A solid-state drive (SSD)is a solid

A solid-state drive (SSD)is a solid-state storage device that uses integrated circuit assemblies as memory to store data persistently. SSD technology primarily uses electronic interfaces compatible with traditional block input/output (I/O) hard disk drives, which permit simple replacements in common applications.[4] Additionally, new I/O interfaces, like SATA Express, have been designed to address specific requirements of the SSD technology.

SSDs have no moving (mechanical) components. This distinguishes them from traditional electromechanical magnetic disks such as hard disk drives (HDDs) or floppy disks, which contain spinning disks and movable read/write heads.[5] Compared with electromechanical disks, SSDs are typically more resistant to physical shock, run silently, have lower access time, and less latency.[6] However, while the price of SSDs has continued to decline over time,[7] consumer-grade SSDs are still roughly six to seven times more expensive per unit of storage than consumer-grade HDDs.

As of 2014, most SSDs use NAND-based flash memory, which retains data without power. For applications requiring fast access, but not necessarily data persistence after power loss, SSDs may be constructed from random-access memory (RAM). Such devices may employ separate power sources, such as batteries, to maintain data after power loss.[4]

Hybrid drives or solid-state hybrid drives (SSHDs) combine the features of SSDs and HDDs in the same unit, containing a large hard disk drive and an SSD cache to improve performance of frequently accessed data

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตไดรฟ์ (SSD) เป็นโซลิดสเตตเก็บอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบวงจรรวมหน่วยความจำเพื่อจัดเก็บข้อมูลสามารถ เทคโนโลยี SSD ส่วนใหญ่ใช้อินเทอร์เฟซอิเล็กทรอนิกส์เข้ากับบล็อกแบบอินพุต/เอาท์พุต (I/O) ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ซึ่งอนุญาตให้แทนที่ง่ายในการใช้งานทั่วไป [4] นอกจากนี้ อินเตอร์เฟส I/O ใหม่ เช่น SATA Express ออกแบบมาเพื่อความต้องการเฉพาะของเทคโนโลยี SSDSSDs ประกอบ (เครื่องกล) เคลื่อนไหวไม่ได้ ซึ่งแตกต่างจากแบบไฟฟ้าแม่เหล็กดิสก์เช่นฟลอปปีดิสก์หรือฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDDs) ซึ่งประกอบด้วยปั่นดิสก์และหัวอ่านเขียนสามารถเคลื่อนย้าย [5] เปรียบเทียบกับดิสก์โดยกว่า SSDs เป็นปกติมากขึ้นทนต่อการช๊อคทางกายภาพ การทำงานอยู่เบื้องหลัง มีเวลาเข้าล่าง และเวลาแฝงที่น้อยลง [6] อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ราคาของ SSDs ได้อย่างต่อเนื่องจะลดลงช่วงเวลา SSDs เกรดผู้บริโภค [7] ได้ยังคงประมาณหกถึงเจ็ดเท่าแพงกว่าต่อหน่วยเก็บ HDDs ระดับผู้บริโภคณ ปี 2014, SSDs ส่วนใหญ่ใช้ใช้ NAND แฟลชหน่วยความจำ ซึ่งอ้างอิงไฟ สำหรับการใช้งานต้องเข้ารวดเร็ว แต่ไม่จำเป็นต้องข้อมูลการมีอยู่หลังจากสูญเสียพลังงาน SSDs อาจสร้างขึ้นจากหน่วยความจำเข้าถึงโดยสุ่ม (RAM) อุปกรณ์ดังกล่าวอาจใช้แหล่งจ่ายไฟแยก ทาง การรักษาข้อมูลหลังจากการสูญเสียพลังงาน [4]ไฮบริดสลีไดรฟ์หรือไดรฟ์ไฮบริโซลิดสเตต (SSHDs) รวมคุณลักษณะของ SSDs และ HDDs ในหน่วยเดียวกัน ประกอบด้วยฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์มีขนาดใหญ่และมีแค SSD เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของข้อมูลเข้าถึงบ่อย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไดรฟ์ของรัฐที่มั่นคง (SSD) เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบ solid-state ที่ใช้ประกอบวงจรรวมเป็นหน่วยความจำในการเก็บข้อมูลต่อเนื่อง เทคโนโลยี SSD หลักในการใช้อินเตอร์เฟซอิเล็กทรอนิกส์เข้ากันได้กับการป้อนข้อมูลบล็อกแบบดั้งเดิม / เอาต์พุต (I / O) ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ซึ่งอนุญาตให้มีการเปลี่ยนที่เรียบง่ายในการใช้งานร่วมกัน. [4] นอกจากนี้ใหม่ I / อินเตอร์เฟซโอเช่น SATA Express, ได้รับการออกแบบมาเพื่อแก้ไข ต้องการที่เฉพาะเจาะจงของเทคโนโลยี SSD ได้. SSDs ไม่มีการเคลื่อนย้าย (กล) ส่วนประกอบ ซึ่งแตกต่างได้จากดิสก์แม่เหล็กแบบดั้งเดิมไฟฟ้าเช่นฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDDs) หรือฟล็อปปี้ดิสก์ซึ่งมีดิสก์ปั่นและเคลื่อนย้ายการอ่าน / เขียนหัว. [5] เมื่อเทียบกับดิสก์ไฟฟ้า SSDs มักจะทนต่อช็อตทางกายภาพทำงานอย่างเงียบ ๆ มีเวลาในการเข้าถึงที่ต่ำกว่าและความล่าช้าน้อย. [6] อย่างไรก็ตามในขณะที่ราคาของ SSDs ได้อย่างต่อเนื่องที่จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป [7] SSDs ผู้บริโภคชั้นยังคงอยู่ประมาณ 6-7 ครั้งมีราคาแพงมากขึ้นต่อหน่วยของการจัดเก็บมากกว่าผู้บริโภค ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ชั้นประถมศึกษาปี. ในฐานะของปี 2014 SSDs ส่วนใหญ่ใช้หน่วยความจำแฟลช NAND-based ซึ่งยังคงมีข้อมูลที่ไม่มีอำนาจ สำหรับงานที่ต้องการการเข้าถึงที่รวดเร็ว แต่ไม่จำเป็นต้องติดตาข้อมูลหลังจากการสูญเสียพลังงาน SSDs อาจถูกสร้างขึ้นจากหน่วยความจำหลัก (RAM) อุปกรณ์ดังกล่าวอาจใช้แหล่งจ่ายไฟแยกต่างหากเช่นแบตเตอรี่เพื่อรักษาข้อมูลหลังจากการสูญเสียพลังงาน. [4] ไดรฟ์ไฮบริดหรือ solid-state ไดรฟ์ไฮบริด (SSHDs) รวมคุณสมบัติของ SSDs และฮาร์ดดิสก์ในหน่วยเดียวกันที่มีฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ ไดรฟ์และแคช SSD เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของข้อมูลการเข้าถึงบ่อย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ไดรฟ์สถานะของแข็ง ( SSD ) เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ใช้สร้างวงจรประกอบเป็นหน่วยความจำสำหรับเก็บข้อมูลเสมอ SSD เทคโนโลยีหลักที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้ากันได้กับดั้งเดิมบล็อกอินพุต / เอาต์พุต ( I / O ) ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ซึ่งอนุญาตให้เปลี่ยนง่ายในการใช้งานทั่วไป [ 4 ] นอกจากนี้ใหม่ I / O ใหม่อย่าง SATA ด่วนได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของ SSD เทคโนโลยี

