2.2 Quality of Accounting Informati

2.2 Quality of Accounting Information
In the end of the 1960s, the seminal papers by Ball and Brown (1968) and Beaver (1968) mark the beginning of a new perspective and a new field of study in accounting research, known as information approach. According to Lopes (2002, p. 20), “the information approach thinks of accounting in its role as provider of information for economic agents.” Thus, a number of accounting studies were conducted by using capital market responses to reported earnings to infer the quality of accounting information (Dechow, Ge, & Schrand, 2010). These studies are structured according to the positive theory of accounting approach, where statistical models seek to measure, through the information approach, the association between accounting and market variables (Watts & Zimmerman, 1986).
Almeida (2010) highlights that many users of accounting information have different specific demands. However, meeting every demand might entail a high cost for preparing and disclosing such information. Thus, the agencies responsible for issuing pronouncements – such as the CPC – recommend that the accounting information produced and disseminated meet the largest number of general users possible.
As already mentioned, in the current literature there is no consensus metrics for measuring the quality of accounting information. Thus, many researchers resorted to models that capture various accounting properties, such as: relevance, results management, conservatism, earnings informativeness, and timing (Wang, 2006; Lopes, 2009; Almeida, 2010). In this study, the quality of accounting information will be analyzed from the perspective of accounting information relevance and earnings informativeness.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

2.2 คุณภาพของข้อมูลทางบัญชีในปลายทศวรรษ 1960 กระดาษบรรลุ โดยลูก และสีน้ำตาล (1968) และ Beaver (1968) ทำเครื่องหมายจุดเริ่มต้นของมุมมองใหม่และฟิลด์ใหม่ในบัญชีวิจัย เป็นข้อมูลแนวทางการเรียน ตามโลเปส (2002, p. 20), "การข้อมูลวิธีคิดของการบัญชีในฐานะผู้ให้บริการข้อมูลสำหรับตัวแทนทางเศรษฐกิจ" ดังนั้น จำนวนของการศึกษาทางบัญชีได้ดำเนินการ โดยใช้การตอบสนองตลาดทุนกำไรรายงานสรุปคุณภาพของข้อมูลบัญชี (Dechow, Ge, & Schrand, 2010) การศึกษาเหล่านี้มีโครงสร้างตามทฤษฎีบวกบัญชีวิธี ที่วัด ผ่านวิธีข้อมูล ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรการบัญชีและการตลาด (วัตต์ & Zimmerman, 1986) หาโมเดลทางสถิติ หน้า (2010) เน้นว่า ผู้ใช้จำนวนมากของข้อมูลทางบัญชีมีความต้องการเฉพาะที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ประชุมทุกความต้องการอาจนำมาซึ่งต้นทุนสูงสำหรับการเตรียม และการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ดังนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบการออก pronouncements –เช่น CPC – ขอแนะนำว่า ข้อมูลบัญชีผลิต และเผยแพร่ตามจำนวนผู้ใช้ทั่วไปเป็นไปได้ที่สุด เป็นโบราณคดี วรรณกรรมปัจจุบัน มีวัดไม่มีฉันทามติการวัดคุณภาพของข้อมูลทางบัญชี ดังนั้น นักวิจัยหลาย resorted ที่จับคุณสมบัติบัญชีต่าง ๆ เช่น: ความเกี่ยวข้อง การจัดการผลลัพธ์ อนุรักษนิยม informativeness กำไร และเวลา (วัง 2006 โลเปส 2009 ถนน 2010) ในการศึกษานี้ คุณภาพของข้อมูลทางบัญชีจะวิเคราะห์จากมุมมองของบัญชีข้อมูลความเกี่ยวข้องและกำไร informativeness

