Hemodialysis often involves fluid r

Hemodialysis often involves fluid removal (through ultrafiltration), because most patients with renal failure pass little or no urine. Side effects caused by removing too much fluid and/or removing fluid too rapidly include low blood pressure, fatigue, chest pains, leg-cramps, nausea and headaches. These symptoms can occur during the treatment and can persist post treatment; they are sometimes collectively referred to as the dialysis hangover or dialysis washout. The severity of these symptoms is usually proportionate to the amount and speed of fluid removal. However, the impact of a given amount or rate of fluid removal can vary greatly from person to person and day to day. These side effects can be avoided and/or their severity lessened by limiting fluid intake between treatments or increasing the dose of dialysis e.g. dialyzing more often or longer per treatment than the standard three times a week, 3–4 hours per treatment schedule.

Since hemodialysis requires access to the circulatory system, patients undergoing hemodialysis may expose their circulatory system to microbes, which can lead to sepsis, an infection affecting the heart valves (endocarditis) or an infection affecting the bones (osteomyelitis). The risk of infection varies depending on the type of access used (see below). Bleeding may also occur, again the risk varies depending on the type of access used. Infections can be minimized by strictly adhering to infection control best practices.

Heparin is the most commonly used anticoagulant in hemodialysis, as it is generally well tolerated and can be quickly reversed with protamine sulfate. Heparin allergy can infrequently be a problem and can cause a low platelet count. In such patients, alternative anticoagulants can be used. In patients at high risk of bleeding, dialysis can be done without anticoagulation.

First Use Syndrome is a rare but severe anaphylactic reaction to the artificial kidney. Its symptoms include sneezing, wheezing, shortness of breath, back pain, chest pain, or sudden death. It can be caused by residual sterilant in the artificial kidney or the material of the membrane itself. In recent years, the incidence of First Use Syndrome has decreased, due to an increased use of gamma irradiation, steam sterilization, or electron-beam radiation instead of chemical sterilants, and the development of new semipermeable membranes of higher biocompatibility. New methods of processing previously acceptable components of dialysis must always be considered. For example, in 2008, a series of first-use type of reactions, including deaths, occurred due to heparin contaminated during the manufacturing process with oversulfated chondroitin sulfate.[11]

