Curtiss became an actual father has

Curtiss became an actual father has well. In 1912, his wife gave birth to a second child, Glenn Curtiss, Jr. Anticipating the responsibilities of fatherhood, Curtiss already had given up exhibition flying.

A year later, he visited the airplane factory of Thomas Sopwith in England, who was building tractor airplanes. Unlike the earliest airplanes, with propellers in the back that pushed planes forward, tractor aircraft have propellers up front, like most contemporary aircraft. Sopwith’s designs, plus the U.S. Army’s interest in tractor training aircraft, put Curtiss into high gear as an airplane builder. His first major tractor airplanes were the JN-1 and JN-2. He followed those models with the JN-3, of which he built fewer than 100. In 1916, Curtiss modified the JN-3 to improve its performance and named the new model the JN-4, nicknamed the Jenny. Over the next few years, he came out with over fifteen versions of this plane and manufactured more aircraft than any other American during World War I.

In 1914, Curtiss once again incurred the ire of the Wright family. In an attempt to prove that Samuel P. Langley had invented the first machine capable of sustained flight, the Smithsonian Institution contracted with Curtiss to verify if Langley’s 1903 Aerodrome could fly. The Smithsonian shipped Langley’s machine to Hammondsport, where Curtiss and his associates modified it and eventually flew it off of Lake Keuka on May 28 and June 2. The Smithsonian’s witness for these flights, Dr. Albert Zahm, later concluded that the Aerodrome “has demonstrated that with its original structure and power, it is capable of flying with a pilot and several hundred pounds of useful load. It is the first aeroplane in the history of the world of which this can truthfully be said.”

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Curtiss กลายเป็น แท้จริงพ่อได้ดีด้วย ในซาวน่า ภรรยาให้กำเนิดลูกที่สอง Curtiss เกล็น สนองความรับผิดชอบของความเป็นพ่อจูเนียร์ Curtiss แล้วได้รับไปแสดง ปีต่อมา เขาเยี่ยมชมโรงงานเครื่องบินของ Thomas Sopwith ในอังกฤษ ที่มีการสร้างรถแทรกเตอร์เครื่องบิน ซึ่งแตกต่างจากเครื่องบินเร็วที่สุด มี propellers หลังที่ผลักเครื่องบินไปข้างหน้า รถแทรกเตอร์เครื่องบินมี propellers ขึ้นหน้า เช่นเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุด ออกแบบของ Sopwith บวกดอกเบี้ยของกองทัพบกสหรัฐฯ ในรถแทรกเตอร์เครื่องบินฝึก ใส่ Curtiss เข้าเกียร์สูงเป็นการสร้างเครื่องบิน เครื่องบินรถแทรกเตอร์ใหญ่ครั้งแรกของเขาใช้คำ JN 1 JN-2 เขาตามโมเดลเหล่านั้น JN-3 ที่เขาสร้างขึ้นน้อยกว่า 100 ใน 1916, Curtiss JN-3 เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของการปรับเปลี่ยน และตั้งชื่อรุ่นใหม่ JN-4 ชื่อเล่นเจนนี่ ช่วงไม่กี่ปีถัดไป เขาออกมากับเครื่องบินนี้กว่า 15 รุ่น และผลิตเครื่องบินเพิ่มมากขึ้นกว่าอเมริกันอื่น ๆ ในระหว่างสงครามโลก ใน 1914, Curtiss เกิด ire ของไรท์อีกครั้ง ในความพยายามที่จะพิสูจน์ที่ Samuel P. ลแลงเกลย์ได้คิดค้นเครื่องแรกที่สามารถบิน sustained สถาบันสมิธโซเนียนที่สัญญากับ Curtiss เพื่อตรวจสอบถ้า ไม่บิน Aerodrome 1903 ของลแลงเกลย์ ขณะที่ส่งเครื่องของลแลงเกลย์ Hammondsport ซึ่ง Curtiss และสมาคมของเขาทำการปรับปรุง และในที่สุดบินมันออก Keuka เล 28 พฤษภาคมและ 2 มิถุนายน ขณะพยานสำหรับเหล่านี้เที่ยวบิน ดร.อัลเบิร์ต Zahm ในภายหลังสรุปว่า Aerodrome ที่ "ได้แสดงว่า มีโครงสร้างและอำนาจเดิม เป็นความสามารถในการบินกับนักบินและปอนด์หลายร้อยของโหลดมีประโยชน์ ได้เครื่องบินครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของโลกที่นี่สามารถจริง ๆ จะกล่าวว่า"

