Bullying is the use of force, threa

Bullying is the use of force, threat, or coercion to abuse, intimidate, or aggressively dominate others. The behavior is often repeated and habitual. One essential prerequisite is the perception, by the bully or by others, of an imbalance of social or physical power. Behaviors used to assert such domination can include verbal harassment or threat, physical assault or coercion, and such acts may be directed repeatedly towards particular targets. Rationalizations for such behavior sometimes include differences of social class, race, religion, gender, sexual orientation, appearance, behavior, body language, personality, reputation, lineage, strength, size or ability.[1][2] If bullying is done by a group, it is called mobbing.[3]

Bullying can be defined in many different ways. The UK has no legal definition of bullying,[4] while some U.S. states have laws against it.[5] Bullying is divided into four basic types of abuse – emotional (sometimes called relational), verbal, physical, and cyber.[6] It typically involves subtle methods of coercion, such as intimidation.

Bullying ranges from simple one-on-one bullying to more complex bullying in which the bully may have one or more "lieutenants" who may seem to be willing to assist the primary bully in his or her bullying activities. Bullying in school and the workplace is also referred to as peer abuse.[7] Robert W. Fuller has analyzed bullying in the context of rankism.

A bullying culture can develop in any context in which humans interact with each other. This includes school, family, the workplace, home, and neighborhoods. In a 2012 study of male adolescent American football players, "the strongest predictor was the perception of whether the most influential male in a player's life would approve of the bullying behavior".[8

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Bullying มีใช้บังคับ คุกคาม หรือแกมบังคับ การละเมิด ข่มขู่ อุกอาจครองผู้อื่น ลักษณะการทำงานมักจะเป็นซ้ำ และเป็น ข้อกำหนดเบื้องต้นจำเป็นหนึ่งเป็นการรับรู้ ใหญ่โตกว่านี้ หรือคน อื่น ของความไม่สมดุลของอำนาจทางสังคม หรือทางกายภาพ พฤติกรรมที่ใช้เพื่อยืนยันรูปการปกครองดังกล่าวอาจรวมถึงวาจาล่วงละเมิด หรือคุกคาม ข่ม หรือแกมบังคับ และการกระทำดังกล่าวอาจนำซ้ำ ๆ ต่อเป้าหมายเฉพาะ Rationalizations สำหรับพฤติกรรมดังกล่าวบางครั้งมีความแตกต่างของชนชั้น แข่งขัน ศาสนา เพศ เพศ ลักษณะ ลักษณะ ภาษากาย บุคลิกภาพ ชื่อเสียง ลินเนจ แรง ขนาด หรือความ[1][2] ถ้า bullying เสร็จโดย มันจะเรียกว่า mobbing[3]Bullying กำหนดไว้ในหลาย ๆ สหราชอาณาจักรได้ไม่กำหนดกฎหมาย bullying, [4] ในขณะที่บางสหรัฐอเมริกามีกฎหมายต่อต้านมัน[5] Bullying ถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทพื้นฐานของละเมิด – อารมณ์ (บางครั้งเรียกว่าเชิง), คำพูด กายภาพ และไซเบอร์[6] มันมักจะเกี่ยวข้องกับวิธีละเอียดแกมบังคับ เช่นข่มขู่Bullying ช่วงจากเรื่องแพ็คเกจ bullying การซับซ้อน bullying ใหญ่โตกว่านี้อาจมีอย่าง น้อยหนึ่ง "lieutenants" ที่อาจดูเหมือนจะเต็มใจที่จะช่วยให้ใหญ่โตกว่าหลักกิจกรรม bullying ของเขา หรือเธอ Bullying ในโรงเรียนและสถานทำงานจะยังเรียกว่าเพียร์ละเมิด[7] โรเบิร์ต W. Fuller ได้วิเคราะห์ bullying ในบริบทของ rankismวัฒนธรรม bullying สามารถพัฒนาในบริบทใด ๆ มนุษย์โต้ตอบกัน ซึ่งรวมถึงโรงเรียน ครอบครัว ทำ งาน บ้าน และละแวกใกล้เคียง ในการศึกษา 2012 ผู้เล่นอเมริกันฟุตบอลชายวัยรุ่น "จำนวนประตูที่แข็งแกร่งได้รับรู้ของเพศชายมีอิทธิพลมากที่สุดในชีวิตของผู้เล่นว่าจะอนุมัติลักษณะ bullying"[8

