The primary steps in the target cos

The primary steps in the target costing process are:

1.Conduct research. The first step is to review the marketplace in which the company wants to sell products. The design team needs to determine the set of product features that customers are most likely to buy, and the amount they will pay for those features. The team must learn about the perceived value of individual features, in case they later need to determine what impact there will be on the product price if they drop one or more features. It may be necessary to later drop a product feature if the team decides that it cannot provide the feature while still meeting its target cost. At the end of this process, the team has a good idea of the target price at which it can sell the proposed product with a certain set of features, and how it must alter the price if it drops some features from the product.
2.Calculate maximum cost. The company provides the design team with a mandated gross margin that the proposed product must earn. By subtracting the mandated gross margin from the projected product price, the team can easily determine the maximum target cost that the product must achieve before it can be allowed into production.
3.Engineer the product. The engineers and procurement personnel on the team now take the leading role in creating the product. The procurement staff is particularly important if the product has a high proportion of purchased parts; they must determine component pricing based on the necessary quality, delivery, and quantity levels expected for the product. They may also be involved in outsourcing parts, if this results in lower costs. The engineers must design the product to meet the cost target, which will likely include a number of design iterations to see which combination of revised features and design considerations results in the lowest cost.
4.Ongoing activities. Once a product design is finalized and approved, the team is reconstituted to include fewer designers and more industrial engineers. The team now enters into a new phase of reducing production costs, which continues for the life of the product. For example, cost reductions may come from waste reductions in production (known as kaizen costing), or from planned supplier cost reductions. These ongoing cost reductions yield enough additional gross margin for the company to further reduce the price of the product over time, in response to increases in the level of competition.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีขั้นตอนหลักในกระบวนการการคิดต้นทุนเป้าหมาย:1.ดำเนินการวิจัย ขั้นตอนแรกคือการ ตรวจสอบตลาดที่บริษัทต้องการขายสินค้า ทีมออกแบบต้องกำหนดชุดของคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้ามักจะซื้อ ยอดเงินที่จะจ่ายสำหรับคุณลักษณะเหล่านั้น ทีมงานต้องเรียนรู้เกี่ยวกับมูลค่าการรับรู้ของแต่ละคุณลักษณะ ในกรณีที่พวกเขาต้องการมีผลกระทบอะไรจะราคาผลิตภัณฑ์จะวางอย่าง น้อยหนึ่งคุณลักษณะในภายหลัง อาจจำเป็นต้องปล่อยคุณลักษณะผลิตภัณฑ์ในภายหลังถ้าทีมงานตัดสินใจที่ จะไม่ให้คุณลักษณะขณะยัง ประชุมต้นทุนเป้าหมาย ในตอนท้ายของกระบวนการนี้ ทีมงานที่มีความคิดที่ดีของราคาเป้าหมายที่มันสามารถขายผลิตภัณฑ์นำเสนอชุดคุณลักษณะ และวิธีมันต้องเปลี่ยนราคาถ้ามันหยดบางคุณลักษณะจากผลิตภัณฑ์2.