The coffee plant, an evergreen shru

The coffee plant, an evergreen shrub or small tree of African origin, begins to produce fruit 3 or 4 years after being planted. The fruit is hand-gathered when it is fully ripe and a reddish purple in colour. The ripened fruits of the coffee shrubs are processed where they are produced to separate the coffee seeds from their covering and from the pulp. Two different techniques are in use: a wet process and a dry process.
The wet process First the fresh fruit is pulped by a pulping machine. Some pulp still clings to the coffee, however, and this residue is removed by fermentation in tanks. The few remaining traces of pulp are then removed by washing. The coffee seeds are then dried to a moisture content of about 12 per cent either by exposure to the sun or by hot-air driers. If dried in the sun, they must be turned by hand several times a day for even drying.
The dry process In the dry process the fruits are immediately placed to dry either in the sun or in hot-air driers. Considerably more time and equipment is needed for drying than in the wet process. When the fruits have been dried to a water content of about 12 per cent the seeds are mechanically freed from their coverings.
The characteristic aroma and taste of coffee only appear later and are developed by the high temperatures to which they are subjected during the course of the process known as roasting. Temperatures are raised progressively to about 220-230�C. This releases steam, carbon dioxide, carbon monoxide and other volatiles from the beans, resulting in a loss of weight of between 14 and 23 per cent. Internal pressure of gas expands the volume of the coffee seeds from 30 to 100 per cent. The seeds become rich brown in colour; their texture becomes porous and crumbly under pressure. But the most important phenomenon of roasting is the appearance of the characteristic aroma of coffee, which arises from very complex chemical transformations within the beans. The coffee, on leaving the industrial roasters, is rapidly cooled in a vat where it is stirred and subjected to cold air propelled by a blower. Good quality coffees are then sorted by electronic sorters to eliminate the seeds that roasted badly. The presence of seeds which are either too light or too dark depreciates the quality

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พืชกาแฟ, ไม้พุ่มป่าดิบหรือต้นไม้เล็ก ๆ ของแอฟริกันที่มาเริ่มต้นในการผลิตน้ำผลไม้ 3 หรือ 4 ปีหลังจากที่มีการปลูก ผลไม้เป็นมือรวมตัวกันเมื่อมันสุกอย่างเต็มที่และสีแดงสีม่วง ผลไม้สุกของพุ่มไม้กาแฟมีการประมวลผลที่พวกเขามีการผลิตที่จะแยกเมล็ดกาแฟจากที่ครอบคลุมของพวกเขาและจากเยื่อกระดาษ สองเทคนิคที่แตกต่างกันในการใช้งานเป็นกระบวนการที่เปียกและแห้งกระบวนการ
กระบวนการเปียกครั้งแรกที่ผลไม้สดเป็น pulped โดยเครื่องผลิตเยื่อกระดาษ เยื่อบางส่วนยังคงยึดติดกับกาแฟอย่างไรและที่เหลือนี้จะถูกลบออกโดยการหมักในถัง ร่องรอยที่เหลืออยู่ไม่กี่ของเยื่อกระดาษจะถูกลบออกแล้วโดยการล้าง เมล็ดกาแฟจะแห้งแล้วมีความชื้นประมาณร้อยละ 12 ทั้งจากการสัมผัสกับดวงอาทิตย์หรือเครื่องอบแห้งโดยอากาศร้อนถ้าตากแดดให้แห้งที่พวกเขาจะต้องเปิดด้วยมือหลายครั้งต่อวันสำหรับแม้แต่การอบแห้ง