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ข่มขู่คือการใช้กำลังคุกคามหรือข่มขู่ละเมิดข่มขู่หรืออุกอาจครองอื่น ๆ พฤติกรรมซ้ำแล้วซ้ำอีกและมักจะเป็นนิสัย หนึ่งจำเป็นที่สำคัญคือการรับรู้โดยคนพาลหรือคนอื่น ๆ ของความไม่สมดุลของพลังทางสังคมหรือทางกายภาพ พฤติกรรมการใช้ในการยืนยันการปกครองดังกล่าวอาจรวมถึงการล่วงละเมิดทางวาจาหรือการคุกคามทำร้ายร่างกายหรือการข่มขู่และการกระทำดังกล่าวอาจถูกนำไปสู่เป้าหมายที่ซ้ำ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลบล้างสำหรับพฤติกรรมดังกล่าวบางครั้งรวมถึงความแตกต่างของระดับชั้นทางสังคมเชื้อชาติศาสนาเพศรสนิยมทางเพศลักษณะพฤติกรรมภาษากายบุคลิกภาพชื่อเสียงวงศ์ตระกูลแข็งแรงขนาดหรือความสามารถ. [1] [2] ถ้าการข่มขู่จะกระทำโดย กลุ่มจะเรียกว่าขวักไขว่. [3] กลั่นแกล้งสามารถกำหนดได้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน สหราชอาณาจักรไม่มีความหมายทางกฎหมายของการกลั่นแกล้ง [4] ในขณะที่บางรัฐของสหรัฐอเมริกามีกฎหมายต่อต้านมันได้ [5] กลั่นแกล้งแบ่งออกเป็นสี่ประเภทพื้นฐานของการล่วงละเมิด -.. อารมณ์ (บางครั้งเรียกสัมพันธ์), วาจา, ทางร่างกาย, และไซเบอร์ [6 ] มันมักจะเกี่ยวข้องกับวิธีการที่ลึกซึ้งของการบังคับเช่นการข่มขู่. กลั่นแกล้งช่วงจากง่ายๆในหนึ่งกลั่นแกล้งเพื่อข่มขู่ที่ซับซ้อนมากขึ้นซึ่งในพาลอาจจะมีหนึ่งหรือมากกว่า "ทหาร" ที่อาจดูเหมือนจะเต็มใจที่จะให้ความช่วยเหลือคนพาลหลัก ในกิจกรรมการกลั่นแกล้งของเขาหรือเธอ การกลั่นแกล้งในโรงเรียนและสถานที่ทำงานก็จะเรียกว่าเป็นการละเมิดเพีย. [7] Robert W. ฟุลเลอร์ได้วิเคราะห์การกลั่นแกล้งในบริบทของ rankism. วัฒนธรรมกลั่นแกล้งสามารถพัฒนาในบริบทใด ๆ ในการที่มนุษย์มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งรวมถึงโรงเรียน, ครอบครัว, สถานที่ทำงานที่บ้านและละแวกใกล้เคียง ในปี 2012 การศึกษาของชายวัยรุ่นผู้เล่นอเมริกันฟุตบอล "ทำนายที่แข็งแกร่งคือการรับรู้ว่าเพศชายมีอิทธิพลมากที่สุดในชีวิตของผู้เล่นจะอนุมัติของพฤติกรรมข่มขู่". [8

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การกลั่นแกล้งใช้กำลังหรือบังคับขู่เข็ญ คุกคาม เพื่อใช้ข่มขู่หรือเลยเถิดครอบงำผู้อื่น พฤติกรรมมักซ้ำ และเป็นนิสัย หนึ่งที่สำคัญเบื้องต้นคือการรับรู้โดยคนพาลหรือโดยผู้อื่น ของความไม่สมดุลของอำนาจทางสังคม หรือทางกายภาพ พฤติกรรมการใช้อำนาจดังกล่าวอาจรวมถึงการยืนยันด้วยวาจา หรือทำร้ายร่างกาย หรือการบังคับขู่เข็ญ , คุกคามและเช่นการกระทำอาจจะกำกับซ้ำต่อเป้าหมายโดยเฉพาะ rationalizations พฤติกรรมดังกล่าวบางครั้งรวมถึงความแตกต่างของชนชั้น เชื้อชาติ ศาสนา เพศ รสนิยมทางเพศ ลักษณะ พฤติกรรม ท่าทาง บุคลิก ชื่อเสียง วงศ์ตระกูล แรง ขนาดหรือความสามารถ [ 1 ] [ 2 ] ถ้าแกล้ง ทำโดยกลุ่ม เรียกว่าขวักไขว่ [ 3 ]

กลั่นแกล้งสามารถกำหนดในหลายวิธีที่แตกต่างกัน สหราชอาณาจักรไม่มีคำนิยามทางกฎหมาย bullying [ 4 ] ขณะที่สหรัฐอเมริกามีกฎหมายต่อต้านมัน . [ 5 ] การแบ่งออกเป็นสี่ประเภทพื้นฐานของการละเมิดและอารมณ์ ( บางครั้งเรียกว่าสัมพันธ์ ) , วาจา , ทางกายภาพและทางไซเบอร์ [ 6 ] มันมักจะเกี่ยวข้องกับวิธีการที่ลึกซึ้งของการบังคับ เช่น การข่มขู่

กลั่นแกล้งช่วงจากง่ายไปซับซ้อนมากขึ้นในหนึ่งกลั่นแกล้งรังแก ซึ่งพาลอาจจะมีหนึ่งหรือมากกว่า " ทหาร " ที่อาจดูเหมือนจะเต็มใจที่จะช่วยเหลือคนพาลหลักของเขา หรือเธอแกล้งกิจกรรม รังแกในโรงเรียน และที่ทำงานก็เรียกว่าเพื่อนละเมิด [ 7 ] โรเบิร์ต ดับเบิลยู ฟูลเลอร์ ได้วิเคราะห์กลั่นแกล้งในบริบทของ rankism .

การกลั่นแกล้งวัฒนธรรมสามารถพัฒนาในบริบทใด ๆซึ่งมนุษย์โต้ตอบกับแต่ละอื่น ๆ ซึ่งรวมถึง โรงเรียน ครอบครัว ที่ทำงาน บ้าน และบริเวณใกล้เคียง ใน 2012 การศึกษาวัยรุ่นชายชาวอเมริกันผู้เล่นอเมริกันฟุตบอล " ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดคือการรับรู้ว่าชายที่มีอิทธิพลมากที่สุดในชีวิตของผู้เล่นจะยอมรับพฤติกรรมการกลั่นแกล้ง [ 8 "