Twenty years ago, Blinder and Macci

Twenty years ago, Blinder and Maccini (1991, p. 79) found that the inventory to sales ratios of US companies’
inventories showed no decreasing trend between 1959 and 1986, a result ‘which casts serious doubt on buffer stock
theories of inventory behaviour since computerisation should have reduced the need for inventories as buffers’. This
critical assessment of research on inventories evoked other empirical studies on inventory performance over time –
mainly in the US. Bairam (1996), for example, finds significant downtrends in inventory to sales ratios of individual
US manufacturing firms between 1976 and 1992. Hirsch (1996) discovers improvement in work-in-process and raw
material inventories at least for some manufacturing sectors (e.g. motor vehicles, rubber and plastics) in the US
industry from the late 1960s to the early 1990s but not for manufacturing as a whole. Using aggregate industry data,
Rajagopalan and Malhotra (2001) observe decreasing raw material and work-in-process inventories during the
period between 1961 and 1994 in the majority of the 20 manufacturing sectors analysed. Finished goods inventories
decreased in some industry sectors and increased in a few others but did not show a clear, general trend. Irvine
(2003) identifies downtrends in inventory holding for manufacturers and merchant wholesalers carrying durable
goods in the US since the mid 1980s, whereas nondurable goods retailers’, wholesalers’, and even manufacturers’
finished goods inventories and to some extent work-in-process inventories increased. After investigating the
inventories of 7433 US manufacturing firms, Chen et al. (2005, p. 1021) report that while ‘the medians of raw
materials, finished goods, and total inventory days drop, the means actually rise between 1981 and 2000’, as means
may be influenced by outliers that are focusing on medians. Based on aggregate US industry level data, Shah and
Shin (2007) find that inventory levels trended downward in the manufacturing sector, which occurred rapidly during
the 1990s. Performing the first study for a major European economy, Obermaier and Donhauser (2009) analyse
inventory performance of 100 German stock–listed corporations between 1993 and 2005. Their findings indicate
that the total inventory to sales ratio decreased in four out of six industry sectors, whereas on the firm level, they
find that half of the firms based in industry sectors that are especially well known for their use of just-in-time (JIT)
techniques show a significant decrease in total inventories

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ยี่สิบปีที่ผ่านมา Blinder และ Maccini (1991, p. 79) พบว่าให้อัตราการขายของบริษัทในสหรัฐอเมริกาคงแสดงให้เห็นว่าไม่มีแนวโน้มที่ลดลงระหว่าง 1959 และ 1986 ผล ' ที่มนุษย์สงสัยร้ายแรงในสต็อกบัฟเฟอร์ทฤษฎีพฤติกรรมคงตั้งแต่ computerisation ควรได้ลดลงคงต้องเป็นของบัฟเฟอร์ นี้ประเมินความสำคัญของวิจัยคง evoked คงประสิทธิภาพเวลา – การศึกษาอื่น ๆ รวมส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา Bairam (1996), เช่น พบ downtrends สำคัญในสินค้าคงคลังอัตราขายของแต่ละบุคคลบริษัทผลิตสหรัฐฯ ระหว่าง 1976 และ 1992 เฮิร์ช (1996) พบในงานการทำ และวัตถุดิบที่ปรับปรุงวัสดุคงคลังน้อยในบางภาคการผลิต (เช่นรถยนต์มอเตอร์ ยาง และพลาสติก) ในสหรัฐอเมริกาอุตสาหกรรมจากปี 1960 ปลายช่วงปี 1990 แต่ไม่ สำหรับการผลิตทั้งหมด