กระบวนการแห้งในขั้นตอนการแห้งผลไม้ที่มีอยู่ได้ทันทีให้แห้งทั้งในดวงอาทิตย์หรือในเครื่องอบแห้งอากาศร้อน เวลามากขึ้นและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการอบแห้งกว่าในกระบวนการเปียกเมื่อผลไม้ที่ได้รับการอบแห้งที่ปริมาณน้ำประมาณ 12 เปอร์เซ็นต์เมล็ดเป็นอิสระโดยอัตโนมัติจากปูของพวกเขา
กลิ่นและรสชาติของกาแฟจะปรากฏในภายหลังและมีการพัฒนาโดยมีอุณหภูมิสูงที่พวกเขาอาจมีในระหว่างกระบวนการที่เรียกว่าการคั่ว อุณหภูมิจะยกความก้าวหน้าไปประมาณ 220-230C นี้ปล่อยไอน้ำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คาร์บอนมอนอกไซด์และสารระเหยอื่น ๆ จากถั่วที่มีผลในการสูญเสียน้ำหนักระหว่าง 14 และ 23 ร้อยละ ความดันภายในของก๊าซขยายปริมาณของเมล็ดกาแฟ 30-100 ร้อยละ เมล็ดสีน้ำตาลกลายเป็นอุดมไปด้วยสีเนื้อของพวกเขาจะกลายเป็นรูพรุนและร่วนภายใต้ความกดดันแต่ปรากฏการณ์ที่สำคัญที่สุดของการคั่วเป็นลักษณะของกลิ่นของกาแฟที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่ซับซ้อนมากในถั่ว กาแฟที่คั่วออกจากอุตสาหกรรมที่เย็นลงอย่างรวดเร็วในถังที่มีการกวนและยัดเยียดให้อากาศเย็นขับเคลื่อนด้วยเครื่องเป่ากาแฟที่มีคุณภาพดีจะถูกเรียงลำดับแล้วโดย sorters อิเล็กทรอนิกส์ที่จะกำจัดเมล็ดที่คั่วไม่ดี การแสดงตนของเมล็ดซึ่งมีทั้งแสงเกินไปหรือมืดเกินไปอ่อนค่าลงที่มีคุณภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โรงงานกาแฟ เอเวอร์กรีนเป็นอย่างยิ่งการต้นไม้ขนาดเล็กต้นกำเนิดแอฟริกา เริ่มผลิตผลไม้ 3 หรือ 4 ปีหลังการปลูก รวบรวมผลไม้มือมาเมื่อสุกเต็ม และสีม่วงสี reddish ผลไม้ ripened ของพุ่มกาแฟมีการประมวลผลที่พวกเขาผลิตเพื่อแยกเมล็ดกาแฟ จากความครอบคลุม และ จากเนื้อเยื่อ เทคนิคต่าง ๆ ที่สองถูกใช้: กระบวนการแบบเปียกและกระบวนการแห้ง
เปียกการประมวลผลไม้สดเป็น pulped โดย pulping เครื่องแรก เยื่อบางยังคง clings กาแฟ อย่างไรก็ตาม และสารตกค้างนี้จะถูกเอาออก โดยการหมักในถัง ร่องรอยที่เหลืออยู่ไม่กี่ของเยื่อจะถูกเอาออก โดยการซักผ้าแล้ว เมล็ดกาแฟแล้วจะแห้งให้ความชื้นของประมาณร้อยละ 12 โดยแสงแดด หรืออากาศร้อนพื้น ถ้าแห้งในดวงอาทิตย์ พวกเขาต้องเปิดด้วยมือวันละหลายครั้งสำหรับแม้แห้ง
แห้งการในกระบวนการแห้งผลไม้อยู่ทันทีแห้ง ในดวงอาทิตย์ หรือ ในพื้นน้ำ เวลาเพิ่มเติมมากและอุปกรณ์จำเป็นสำหรับแห้งมากกว่าในการเปียกน้ำ เมื่อมีการแห้งผลไม้เนื้อหาน้ำของประมาณร้อยละ 12 เมล็ดมีความเป็นอิสระจากปูของกลไก
การลักษณะกลิ่นและรสชาติของกาแฟเท่านั้นปรากฏในภายหลัง และพัฒนา โดยอุณหภูมิสูงที่พวกเขาอยู่ภายใต้ระหว่างกระบวนการเรียกว่าคั่ว อุณหภูมิจะยกความก้าวหน้าจะประมาณ 220-230 c นี้ออกไอน้ำ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ และอื่น ๆ volatiles จากถั่ว เกิดการสูญเสียน้ำหนักของระหว่าง 14 และร้อยละ 23 ความดันภายในของแก๊สขยายปริมาณกาแฟเมล็ดจาก 30 ถึงร้อยละ 100 เมล็ดเป็น สีน้ำตาลที่อุดมไปด้วยสี เนื้อของพวกเขากลายเป็น crumbly ภายใต้ความดัน และ porous แต่ปรากฏการณ์ที่สำคัญที่สุดของการคั่วเป็นลักษณะของกลิ่นหอมลักษณะของกาแฟ ที่เกิดจากแปลงซับซ้อนมากเคมีภายในเมล็ด กาแฟ บนออกจาก roasters อุตสาหกรรม อย่างรวดเร็วได้ระบายความร้อนด้วยใน vat ที่กวน และต้องจาก โดยพัดลมระบายอากาศมีอากาศเย็น กาแฟคุณภาพดีจะถูกเรียงลำดับ โดย sorters อิเล็กทรอนิกส์เพื่อกำจัดเมล็ดที่คั่วไม่ดีแล้ว คุณภาพ depreciates ของเมล็ดซึ่งจะสว่างเกินไป หรือมืดเกินไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โรงงานผลิตกาแฟที่ต้นไม้ชนิดหนึ่งชนิดหนึ่งหรือทรีขนาดเล็กที่มาจากแอฟริกันจะเริ่มต้นในการผลิตผลไม้ 3 หรือ 4 ปีหลังจากที่ปลูกไว้ ผลที่ได้คือมือ - มาเมื่อสุกงอมอย่างเต็มที่และสีแดงซึ่งสีม่วงในสี ผลไม้ที่สุกงอมของกาแฟที่ปลูกต้นไม้จะได้รับการประมวลผลที่จะได้ผลิตขึ้นมาเพื่อแยกออกจากกันเมล็ดพันธุ์กาแฟจากครอบคลุมของเขาและจากโถแยกกากผลไม้ออก สองเทคนิคที่แตกต่างกันในการใช้กระบวนการเปียกชื้นและกระบวนการแห้ง.