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เคิร์ ธ กลายเป็นพ่อที่เกิดขึ้นจริงมีดี ในปี 1912 ภรรยาของเขาให้กำเนิดลูกคนที่สอง, เกล็นเคิร์ ธ ทิจูเนียร์คาดการณ์ความรับผิดชอบของพ่อ, เคิร์ ธ ทิแล้วได้รับค่าการแสดงนิทรรศการการบิน. ปีต่อมาเขาเข้าเยี่ยมชมโรงงานเครื่องบินของโทมัสโซพวิ ธ ในอังกฤษที่ถูกสร้างรถ เครื่องบิน ซึ่งแตกต่างจากเครื่องบินที่เก่าแก่ที่สุดที่มีใบพัดอยู่ด้านหลังที่ผลักดันไปข้างหน้าเครื่องบินเครื่องบินรถมีใบพัดขึ้นด้านหน้าเช่นเครื่องบินร่วมสมัยมากที่สุด โซพวิ ธ การออกแบบของบวกดอกเบี้ยกองทัพสหรัฐในเครื่องบินฝึกรถใส่เคิร์ ธ เข้าเกียร์สูงเป็นตัวสร้างเครื่องบิน รถครั้งแรกของเขาเป็นเครื่องบิน JN-1 และ JN-2 เขาเดินตามรูปแบบที่ผู้ที่มี JN-3 ซึ่งเขาสร้างขึ้นน้อยกว่า 100 ในปี 1916 เคิร์ ธ ทิแก้ไข JN-3 เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและตั้งชื่อรุ่นใหม่ JN-4, ชื่อเล่นเจนนี่ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเขาออกมาพร้อมกับกว่าสิบห้ารุ่นของเครื่องบินลำนี้และผลิตเครื่องบินมากกว่าอเมริกันอื่น ๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปี 1914, เคิร์ ธ เกิดขึ้นอีกครั้งกริ้วโกรธของครอบครัวไรท์ ในความพยายามที่จะพิสูจน์ว่าซามูเอลแลงก์ลีย์ P. ได้คิดค้นเครื่องแรกที่มีความสามารถในการบินอย่างยั่งยืน, สถาบัน Smithsonian สัญญากับเคิร์ ธ เพื่อตรวจสอบว่าแลงลีย์ 1903 สนามบินสามารถบินได้ มิ ธ โซเนียนจัดส่งเครื่องแลงลีย์ที่จะ Hammondsport ที่เคิร์ ธ และเพื่อนร่วมงานของเขาแก้ไขมันและในที่สุดก็บินออกของทะเลสาบ Keuka วันที่ 28 พฤษภาคมและมิถุนายน 2. พยานมิ ธ โซเนียนสำหรับเที่ยวบินเหล่านี้ดร. อัลเบิร์ Zahm ภายหลังได้ข้อสรุปว่าสนามบิน "ได้แสดงให้เห็น ที่มีโครงสร้างเดิมและพลังของมันก็คือความสามารถในการบินกับนักบินและหลายร้อยปอนด์ของโหลดที่มีประโยชน์ มันเป็นเครื่องบินครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของโลกนี้ซึ่งตามความเป็นจริงสามารถกล่าวว่า. "

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เคอร์ทิสเป็นพ่อที่แท้จริงได้เป็นอย่างดี ในปี 1912 , ภรรยาคลอดลูก , ที่สอง Glenn Curtiss จูเนียร์ คาดหวังความรับผิดชอบของพ่อ เคอร์ทิสแล้วยอมแพ้ นิทรรศการการบิน

ปีต่อมาเขาเยี่ยมชมโรงงานเครื่องบินของโทมัสซัปวิทในอังกฤษ ที่สร้างเครื่องบินรถแทรกเตอร์ ซึ่งแตกต่างจากเครื่องบินที่เก่าที่สุดมีใบพัดอยู่ด้านหลังที่ดันเครื่องบินไปข้างหน้า อากาศยานรถแทรกเตอร์มีใบพัดหน้า เหมือนเครื่องบินที่ร่วมสมัยที่สุด ซัปวิทออกแบบบวกกับกองทัพสหรัฐของดอกเบี้ยในอากาศยานการฝึกอบรมรถแทรกเตอร์ ใส่ เคอร์ทิส เข้าเกียร์สูงเป็นเครื่องบินที่สร้าง ของเขาใหญ่ครั้งแรกเครื่องบินเป็น jn-1 รถแทรกเตอร์ และ jn-2 . เค้าตามนางแบบกับ jn-3 ซึ่งเขาสร้างน้อยกว่า 100ใน 1916 เคอร์ทิสแก้ไข jn-3 เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและตั้งชื่อใหม่แบบ jn-4 ชื่อเล่นเจนนี่ กว่าไม่กี่ปีถัดไป เขาออกมากว่า 15 รุ่นของเครื่องบินและอากาศยานที่ผลิตมากขึ้นกว่าใด ๆอื่น ๆอเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ I .

ในปี 1914 , เคอร์ทิสอีกครั้งที่เกิดความกริ้วโกรธของครอบครัว ไรท์ ในความพยายามที่จะพิสูจน์ว่า แซมมวล ป.ลี่ย์ ได้เป็นเจ้าแรกที่คิดค้นเครื่องสามารถเพิ่มเที่ยวบิน สถาบันสมิธโซเนียน สัญญา กับ เคอร์ติส เพื่อยืนยันถ้าของแลงลีย์ 1903 สนามบินบินได้ สถาบันสมิธโซเนียนจัดส่งเครื่องแลงเพื่อ hammondsport ที่ Curtiss และผู้ร่วมงานของเขาแก้ไขมัน และในที่สุดก็บินออกจากทะเลสาบ keuka เมื่อ 28 พฤษภาคมและมิถุนายน 2 พยานสมิธโซเนียนสำหรับเที่ยวบินเหล่านี้ ดร.ลเบิร์ต zahm ต่อมาพบว่า สนามบิน " แสดงให้เห็นถึงกับโครงสร้างอำนาจเดิม และ มันสามารถบินกับนักบินและหลายร้อยปอนด์ของโหลดที่เป็นประโยชน์ มันเป็นเครื่องแรกในประวัติศาสตร์ของโลกที่สามารถจริงจะกล่าว