Pioneer sociologist Émile Durkheim

Pioneer sociologist Émile Durkheim described it with the ethereal statement that it consists of “things that surpass the limits of our knowledge” (1915). He went on to elaborate: Religion is “a unified system of beliefs and practices relative to sacred things, that is to say set apart and forbidden, beliefs and practices which unite into one single moral community, called a church, all those who adhere to them” (1915). Some people associate religion with places of worship (a synagogue or church), others with a practice (confession or meditation), and still others with a concept that guides their daily lives (like dharma or sin). All of these people can agree that religion is a system of beliefs, values, and practices concerning what a person holds sacred or considers to be spiritually significant.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไพโอเนียร์นักสังคมวิทยาÉmile Durkheim อธิบายด้วยคำสั่งที่ไม่มีตัวตนที่ประกอบด้วย“สิ่งที่เกินขอบเขตของความรู้ของเรา” (1915) เขาก็จะทำอย่างละเอียด: ศาสนาคือ“ระบบแบบครบวงจรของความเชื่อและการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะบอกว่าการตั้งค่าออกจากกันและห้ามเชื่อและการปฏิบัติซึ่งรวมตัวกันเข้ามาในชุมชนคุณธรรมหนึ่งเดียวเรียกว่าคริสตจักรทุกคนที่ยึดมั่นใน พวกเขา” (1915) บางคนศาสนาเชื่อมโยงกับสถานที่สักการะ (โบสถ์หรือคริสตจักร), อื่น ๆ ที่มีการปฏิบัติ (คำสารภาพหรือการทำสมาธิ) และอื่น ๆ ยังคงมีแนวคิดที่แนะนำในชีวิตประจำวันของพวกเขา (เช่นธรรมะหรือบาปบริการ) ทั้งหมดของคนเหล่านี้สามารถตกลงกันว่าศาสนาเป็นระบบความเชื่อค่านิยมและการปฏิบัติเกี่ยวกับสิ่งที่คนถือศักดิ์สิทธิ์หรือคิดว่าจะเป็นอย่างมีนัยสำคัญฝ่ายวิญญาณ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ฉันไม่เคยไปที่สหราชอาณาจักร

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผู้บุกเบิกนักสังคมวิทยาเอมิลดัลคิมอธิบายมันในแง่ของจิตวิญญาณที่ว่างเปล่าเขาบอกว่ามันมีบางอย่างที่เกินขีดจำกัดของความรู้ของเรา เขาอธิบายในรายละเอียดว่าศาสนาคือระบบของความเชื่อและการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แยกและห้ามรวมความเชื่อและการปฏิบัติเป็นชุมชนศีลธรรมเดียวเรียกว่าโบสถ์และทุกคนที่ปฏิบัติตามพวกเขา บางคนเชื่อมโยงศาสนากับสถานที่สักการะบูชาเช่นโบสถ์หรือโบสถ์บางคนเชื่อมโยงศาสนากับการปฏิบัติและคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับศาสนาเช่นกฎหมายหรือบาปที่แนะนำชีวิตประจําวันของพวกเขา คนเหล่านี้ทั้งหมดยอมรับว่าศาสนาเป็นระบบของความเชื่อค่านิยมและการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์หรือคิดว่ามีความหมายทางจิตวิญญาณ