ดิฉันคิดว่าดิฉันจะสอนเด็กๆตามรูปแบบเฉพาะตัวของชิจิดะที่ดิฉันได้รับการอบรมมาอย่างถูกต้องครบถ้วนทั้ง 16 ขั้นตอน เพื่อให้เด็กๆที่เรียนกับดิฉันได้รับความรู้ มีพัฒนาการทางด้านสมองทั้งซีกซ้ายและซีกขวา และแสดงความสามารถของตนเองที่มีอยู่ออกมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งวิธีการสอนของดิฉันอาจจะมีการสอดแทรกความเป็นตัวเองลงไปด้วย ทั้งในเรื่องของวิธีการพูดและการสร้างบรรยากาศในห้องเรียนที่เน้นความสนุกสนาน เพื่อให้การเรียนการสอนมีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น อีกทั้งดิฉันต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการจัดเกมหรือกิจกรรมการเรียนการสอนในห้องเรียนให้มีความหลากหลายและน่าสนใจ เพื่อดึงดูดให้เด็กๆที่มาเรียนกับดิฉันเกิดความสนใจ อยากมีส่วนร่วมในกิจกรรม และมาเรียนอย่างสม่ำเสมอ
ในช่วงแรกอาจจะเป็นไปได้ยากที่ดิฉันจะสามารถทำให้เด็กๆที่มาเรียนที่ชิจิดะกับดิฉันเป็นอัจฉริยะได้ เพราะเด็กแต่ละคนมีนิสัยและพัฒนาการที่แตกต่างกัน ดิฉันจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เพื่อทำความเข้าใจ โดยเริ่มจากการสังเกตพฤติกรรมของเด็กในห้องเรียน มองหาจุดเด่นและจุดด้อยของเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกัน และนำมาปรับใช้ในการเรียนการสอน ดิฉันจะนำจุดเด่นของเด็กๆมาพัฒนาให้มีประสิทธิภาพและให้พวกเขาเรียนรู้วิธีการนำจุดเด่นนั้นออกมาใช้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนจุดด้อยของเด็ก ดิฉันจะทำการปรับให้พวกเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้นหรือเปลี่ยนจุดด้อยนั้นให้เป็นจุดเด่น แต่การเรียนการสอนนั้นจะบรรลุเป้าหมายได้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งตัวของเด็กเอง ผู้ปกครอง และดิฉันที่เป็นคุณครูผู้สอน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย
หลังจากที่ดิฉันได้รับการอบรมและได้มาทดลองเป็นครูอาสาที่มีระยะเวลากว่า 4 เดือน ทำให้ดิฉันมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานและการสอนในรูปแบบของชิจิดะเป็นอย่างมาก การสอนอาสาเป็นการเรียนรู้ทางปฏิบัติที่ดีที่ช่วยให้ดิฉันมีความเชี่ยวชาญในการสอนมากขึ้น ถึงแม้จะยังไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุด แต่ก็ดีกว่าที่ผ่านมา และดิฉันคิดว่าความเชี่ยวชาญในการสอนของดิฉันจะต้องมีการพัฒนาไปในทางที่ดีมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งการสอนอาสายังทำให้ดิฉันได้รับความรู้จากประสบการณ์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการรับมือหรือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าต่อเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น รวมถึงข้อดีและข้อเสียที่สะท้อนให้เห็นการสอนของดิฉันจากใบประเมิน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก ดิฉันจะนำประสบการณ์และข้อดี ข้อเสียเหล่านี้มาปรับใช้กับการเรียนการสอนของดิฉันต่อไปในอนาคต
เป้าหมายในการสอนของดิฉันคือ การเห็นเด็กๆมีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามรูปแบบของชิจิดะ ซึ่งดิฉันเชื่อว่าการที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างเด็กให้เติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีความรู้ ความสามรถต่อไปในอนาคต ถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของการเป็นครู แต่อย่างไรก็ตามการจะเป็นครูที่ดีที่ช่วยสร้างให้เด็กเป็นอัจฉริยะได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการสอนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับความเต็มใจด้วย หากดิฉันสอนเด็กด้วยความเต็มใจ เด็กที่มาเรียนกับดิฉันก็จะมีความสุขและพร้อมที่จะเปิดใจรับความรู้ ข้อมูล รวมถึงสิ่งดีๆที่ดิฉันเต็มใจมอบให้อย่างเต็มที่