Longterm complications of hemodialysis include amyloidosis, neuropathy and various forms of heart disease. Increasing the frequency and length of treatments have been shown to improve fluid overload and enlargement of the heart that is commonly seen in such patients.[12][13] Due to these complications, the prevalence of complementary and alternative medicine use is high among patients undergoing hemodialysis.[14][15]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไตมักจะเกี่ยวข้องกับกำจัดของเหลว (ผ่าน ultrafiltration), เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ มีภาวะไตวายผ่านปัสสาวะน้อย หรือไม่มี ผลข้างเคียงที่เกิดจากการเอาของเหลวมากเกินไป หรือเอาน้ำมันอย่างรวดเร็วเกินไปรวมถึงความดันโลหิตต่ำ ความอ่อนเพลีย ปวดหน้าอก ปวดขา คลื่นไส้ และปวดหัว อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นระหว่างการรักษา และสามารถคงอยู่โพสต์การรักษา พวกเขาบางครั้งโดยรวมอย่างเป็นเมาหน่วยหรือหน่วยไปกวาดออก ความรุนแรงของอาการเหล่านี้มักตามจำนวนและความเร็วของของเหลวเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของการกำหนดจำนวนหรืออัตราการกำจัดของเหลวสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างมากจากคนสู่คน และวัน ผลข้างเคียงเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยง หรือจัดตารางเวลา 3 – 4 ชั่วโมงรักษาความรุนแรงน้อย โดยจำกัดปริมาณของเหลวระหว่างการรักษา หรือเพิ่มปริมาณของหน่วยเช่น dialyzing บ่อย หรือยาวกว่าต่อรักษามาตรฐานสามครั้งต่อสัปดาห์เนื่องจากไตต้องการเข้าถึงระบบไหลเวียนโลหิต ผู้ป่วยผ่าตัดไตอาจทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตของจุลินทรีย์ ซึ่งสามารถนำไปสู่ sepsis ติดเชื้อส่งผลกระทบต่อวาล์วหัวใจ (เยื่อบุหัวใจอักเสบ) หรือการติดเชื้อที่มีผลต่อกระดูก (osteomyelitis) ความเสี่ยงของการติดเชื้อแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของการเข้าใช้ (ดูด้านล่าง) เลือดอาจเกิดขึ้น อีกความเสี่ยงแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของการเข้าใช้ สามารถจะลดการติดเชื้อ โดยยึดมั่นติดเชื้อควบคุมแนวทางปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเฮพารินเป็นสุดใช้ anticoagulant ในไต มันยังโดยทั่วไปดีสม และสามารถจะย้อนกลับอย่างรวดเร็วกับ protamine ซัลเฟต เฮพารินแพ้ขึ้นนาน ๆ ครั้งเป็นปัญหา และสามารถทำให้จำนวนเกล็ดเลือดต่ำ ในผู้ป่วยดังกล่าว anticoagulants อื่นสามารถใช้ ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงของเลือด หน่วยสามารถทำได้ โดย anticoagulationแรกใช้เป็นที่หายาก แต่รุนแรง anaphylactic ปฏิกิริยาการไตเทียม ของอาการได้แก่จาม หายใจหอบ หายใจถี่ ปวด เจ็บหน้าอก หรือการใช้ sudden death อาจมีสาเหตุจาก sterilant เหลือไตเทียมหรือวัสดุของเมมเบรนเอง ในปีล่าสุด อุบัติการณ์ของกลุ่มอาการใช้แรกได้ลดลง การเพิ่มการใช้วิธีการฉายรังสีแกมมา ฆ่าเชื้อไอน้ำ หรือรังสีของลำแสงอิเล็กตรอนแทนเคมี sterilants และการพัฒนาเยื่อหุ้ม semipermeable ใหม่ของ biocompatibility สูง จะต้องพิจารณาวิธีใหม่ของการยอมรับก่อนหน้านี้ส่วนประกอบของหน่วยประมวลผล ตัวอย่าง ใน 2008 ชุดที่ใช้ชนิดของปฏิกิริยา เสียชีวิต รวมทั้งเกิดปนเปื้อนในระหว่างกระบวนการผลิตมี chondroitin oversulfated ซัลเฟตเฮพาริน [11]ภาวะแทรกซ้อนตนของไตรวม amyloidosis, neuropathy และแบบฟอร์มต่าง ๆ ของโรคหัวใจ เพิ่มความถี่และความยาวของการรักษามีการแสดงการปรับปรุงของเหลวเกินพิกัดและขยายขนาดของหัวใจที่เห็นได้ทั่วไปในผู้ป่วยดังกล่าว [12] [13] เนื่องภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ ความชุกของการแพทย์เสริม และทางเลือกใช้เป็นสูงในผู้ป่วยผ่าตัดไต [14] [15]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไตเทียมมักจะเกี่ยวข้องกับการกำจัดของเหลว (ผ่านการกรอง) เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีภาวะไตวายปัสสาวะน้อยหรือไม่มีเลย ผลข้างเคียงที่เกิดจากการเอาของเหลวมากเกินไปและ / หรือการเอาของเหลวอย่างรวดเร็วเกินไปรวมถึงความดันโลหิตต่ำ, ความเมื่อยล้าปวดหน้าอก, ขาปวด, คลื่นไส้และปวดหัว อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างการรักษาและสามารถรักษายังคงโพสต์; บางครั้งพวกเขาจะเรียกว่าอาการเมาค้างล้างไตหรือการชะล้างฟอกไต ความรุนแรงของอาการเหล่านี้มักจะเป็นสัดส่วนกับปริมาณและความเร็วของการกำจัดของเหลว อย่างไรก็ตามผลกระทบของจำนวนที่กำหนดหรืออัตราการกำจัดน้ำจะแตกต่างกันอย่างมากจากคนสู่คนและในแต่ละวัน ผลข้างเคียงเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้และ / หรือความรุนแรงของพวกเขาลดลงโดยการ จำกัด การดื่มน้ำระหว่างการรักษาหรือเพิ่มปริมาณของการฟอกเลือดเช่น dialyzing บ่อยขึ้นหรือนานต่อการรักษากว่ามาตรฐานสามครั้งต่อสัปดาห์ 3-4 ชั่วโมงต่อตารางเวลาการรักษา. ตั้งแต่การฟอกเลือด จะต้องเข้าถึงระบบไหลเวียนเลือดผู้ป่วยเข้ารับการฟอกเลือดอาจทำให้ระบบไหลเวียนเลือดของพวกเขาเพื่อจุลินทรีย์ที่สามารถนำไปสู่การติดเชื้อ, การติดเชื้อที่มีผลต่อลิ้นหัวใจ (เยื่อบุหัวใจอักเสบ) หรือการติดเชื้อที่มีผลต่อกระดูก (osteomyelitis) ความเสี่ยงของการติดเชื้อจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของการเข้าถึงที่ใช้ (ดูด้านล่าง) มีเลือดออกที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้งมีความเสี่ยงแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของการเข้าถึงการใช้ การติดเชื้อจะลดลงอย่างเคร่งครัดโดยยึดมั่นในการควบคุมการติดเชื้อปฏิบัติที่ดีที่สุด. เฮเป็นสารกันเลือดแข็งที่ใช้กันมากที่สุดในการฟอกเลือดเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปและสามารถย้อนกลับได้อย่างรวดเร็วด้วยซัลเฟต protamine โรคภูมิแพ้เฮนาน ๆ อาจจะเป็นปัญหาและอาจทำให้เกิดการนับเกล็ดเลือดต่ำ ในผู้ป่วยดังกล่าว anticoagulants ทางเลือกที่สามารถนำมาใช้ ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงของเลือดล้างไตสามารถทำได้โดยไม่ต้อง anticoagulation. ซินโดรมใช้ครั้งแรกเป็นปฏิกิริยา anaphylactic ที่หายาก แต่อย่างรุนแรงต่อไตเทียม อาการของมันรวมถึงจามหอบหายใจถี่, ปวดหลังอาการเจ็บหน้าอกหรือเสียชีวิตอย่างกะทันหัน มันอาจเกิดจาก sterilant ตกค้างในไตเทียมหรือวัสดุเมมเบรนของตัวเอง ในปีที่ผ่านมาอุบัติการณ์ของโรคใช้ครั้งแรกได้ลดลงเนื่องจากการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของการฉายรังสีแกมมาฆ่าเชื้ออบไอน้ำหรือการฉายรังสีลำแสงอิเล็กตรอนแทนสารเคมี Sterilants และการพัฒนาของเยื่อ semipermeable ใหม่ของกันได้ทางชีวภาพสูง วิธีการใหม่ของการประมวลผลชิ้นส่วนก่อนหน้านี้ได้รับการยอมรับของการฟอกเลือดจะต้องได้รับการพิจารณาเสมอ ยกตัวอย่างเช่นในปี 2008 ชุดของชนิดแรกที่ใช้ในการเกิดปฏิกิริยารวมทั้งการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากเฮปนเปื้อนในระหว่างกระบวนการผลิตที่มีซัลเฟต chondroitin oversulfated. [11] ภาวะแทรกซ้อนระยะยาวของการฟอกเลือดรวมถึง amyloidosis อักเสบและรูปแบบต่างๆของโรคหัวใจ . การเพิ่มความถี่และระยะเวลาของการรักษาที่ได้รับการแสดงเพื่อปรับปรุงเกินของเหลวและการขยายตัวของการเต้นของหัวใจที่เห็นได้บ่อยในผู้ป่วยดังกล่าว. [12] [13] เนื่องจากภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ความชุกของการใช้ยาเสริมและทางเลือกที่อยู่ในระดับสูงในผู้ป่วย ระหว่างการฟอกเลือด. [14] [15]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมมักจะเกี่ยวข้องกับการกำจัดของเหลว ( ผ่านกรอง ) เพราะส่วนใหญ่ป่วยด้วยโรคไตปัสสาวะน้อยลง หรือไม่ ผลข้างเคียงที่เกิดจากการเอาของเหลวมากเกินไปและ / หรือการเอาของเหลวมากเกินไปอย่างรวดเร็วรวมถึงความดันเลือดต่ำ อ่อนเพลีย ปวดหน้าอก ขาเป็นตะคริว คลื่นไส้ และปวดหัว อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างการรักษา และสามารถคงอยู่โพสต์การรักษา ;บางครั้งพวกเขาจะรวมเรียกว่า ไต ฟอกเลือด แก้อาการเมาค้าง หรือการชะล้าง ความรุนแรงของอาการเหล่านี้มักจะเป็นสัดส่วนกับปริมาณและความเร็วของการกำจัดของเหลว อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของปริมาณหรืออัตราการกรองของเหลวให้สามารถแตกต่างกันอย่างมากจากคนสู่คน และในวันผลข้างเคียงเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ และ / หรือ ความรุนแรงของพวกเขาโดยการ จำกัด การบริโภคลดลงของเหลวระหว่างการรักษาหรือเพิ่มขนาดของไต เช่น dialyzing บ่อย หรือต่อการรักษากว่ามาตรฐานสามครั้งต่อสัปดาห์ , 3 - 4 ชั่วโมง ต่อ ตารางการรักษา