ใช้ข้อมูลอุตสาหกรรมรวมRajagopalan และ Malhotra (2001) สังเกตลดวัตถุดิบและสินค้าคงคลังงานการทำในระหว่างการระยะ 1961 และปี 1994 ส่วนใหญ่ 20 อุตสาหกรรมการผลิต analysed สินค้าคงคลังเสร็จสิ้นแล้วลดลงในบางภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นในไม่กี่คน แต่ไม่ได้แสดงแนวโน้มที่ชัดเจน ทั่วไป เออร์วิน(2003) ระบุ downtrends ในสต็อกโฮลดิ้งผู้ผลิตและค้าส่งร้านค้าที่ดำเนินการที่ทนทานสินค้าในสหรัฐนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 กลาง ในขณะที่ของร้านค้าปลีกสินค้า nondurable ส่งของ และแม้แต่ผลิตเสร็จแล้วสินค้าคงคลังสินค้า และสินค้าคงคลังงานการทำขอบเขตบางอย่างเพิ่ม หลังจากตรวจสอบการสินค้าคงคลังของบริษัทผลิตสหรัฐฯ 7433, Chen et al. (2005, p. 1021) รายงานว่า ' medians ของดิบวัสดุ สินค้าสำเร็จรูป และสินค้าคงคลังรวมวันหล่น วิธีจริงเพิ่มขึ้นระหว่างปี 1981 และ 2000" เป็นอาจมีผลมาจาก outliers ที่เน้น medians ตามสหรัฐฯ อุตสาหกรรมระดับข้อมูล ชาห์ และชิน (2007) พบว่า ระดับสินค้าคงคลัง trended ลงในภาคการผลิต ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในระหว่างปี 1990 การศึกษาแรกสำหรับเศรษฐกิจยุโรปสำคัญ Obermaier และ Donhauser (2009) วิเคราะห์ประสิทธิภาพของสินค้าคงคลัง 100 เยอรมัน – แสดงหุ้นบริษัทระหว่างปี 1993 และปี 2005 ระบุผลการวิจัยของพวกเขาซึ่งสินค้าคงคลังรวมถึงอัตราการขายลดลงใน 4 จาก 6 ภาคอุตสาหกรรม ในขณะที่ ในระดับบริษัท พวกเขาพบว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมที่มีโดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้จักใช้เพิ่ง--เวลา (JIT)เทคนิคแสดงลดลงอย่างมีนัยสำคัญในสินค้าคงคลังทั้งหมด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ยี่สิบปีที่ผ่านมา Blinder และ Maccini (1991, น. 79) พบว่าสินค้าคงคลังอัตราส่วนการขายของ บริษัท สหรัฐ Twenty years ago, Blinder and Maccini (1991, p. 79) found that the inventory to sales ratios of US companies’
'สินค้าคงเหลือพบว่าไม่มีแนวโน้มลดลงระหว่างปี1959 และปี 1986 inventories showed no decreasing trend between 1959 and 1986, a result ‘which casts serious doubt on buffer stock
เป็นผลมาซึ่งปลดเปลื้องข้อสงสัยอย่างรุนแรงต่อหุ้นบัฟเฟอร์ทฤษฎีพฤติกรรมของสินค้าคงคลังตั้งแต่คอมพิวเตอร์ควรมีการลดความจำเป็นในการสินค้าคงเหลือเป็นบัฟเฟอร์ ' theories of inventory behaviour since computerisation should have reduced the need for inventories as buffers’. This
critical assessment of research on inventories evoked other empirical studies on inventory performance over time –
mainly in the US. Bairam (1996), for example, finds significant downtrends in inventory to sales ratios of individual
US manufacturing firms between 1976 and 1992. Hirsch (1996) discovers improvement in work-in-process and raw
material inventories at least for some manufacturing sectors (e.g. motor vehicles, rubber and plastics) in the US
industry from the late 1960s to the early 1990s but not for manufacturing as a whole. Using aggregate industry data,
Rajagopalan and Malhotra (2001) observe decreasing raw material and work-in-process inventories during the
period between 1961 and 1994 in the majority of the 20 manufacturing sectors analysed. Finished goods inventories
decreased in some industry sectors and increased in a few others but did not show a clear, general trend. Irvine
(2003) identifies downtrends in inventory holding for manufacturers and merchant wholesalers carrying durable
goods in the US since the mid 1980s, whereas nondurable goods retailers’, wholesalers’, and even manufacturers’