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

2.2 คุณภาพของข้อมูลบัญชี
ในตอนท้ายของทศวรรษที่ 1960 ที่เอกสารน้ำเชื้อโดยบอลและบราวน์ (1968) และช่องคลอด (1968) จุดเริ่มต้นของมุมมองใหม่และเขตข้อมูลใหม่ของการศึกษาในการวิจัยการบัญชี, ที่รู้จักกันเป็นวิธีการข้อมูล ตามที่โลเปส (2002, น. 20), "วิธีการข้อมูลที่คิดว่าการบัญชีในบทบาทของการเป็นผู้ให้บริการข้อมูลสำหรับตัวแทนทางเศรษฐกิจ." ดังนั้นจำนวนของการศึกษาบัญชีที่ได้ดำเนินการโดยใช้การตอบสนองของตลาดทุนที่จะรายงานกำไรที่จะสรุป คุณภาพของข้อมูลทางบัญชี (Dechow จีอีและ Schrand 2010) การศึกษาเหล่านี้มีโครงสร้างตามทฤษฎีในเชิงบวกของวิธีการบัญชีที่แบบจำลองทางสถิติแสวงหาการวัดผ่านวิธีข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรการบัญชีและการตลาด (วัตต์และ Zimmerman, 1986).
อัลเมดา (2010) ไฮไลท์ที่ผู้ใช้จำนวนมากของการบัญชี ข้อมูลมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจงที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามการประชุมทุกความต้องการที่อาจก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงในการจัดทำและการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ดังนั้นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการออกแถลงการณ์ - เช่น CPC - การแนะนำให้ข้อมูลทางบัญชีที่ผลิตและเผยแพร่ตอบสนองจำนวนมากที่สุดของผู้ใช้ทั่วไปที่เป็นไปได้.
ที่กล่าวถึงแล้วในวรรณกรรมปัจจุบันไม่มีตัวชี้วัดฉันทามติในการวัดคุณภาพของการบัญชี ข้อมูล. ดังนั้นนักวิจัยหลายคนหันไปใช้รุ่นที่จับคุณสมบัติบัญชีต่างๆเช่นความสัมพันธ์กันในการจัดการผลการอนุรักษ์กำไร informativeness และระยะเวลา (วัง 2006 Lopes 2009; Almeida, 2010) ในการศึกษานี้คุณภาพของข้อมูลบัญชีที่จะได้รับการวิเคราะห์จากมุมมองของข้อมูลทางบัญชีความสัมพันธ์กันและกำไร informativeness

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

2.2 คุณภาพของข้อมูลทางการบัญชีในตอนท้ายของทศวรรษที่ 1960 , สร้างเอกสารโดยบอลและสีน้ำตาล ( 1968 ) และช่องคลอด ( 1968 ) ทำเครื่องหมายจุดเริ่มต้นของมุมมองที่ใหม่และสนามใหม่ของการศึกษาวิจัยทางบัญชี , ที่รู้จักกันเป็นวิธีการข้อมูล ตาม โลเปซ ( 2002 , 20 หน้า ) " วิธีคิดของข้อมูลบัญชีในบทบาทเป็นผู้ให้บริการข้อมูลสำหรับตัวแทนทางเศรษฐกิจ . " ดังนั้น , จํานวนของการศึกษาบัญชีทำการทดลองโดยใช้การตอบสนองตลาดทุนจะรายงานผลประกอบการ สรุปว่า คุณภาพของข้อมูลทางการบัญชี ( dechow , GE , และ schrand , 2010 ) การศึกษาเหล่านี้มีโครงสร้างตามทฤษฎีเชิงบวกของวิธีการบัญชีที่แบบจำลองทางสถิติหาวัด ผ่านวิธีการข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรและตลาดการบัญชี ( วัตต์ & Zimmerman , 1986 )อัลเมด้า ( 2010 ) เน้นว่าผู้ใช้มีความต้องการที่เฉพาะเจาะจงมากของข้อมูลทางบัญชีที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม การประชุมทุกความต้องการอาจครอบคลุมค่าใช้จ่ายสูงสำหรับการจัดทำและเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ดังนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบในการออก pronouncements –เช่น CPC –แนะนำว่าบัญชีข้อมูลที่ผลิตและเผยแพร่ตามหมายเลขที่ใหญ่ที่สุดของผู้ใช้ที่เป็นไปได้ทั่วไปดังที่ได้กล่าวไว้ในวรรณกรรมปัจจุบันไม่มีฉันทามติการวัดคุณภาพของข้อมูลทางการบัญชี ดังนั้น นักวิจัยหลายคนหันไปใช้โมเดลที่ยึดสมบัติ บัญชีต่าง ๆเช่น : ความเกี่ยวข้อง , การจัดการรายได้สารประโยชน์อนุรักษนิยม , ผลลัพธ์ , และเวลา ( วัง , 2006 ; โลเปซ , 2009 ; อัลเมด้า , 2010 ) การศึกษาคุณภาพของข้อมูลบัญชีจะถูกวิเคราะห์จากมุมมองของความเกี่ยวข้องของข้อมูลบัญชีรายได้ และสารประโยชน์ .