วัตถุประสงค์ในการสอนที่ชิจิดะของฉัน คือการเพิ่มพูนความรู้ความสามารถของเด็กๆ เพื่อให้พวกเขาเป็นเด็กที่อัจฉริยะ ตามเป้าหมายของ Professor Makoto Shichidaโดยการสอนจะสอนตามขั้นตอนของ Shichida method คือ โดยฝึกสมองทั้งสองซีกให้ทำงานร่วมกัน และกระตุ้นให้สมองทุกส่วนได้ใช้ประโยชน์สูงสุด เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงของใยประสาทของสมองทั้งสองข้าง โดยกิจกรรมจะขึ้นอยู่กับช่วงอายุ ไม่ยากไม่ง่ายจนเกินไป ซึ่งช่วงที่สมองของคนเราจะพัฒนาอย่างรวดเร็วคือช่วงอายุ 0-3 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เครือข่ายเส้นประสาทพื้นฐานสมบูรณ์ที่สุดและในช่วงนี้คลื่นสมองของเด็กจะอยู่ในช่วงคลื่น Alpha (α) ซึ่งเหมาะแก่การเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง และสมองจะพัฒนาต่อไปได้จนถึงอายุ 12 ปี หลังจากนั้นพัฒนาการของสมองก็จะช้าลงเรื่อยๆในขณะที่อวัยวะส่วนอื่นมีการพัฒนาเพิ่มขึ้น โดยการสอนของชิจิดะจะเน้นถึงความสมดุลของการพัฒนาสมองซีกขวาและซีกซ้าย ซึ่งต่างจากแนวคิดอื่นๆ คือในการสอนจะพัฒนาสมองซีกขวาด้วยการเน้นฝึกฝนความจำแบบรวดเร็วผ่าน Flash Card คือกระบวนการเพื่อฝึกทักษะทางด้านการอ่านให้แก่เด็กๆ ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้รับการทดสอบและยอมรับว่าดีที่สุด นี่คือสิ่งที่เรียกว่า การเรียนรู้ด้วยสมองซีกขวาด้วยกระบวนการเข้าใจภาษาเช่นนี้ การให้เด็กๆได้เห็นไปพร้อมๆกับการได้ยินอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการแปลหรือการเน้นย้ำ วิธีการนี้เป็นวิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับสอนให้เด็กสามารถเข้าใจภาษา เพราะเด็กๆจะเชื่อมโยงสิ่งที่เห็นและสิ่งที่ได้ยินผ่านจิตใต้สำนึกอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ต้องใช้กระบวนการแปลความหมายใดๆ ซึ่งรวมถึงการที่พวกเขาสามารถอ่านหนังสือได้ เด็กๆจะซึมซับภาพสัญลักษณ์ของคำต่างๆไว้ในสมอง สิ่งนี้จะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาทักษะทางด้านการอ่านขั้นสูงต่อๆไป และยังมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้จินตนาการและสัญชาตญาณของเด็ก ส่วนสมองซีกซ้ายจะพัฒนาด้วยการเล่นเกม ได้แก่ เกมเชาว์ ภาษา และตัวเลข รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้แก่เด็กๆในระหว่างการเรียนการสอนควบคู่ไปด้วยกัน
การเรียนรู้ของสมองซีกซ้ายและซีกขวามีลำดับการพัฒนาการที่แตกต่างกันในช่วงแรกเกิดถึงอายุ 3 ปีสมองซีกขวาจะทำหน้าที่เป็นหลักสมองซีกขวาจะใช้สัญชาตญาณการเรียนรู้แบบรูปภาพเป็นตัวดำเนินการคิดซึ่งหมายความว่าสิ่งต่างๆที่เห็นหรือได้ยินแค่เพียงครั้งเดียวก็จะถูกจดจำและสร้างขึ้นใหม่เป็นรูปภาพในความรู้สึกนึกคิดได้เมื่ออายุประมาณ 3 ปี ความนึกคิดเชิงตรรกะและเชิงภาษาจะเริ่มมีบทบาทมากขึ้น ซึ่งสมองที่ทำหน้าที่หลักจะเปลี่ยนจากซีกขวาเป็นซีกซ้ายและเมื่ออายุได้ 6 ปีกระบวนการความคิดจะเปลี่ยนเป็นความนึกคิดเชิงภาษาเป็นหลัก และนี่คือเหตุผลว่าทำไมความสามารถในการเรียนรู้ของผู้ใหญ่จึงมีขีดจำกัดมากกว่าในช่วงวัยเด็ก ดังนั้นการพัฒนาสมองทั้งสองด้านควบคู่กันอย่างเหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เราจึงควรเห็นความสำคัญในการสร้างจินตนาการเพื่อจดจำสาระต่างๆ คนที่เรียนหนังสือ