การเปียกชื้นที่เป็นครั้งแรกที่มีผลไม้สด pulped โดยเครื่อง pulping ที่ โถแยกกากผลไม้ออกบางส่วนยังคงยังกาแฟที่ตกค้างแต่ถึงอย่างไรก็ตามและนี้จะถูกลบออกโดยหมักในถังเก็บน้ำ ลายวงจรขาดที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งของโถแยกกากผลไม้จะถูกลบออกโดยล้างทำความสะอาดแล้ว เมล็ดกาแฟแห้งที่มีเนื้อหาความชื้นประมาณร้อยละ 12 ทั้งโดยความเสี่ยงต่อการถูกแสงแดดหรือโดยการเชื่อมต่อไวน์ร้อนแล้วหากแห้งในวันอาทิตย์ที่จะต้องหันมาโดยมือหลายครั้งในหนึ่งวันเพื่อการเป่าผมแห้ง กระบวนการแห้ง
ในกระบวนการแห้งผลไม้ที่ได้รับการวางให้แห้งทั้งในแสงแดดหรือในการเชื่อมต่อไวน์แบบ hot - อากาศในทันที อุปกรณ์ค่อนข้างมากและมีเวลามากขึ้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเป่าผมแห้งมากกว่าในกระบวนการที่เปียกชื้นเมื่อผลไม้ที่ได้รับทำให้แห้งในเนื้อหาของน้ำที่เกี่ยวกับร้อยละ 12 เมล็ดพันธุ์ที่ได้จากวัสดุปูของตนไม่มีความรู้สึกจริงใจ
รสชาติและกลิ่นหอมที่มีลักษณะอันโดดเด่นของกาแฟเท่านั้นจะปรากฏขึ้นใน ภายหลัง และได้รับการพัฒนาขึ้นโดยมี อุณหภูมิ สูงที่อยู่ในระหว่างกระบวนการที่รู้จักกันในชื่ออบ อุณหภูมิ จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 220-230 220-230 220-230 220-230 C สารบัญข่าวนี้พลังไอน้ำก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ถ่านคาร์บอนกัมมันต์และ volatiles อื่นๆได้จากถั่วที่เป็นผลในการสูญเสียน้ำหนักของระหว่าง 14 และ 23% . ความดัน ภายใน ของก๊าซขยายระดับเสียงที่มีเมล็ดกาแฟออกจาก 30 เป็น 100% เมล็ดพันธุ์พืชที่กลายเป็นคนรวยในสีน้ำตาลอ่อนสีพื้นผิวของพวกเขาจะกลายเป็นที่มีรูพรุนและร่วน ภายใต้ แรงกดดันแต่ที่สำคัญที่สุดปรากฎการณ์ที่มีความสำคัญอย่างสูงสุดของโรงคั่วมีลักษณะที่ปรากฎของเครื่องอุ่นน้ำมันหอมที่มีลักษณะของกาแฟซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีคอมเพล็กซ์เป็นอย่างมาก ภายใน เมล็ดกาแฟ กาแฟที่ออกจาก roasters อุตสาหกรรมที่มีความร้อนอยู่ใน ภาษี มูลค่าเพิ่ม( VAT )ที่มีขึ้นและเปลี่ยนแปลงให้กับอากาศเย็นการประเมินโดยเครื่องเป่าลมอย่างรวดเร็วกาแฟมี คุณภาพ ที่ดีจะเรียงลำดับตาม sorters อิเล็กทรอนิกส์เพื่อขจัดปัญหาเมล็ดพันธุ์ที่คั่วได้แล้ว การมีอยู่ของเมล็ดพันธุ์ซึ่งมีทั้งเบาเกินไปหรือสีเข้มเกินไปโดยเฉพาะที่มี คุณภาพ