finished goods inventories and to some extent work-in-process inventories increased. After investigating the
inventories of 7433 US manufacturing firms, Chen et al. (2005, p. 1021) report that while ‘the medians of raw
materials, finished goods, and total inventory days drop, the means actually rise between 1981 and 2000’, as means
may be influenced by outliers that are focusing on medians. Based on aggregate US industry level data, Shah and
Shin (2007) find that inventory levels trended downward in the manufacturing sector, which occurred rapidly during
the 1990s. Performing the first study for a major European economy, Obermaier and Donhauser (2009) analyse
inventory performance of 100 German stock–listed corporations between 1993 and 2005. Their findings indicate
that the total inventory to sales ratio decreased in four out of six industry sectors, whereas on the firm level, they
find that half of the firms based in industry sectors that are especially well known for their use of just-in-time (JIT)
techniques show a significant decrease in total inventories

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เมื่อ 20 ปีก่อน และ maccini บังตา ( 2534 , หน้า 79 ) พบว่าอัตราส่วนสินค้าคงคลังเพื่อการขายของ บริษัท สหรัฐ '
สินค้าคงคลังไม่มีแนวโน้มลดลงระหว่าง 1959 และ 1986 ผล ' ซึ่งปลดเปลื้องสงสัยอย่างรุนแรงต่อมูลภัณฑ์กันชน
ทฤษฎีพฤติกรรมของสินค้าคงคลังเนื่องจาก computerisation น่าจะลดความต้องการสินค้าคงคลังเป็นบัฟเฟอร์ " นี้
การประเมินงานวิจัยเกี่ยวกับสินค้าคงคลังที่ปรากฏการศึกษาเชิงประจักษ์ในการปฏิบัติงานสินค้าคงคลังมากกว่า
- เวลาส่วนใหญ่ในเรา ไบราม ( 1996 ) , ตัวอย่าง พบว่าระดับ downtrends ในคลังเพื่อขายต่อบุคคล
เราบริษัทผลิตระหว่าง 2519 และ 2535 เฮิร์ช ( 1996 ) พบในการปรับปรุงงานในกระบวนการผลิตและวัตถุดิบ
วัสดุคงคลังอย่างน้อยสำหรับบางภาคการผลิต ( เช่น ยานยนต์ , ยางและพลาสติก ) ในสหรัฐอเมริกา
อุตสาหกรรมจากปลายทศวรรษที่ 1960 ถึงปี 1990 แต่ไม่ใช่สำหรับการผลิตโดยรวม การใช้ข้อมูลอุตสาหกรรมรวม
rajagopalan ช ( 2001 ) และสังเกตการลดวัตถุดิบและสินค้าคงคลังกระบวนการทำงานระหว่าง
ช่วงเวลาระหว่าง 2504 และ 2537 ในส่วนของภาคการผลิต ทั้ง 20 คน เสร็จสินค้าสินค้า
ลดลงในบางภาคอุตสาหกรรม และเพิ่มไม่กี่อื่น ๆแต่ไม่ได้แสดงแนวโน้มทั่วไปที่ชัดเจน . :
( 2546 ) ระบุ downtrends ในคลังไว้สำหรับผู้ผลิตและ wholesalers ร้านค้าแบกทนทาน
สินค้าในสหรัฐฯ ตั้งแต่กลางปี 1980ส่วน nondurable ร้านค้าปลีกค้าส่งสินค้า ' , ' และแม้แต่ผู้ผลิตสินค้าและสินค้าคงคลัง
เสร็จงานบางอย่างในกระบวนการระดับสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น หลังจากตรวจสอบ
สินค้าคงคลังของ 7433 เราบริษัท Chen et al . ( 2548 , หน้า 1021 ) รายงานว่า ในขณะที่ ' มีเดียของดิบ
วัตถุดิบ สินค้าสำเร็จรูป และสินค้าทั้งหมดวันปล่อยหมายถึงจริงเพิ่มขึ้นระหว่างปี 1981 และ 2000 ' , หมายความว่า
อาจจะได้อิทธิพลจากการแจกแจงที่เน้นมีเดีย . บนพื้นฐานของข้อมูลในระดับอุตสาหกรรมโดยรวมเรา Shah และ
ชิน ( 2007 ) พบว่าระดับสินค้าคงคลังมีแนวโน้มลดลงในภาคการผลิตซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง
1990 แสดงการศึกษาแรกเป็นหลักในยุโรปและเศรษฐกิจ โอเบอร์ไมเ ร์ donhauser ( 2009 ) วิเคราะห์
สินค้าคงคลังประสิทธิภาพ 100 หุ้นเยอรมันและ บริษัท ที่จดทะเบียนระหว่างปี พ.ศ. 2548 การค้นพบของพวกเขาบ่งชี้
ที่สินค้าคงคลังรวมเอทานอลลดลงใน 4 จาก 6 ภาค และในระดับที่ บริษัท ที่พวกเขา
พบว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมที่ใช้โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่รู้จักกันดีสำหรับการใช้ในเวลา ( JIT )
เทคนิคการแสดงลดลงอย่างมีนัยสําคัญในสินค้าคงคลังรวม