นี้ไม่มีกำลัง ( เครื่องกล ) ส่วนประกอบ ซึ่งแตกต่างจากแบบดั้งเดิม ( เช่นแม่เหล็กดิสก์ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ( HDDs ) หรือฟล็อปปี้ดิสก์ , ดิสก์ที่เคลื่อนย้ายได้ ซึ่งมีการปั่นและอ่าน / เขียนหัว [ 5 ] เมื่อเทียบกับดิสก์ไฟฟ้านี้มักจะทนต่อช็อตทางกายภาพทำงานเงียบ มีเวลาในการเข้าถึงข้อมูลต่ำและศักยภาพน้อยลง [ 6 ] อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ราคาของ SSD ได้ลดลงต่อเนื่องตลอดเวลา [ 7 ] SSD เกรดผู้บริโภคยังคงประมาณหกถึงเจ็ดครั้งแพงกว่าต่อหน่วยของกระเป๋ากว่าฮาร์ดดิสก์เกรดผู้บริโภค

โดย 2014 , นี้ส่วนใหญ่ใช้หน่วยความจำและ ใช้แฟลช ซึ่งเก็บข้อมูลได้โดยไม่มีอำนาจ สำหรับการใช้งานที่ต้องการการเข้าถึงอย่างรวดเร็วแต่ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลคงอยู่หลังจากการสูญเสียพลังงานนี้ , อาจจะสร้างจากหน่วยความจำเข้าถึงโดยสุ่ม ( RAM ) อุปกรณ์ดังกล่าวอาจใช้แหล่งพลังงานแยก เช่นแบตเตอรี่ เพื่อรักษาข้อมูลหลังจากการสูญเสียพลังงาน [ 4 ]

ไดรฟ์หรือไดรฟ์โซลิดสเตทไฮบริดไฮบริด sshds ) รวมคุณสมบัติของ SSD และฮาร์ดดิสก์ในหน่วยเดียวกันที่มีขนาดใหญ่และมีแคช SSD ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของการเข้าถึงข้อมูลบ่อย ๆ