เนื่องจากไตต้องเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมอาจเปิดเผยระบบไหลเวียนโลหิตของจุลินทรีย์ ซึ่งสามารถนำไปสู่การติดเชื้อ การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ ( มีผลต่อเยื่อบุหัวใจอักเสบ ) หรือมีการติดเชื้อที่มีผลต่อกระดูก ( osteomyelitis ) ความเสี่ยงของการติดเชื้อแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของการเข้าถึงที่ใช้ ( ดูด้านล่าง ) เลือดออกอาจเกิดขึ้นอีกครั้งความเสี่ยงแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของการเข้าถึงที่ใช้เชื้อสามารถทำได้โดยอย่างเคร่งครัดยึดมั่นในการปฏิบัติที่ดีที่สุดการควบคุมการติดเชื้อ

heparin คือ ส่วนใหญ่นิยมใช้เลือดในไต เป็นโดยทั่วไปแล้วยอมรับได้ และสามารถกลับได้อย่างรวดเร็วด้วยโพรทามีน ซัลเฟต แพ้ยาอาจไม่บ่อยเป็นปัญหาและสามารถทำให้เกล็ดเลือดต่ำ ในผู้ป่วย เช่น นฤบาล ทางเลือกที่สามารถใช้ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในเลือด และสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ซินโดรมก่อน

จะหายาก แต่ปฏิกิริยา anaphylactic รุนแรงไตเทียม อาการของ บริษัท ได้แก่ จาม หอบ หายใจถี่ เจ็บ เจ็บที่หน้าอก หลัง หรือตายอย่างฉับพลัน อาจจะเกิดจาก sterilant ตกค้างในไตเทียมหรือวัสดุเมมเบรนนั่นเอง . ใน ปี ล่าสุดอุบัติการณ์ของกลุ่มอาการก่อนมีการใช้ลดลง เนื่องจากการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของรังสีแกมมา , ฆ่าเชื้อไอน้ำหรือลำอิเล็กตรอนแทนสารเคมี รังสี sterilants และการพัฒนายาใหม่ของเยื่อสูงขึ้น biocompatibility . วิธีการใหม่ของการประมวลผลยอมรับก่อนหน้านี้ส่วนประกอบของไตมักจะต้องได้รับการพิจารณา ตัวอย่างเช่น ในปี 2008 ,ชุดของประเภทการใช้งานแรกของปฏิกิริยา รวมทั้งการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นเนื่องจากการปนเปื้อนในระหว่างกระบวนการผลิตยาด้วย oversulfated chondroitin ซัลเฟต [ 11 ]

ประสบภาวะแทรกซ้อนของไต รวมถึงจัดอันดับ neuropathy , และรูปแบบต่างๆของการเกิดโรคหัวใจการเพิ่มความถี่และความยาวของการรักษาที่ได้รับการแสดงเพื่อปรับปรุงของเหลวเกินพิกัดและขยายของหัวใจที่มักพบในผู้ป่วยดังกล่าว . [ 12 ] [ 13 ] เนื่องจากภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ ความชุกของการผสมผสานและการใช้การแพทย์ทางเลือกสูงของผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม [ 14 ] [ 15 ]