คำนวณต้นทุนที่สูงสุด บริษัทมีทีมงานออกแบบ มีกำไรขั้นต้นกำหนดไว้ที่ผลิตภัณฑ์ที่เสนอต้องได้รับ โดยลบกำไรขั้นต้นกำหนดจากราคาสินค้าที่คาดการณ์ ทีมสามารถได้กำหนดเป้าหมายสูงสุดต้นทุนที่ผลิตภัณฑ์ต้องให้ได้ก่อนที่มันจะทำได้เป็นได้3.วิศวกรผลิตภัณฑ์ วิศวกรและเจ้าหน้าที่จัดซื้อในทีมตอนนี้รับบทบาทผู้นำในการสร้างผลิตภัณฑ์ พนักงานจัดซื้อเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผลิตภัณฑ์มีสัดส่วนที่สูงของอะไหล่ที่สั่งซื้อ จะต้องกำหนดราคาส่วนประกอบตามจำเป็นคุณภาพ จัดส่ง และปริมาณระดับที่คาดไว้สำหรับสินค้า พวกเขาอาจจะเกี่ยวในส่วนผู้รับเหมาช่วง ซึ่งผลในการลดค่าใช้จ่าย วิศวกรต้องออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองเป้าหมายต้นทุน ซึ่งอาจจะรวมตัวเลขออกซ้ำเพื่อดูการผสมปรับปรุงคุณลักษณะ และการออกแบบพิจารณาผลในต้นทุนต่ำ4.กิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เมื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย และได้รับอนุมัติ ทีมเป็น reconstituted น้อยนักออกแบบและวิศวกรอุตสาหกรรมเพิ่มเติม ทีมตอนนี้ป้อนเข้าไปในเฟสใหม่ลดต้นทุนการผลิต การดำเนินชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตัวอย่าง ลดต้นทุนอาจมา จากการลดขยะในการผลิต (เรียกว่าการคิดต้นทุนไคเซ็น), หรือลดต้นทุนผู้วางแผน ลดต้นทุนอย่างต่อเนื่องเหล่านี้ผลตอบแทนกำไรขั้นต้นเพิ่มเติมเพียงพอสำหรับบริษัทที่จะลดราคาสินค้าช่วงเวลา การเพิ่มขึ้นของระดับของการแข่งขัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ขั้นตอนหลักในเป้าหมายต้นทุนกระบวนการ: 1.Conduct วิจัย ขั้นตอนแรกคือการตรวจสอบตลาดที่ บริษัท ต้องการที่จะขายสินค้า ทีมออกแบบต้องการที่จะตรวจสอบการตั้งค่าคุณสมบัติของสินค้าที่ลูกค้าส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะซื้อและจำนวนเงินที่พวกเขาจะจ่ายสำหรับคุณสมบัติเหล่านั้น ทีมจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการรับรู้คุณค่าของคุณสมบัติของแต่ละบุคคลในกรณีที่ต่อมาต้องตรวจสอบสิ่งที่ผลกระทบที่จะมีต่อราคาสินค้าในกรณีที่พวกเขาวางหนึ่งหรือคุณสมบัติอื่น ๆ มันอาจจะเป็นสิ่งจำเป็นที่จะลดลงในภายหลังคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ถ้าทีมตัดสินใจว่ามันไม่สามารถให้คุณลักษณะขณะที่ยังคงค่าใช้จ่ายในการประชุมเป้าหมาย ในตอนท้ายของกระบวนการนี้ทีมมีความคิดที่ดีของราคาเป้าหมายที่จะสามารถเสนอขายสินค้าที่มีบางชุดของคุณสมบัติและวิธีการที่จะต้องปรับเปลี่ยนราคาถ้ามันหยดคุณสมบัติบางอย่างจากผลิตภัณฑ์. 2 คำนวณค่าใช้จ่ายสูงสุด บริษัท ให้ทีมงานออกแบบที่มีอัตรากำไรขั้นต้นได้รับคำสั่งว่าจะต้องได้รับผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ โดยการลบอัตรากำไรขั้นต้นได้รับคำสั่งจากราคาสินค้าที่คาดว่าทีมสามารถกำหนดค่าเป้าหมายสูงสุดที่ผลิตภัณฑ์จะต้องประสบความสำเร็จก่อนที่จะสามารถได้รับอนุญาตในการผลิต. 3.Engineer สินค้า วิศวกรและบุคลากรจัดซื้อจัดจ้างในทีมตอนนี้ใช้เวลาบทบาทนำในการสร้างผลิตภัณฑ์ พนักงานจัดซื้อจัดจ้างเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนที่สูงของส่วนซื้อ; พวกเขาจะต้องตรวจสอบการกำหนดราคาขึ้นอยู่กับองค์ประกอบที่จำเป็นที่มีคุณภาพและการส่งมอบและระดับปริมาณที่คาดว่าสำหรับผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังอาจจะมีส่วนร่วมในส่วนการจ้างถ้าส่งผลให้ค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า