ดในทุกทิศทางในระดับปานกลาง ถ้าอนุภาคมีขนาดเล็ก แต่อย่างไรก็ตามมันสามารถแสดงให้เห็นว่าการอินเตอร์¬ฟีเรนซีป้องกันการแพร่ของจํานวนมากในทิศทางใด ๆอื่น ๆของทางเดินของแสงมากกว่าเดิม ในทางกลับกัน ถ้าพรรค cles กลางที่มีขนาดใหญ่ ( เช่นโมเลกุลของพอลิเมอร์ หรืออนุภาคคอลลอยด์ ) รบกวนทำลายนี้ยังไม่สมบูรณ์และปอ¬ tion ของลำแสงกระจายไปในทุกทิศทาง เป็น conse ¬ quence ของปฏิสัมพันธ์ขั้น การพิจารณาในส่วนทีหลังของบทนี้ .
เนื่องจากความเร็วของคลื่นรังสีในเรื่อง¬ความยาว และตั้งแต่ C ในสมการ 6-11 เป็นยังจี้ของพารามิเตอร์นี้ดัชนีการหักเหของซับ¬ท่าทางต้องเปลี่ยนกับความยาวคลื่นการเปลี่ยนแปลงในดัชนีการหักเหของสารที่มีความยาวคลื่นหรือความถี่เรียกว่าการกระจาย การกระจายของสารโดยทั่วไปแสดงในรูปที่ 6-9 . ชัดเจนว่า ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ; โดยทั่วไป อย่างไรก็ตาม การกระจายแปลงมีสองประเภทของภูมิภาค ในปกติ disper ¬ไซออน ภูมิภาคมันค่อยๆเพิ่มขึ้นในดัชนีการหักเหของแสงที่มีความถี่เพิ่มขึ้น ( หรือลดลงคลื่น -
ความยาว ) ภูมิภาคที่กระจายเป็น fre ¬ quency ช่วงที่คมเปลี่ยน refractive ใน¬เด็กซ์เป็นที่สังเกต ที่มักจะเกิดขึ้นในการกระจายความถี่ที่สอดคล้องกับค่าความถี่ธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับบางส่วนของโมเลกุลอะตอมหรือไอออนของสารเช่น ความถี่ ต่อการถ่ายโอนพลังงานจากรังสี manent ย่อย¬ท่าทางเกิดขึ้นและการดูดซึมของแสง ) การกล่าวถึงในส่วนในภายหลัง .
กระจายโค้งสำคัญเมื่อเลือกวัสดุสำหรับส่วนประกอบทางแสงของเครื่องมือเป็นสารที่แสดงการกระจายปกติมากกว่าความยาวคลื่น 1 เหมาะสมที่สุดสำหรับการผลิตของเลนส์ที่มีดัชนีหักเหสูงและค่อนข้างคงที่อยู่ที่พึงปรารถนา สีจากอาหาร ( การเกิดสีภาพ ) จะลดลงผ่านทางเลือกของเช่นวัสดุ ในทางตรงกันข้ามท่าทางย่อยที่มีดัชนีหักเหที่ไม่ได้เป็นเพียงขนาดใหญ่ แต่ยังขึ้นอยู่กับความถี่สูงจะถูกเลือกสำหรับ rication FAB ของปริซึม . ภูมิภาคความยาวคลื่นใช้ปริซึมดังนั้นแนวเขตการกระจายผิดปกติสำหรับวัสดุที่เป็นประดิษฐ์ .

6b-8 การหักเหของรังสีเมื่อรังสีผ่านเป็นมุมผ่านรอยต่อระหว่างสองใสสื่อที่แตกต่างกัน sities เดน เป็นผู้เปลี่ยนแปลงในทิศทางหรือการหักเหของแสงที่สังเกตเป็นผลมาจากความแตกต่างในความเร็วของรังสีในสื่อ 2 . เมื่อแสงผ่านจากความหนาแน่นน้อยกว่าเพื่อสิ่งแวดล้อม - หนาแน่นมากขึ้น