วิศวกรต้องออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองเป้าหมายของค่าใช้จ่ายซึ่งอาจจะรวมถึงจำนวนของการแสดงการออกแบบเพื่อดูว่าการรวมกันของคุณสมบัติและการออกแบบปรับปรุงผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายต่ำสุด. กิจกรรม 4.Ongoing เมื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีการสรุปและได้รับการอนุมัติทีมงานจะสร้างขึ้นที่จะรวมถึงนักออกแบบและวิศวกรน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทีมในขณะนี้เข้าสู่เฟสใหม่ของการลดต้นทุนการผลิตที่ยังคงสำหรับชีวิตของผลิตภัณฑ์ ยกตัวอย่างเช่นการลดลงของค่าใช้จ่ายที่อาจมาจากการลดของเสียในการผลิต (เรียกว่าต้นทุนไคเซ็น) หรือลดค่าใช้จ่ายจากผู้จัดจำหน่ายที่วางแผนไว้ เหล่านี้ลดค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องผลผลิตพอที่อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นสำหรับ บริษัท ที่จะลดราคาของสินค้าในช่วงเวลาในการตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของระดับของการแข่งขัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ขั้นตอนหลักในการคิดต้นทุนเป้าหมาย :

1.conduct การวิจัย ขั้นตอนแรกคือการตรวจสอบตลาดที่ บริษัท ต้องการที่จะขายสินค้า ทีมออกแบบต้องการเพื่อกำหนดชุดของสินค้าที่ลูกค้าส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะซื้อ และจำนวนเงินที่พวกเขาจะจ่ายสำหรับคุณสมบัติเหล่านั้น ทีมจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการรับรู้คุณค่าของลักษณะส่วนบุคคลในกรณีที่พวกเขาในภายหลัง ต้องพิจารณาผลกระทบที่จะมีต่อราคาสินค้าถ้าพวกเขาวางหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งคุณสมบัติ มันอาจจะต้องหลังวางคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ถ้าทีมตัดสินใจว่ามันไม่สามารถให้คุณสมบัติในขณะที่ยังคงประชุมต้นทุนเป้าหมาย ในตอนท้ายของกระบวนการนี้ทีมมีความคิดที่ดีของราคาเป้าหมายที่สามารถขายเสนอสินค้ากับบางชุดของคุณสมบัติและวิธีการมันก็ต้องเปลี่ยน ราคาถ้าหยดคุณสมบัติบางส่วนจากผลิตภัณฑ์
2.calculate สูงสุดต้นทุน บริษัท มีทีมงานออกแบบที่มีการบังคับยอดรายรับที่เสนอผลิตภัณฑ์ ต้องได้รับ โดยการลบยอดรายรับในอาณัติจากคาดการณ์ผลิตภัณฑ์ราคาทีมงานสามารถกำหนดต้นทุนเป้าหมายสูงสุดว่าผลิตภัณฑ์จะต้องบรรลุก่อนที่จะสามารถได้รับอนุญาตในการผลิต .
3.engineer ผลิตภัณฑ์ วิศวกรและบุคลากรจัดหาในทีมตอนนี้ใช้บทบาทในการสร้างผลิตภัณฑ์ เจ้าหน้าที่จัดซื้อจัดจ้างเป็นสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสินค้ามีสัดส่วนสูงซื้อส่วนพวกเขาจะต้องกำหนดราคาชิ้นส่วนตามส่งมอบคุณภาพที่จำเป็น และระดับปริมาณที่คาดหวังสำหรับผลิตภัณฑ์ พวกเขายังอาจมีส่วนร่วมในการจ้างส่วน หากผลนี้ในการลดต้นทุน วิศวกรต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามเป้าหมาย ต้นทุนซึ่งจะรวมถึงจำนวนของการทำซ้ำการออกแบบเพื่อดูการแก้ไขคุณสมบัติและการออกแบบที่คำนึงถึงผลในราคาที่ถูกที่สุด 4.ongoing
กิจกรรม เมื่อออกแบบเสร็จแล้ว และได้รับการอนุมัติ ทีมนักออกแบบและวิศวกรสามารถรวมน้อยกว่าอุตสาหกรรมมากขึ้น ทีมตอนนี้เข้าสู่เฟสใหม่ของการลดต้นทุนการผลิตซึ่งยังคงสำหรับชีวิตของผลิตภัณฑ์ เช่น ลดต้นทุนในการผลิตอาจมาจากของเสียลดลง ( เรียกว่า KAIZEN ทุน ) หรือจากแผนผู้ผลิตลดต้นทุน . ลดต้นทุนเพิ่มผลผลิตเหล่านี้อย่างต่อเนื่องเพียงพอกําไรสุทธิสำหรับ บริษัท ที่จะช่วยลดราคาของผลิตภัณฑ์ตลอดเวลา ในการตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นในระดับของการแข่งขัน