Supply and DemandThe point at which

Supply and Demand
The point at which supply and demand curves intersect is called market equilibrium. The word equilibrium means balance, a point of harmony, where supply and demand meet. It is when the quantity demanded equals the quantity supplied. Equilibrium prices are all around us. When you visit a store, every price you see for a product is an equilibrium price. It is important to remember that equilibrium prices are not fixed; they fluctuate with the forces of supply and demand. When there is too much demand(shortage) or too much supply (surplus), we have what economists refer to as disequilibrium. When a producer finds itself in disequilibrium, it has two choices: either adjust the price to meet demand, or adjust output to meet demand. it adjustments are not made in a timely manner, the firm will no longer be able to produce enough revenue to cover its costs. When examining both supply and demand, we must construct both a supply and a demand curve on the same graph.
Figure 2.5 shows a supply and demand graph.
You can see that when the supply and demand curves intersect, we have both an equilibrium price and quantity. Each time the supply or demand curve shifts, a new equilibrium is created. In figure 2-6, the graph on the left shows the impact an increase in demand has on price and quantity. The graph on the right illustrates the impact an increase in supply has on price and quantity.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อุปสงค์และอุปทานจุดที่อุปสงค์และอุปทานที่โค้งอินเรียกว่าสมดุลของตลาด สมดุลคำหมายความ สมดุล ความสามัคคี การที่อุปสงค์และอุปทานที่ตรงกับจุด ปริมาณที่ให้มาเท่ากับปริมาณที่ต้องได้ ราคาสมดุลรอบได้ เมื่อคุณเข้าเยี่ยมชมร้านค้า ราคาทุกคุณเห็นผลิตภัณฑ์มีราคาที่สมดุล สิ่งสำคัญคือต้องจำสมดุลที่ราคาไม่คงที่ จะผันผวนกับกองกำลังของอุปสงค์และอุปทาน เมื่อมี demand(shortage) มากเกินไป หรือใส่มากเกินไป (เกิน) เรามีอะไรนักเศรษฐศาสตร์ถึงเป็น disequilibrium เมื่อโปรดิวเซอร์ที่พบตัวเองใน disequilibrium มีสองตัวเลือก: ปรับราคาเพื่อตอบสนองความต้องการ หรือปรับผลตอบสนองความต้องการ มันไม่มีปรับปรุงได้ทัน บริษัทจะไม่สามารถสร้างรายได้เพียงพอคุ้มทุนของการ เมื่อตรวจสอบทั้งอุปสงค์และอุปทาน เราต้องสร้างการจัดหาวัสดุและความต้องการเส้นโค้งบนกราฟเดียวกันรูป 2.5 แสดงกราฟอุปสงค์และอุปทานคุณจะเห็นว่า เมื่ออุปสงค์และอุปทานเส้นโค้งอิน เรามีสมดุลราคาและปริมาณ แต่ละครั้งการจัดหาวัสดุ หรือเส้นอุปสงค์เลื่อน สร้างสมดุลใหม่ ในรูปที่ 2-6 กราฟทางด้านซ้ายแสดงผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของความต้องได้ในราคาและปริมาณ กราฟด้านขวาแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่มีการเพิ่มขึ้นของอุปทานในราคาและปริมาณ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อุปสงค์และอุปทาน
จุดที่เส้นโค้งอุปสงค์และอุปทานตัดกันเรียกว่าดุลยภาพของตลาด สมดุลคำหมายถึงความสมดุลจุดของความสามัคคีที่อุปทานและตอบสนองความต้องการ มันคือเมื่อปริมาณการเรียกร้องเท่ากับปริมาณที่ให้มา ราคาดุลยภาพอยู่รอบ ๆ ตัวเรา เมื่อคุณเยี่ยมชมร้านค้าราคาที่คุณดูสินค้าเป็นราคาดุลยภาพ มันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ว่าราคาดุลยภาพจะไม่คงที่; พวกเขามีความผันผวนกับกองกำลังของอุปสงค์และอุปทาน เมื่อมีความต้องการมากเกินไป (ขาดแคลน) หรืออุปทานมากเกินไป (ส่วนเกิน) เรามีสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่าสมดุล เมื่อผู้ผลิตพบว่าตัวเองอยู่ในสมดุลก็มีสองตัวเลือก: ทั้งปรับราคาเพื่อตอบสนองความต้องการหรือปรับออกไปยังตอบสนองความต้องการ การปรับเปลี่ยนมันไม่ได้ทำในเวลาที่เหมาะสมที่ บริษัท จะไม่สามารถที่จะผลิตรายได้เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายของ เมื่อตรวจสอบทั้งอุปสงค์และอุปทานที่เราจะต้องสร้างทั้งอุปสงค์และเส้นอุปสงค์ในกราฟเดียวกัน.
รูปที่ 2.5 แสดงให้เห็นถึงอุปสงค์และอุปทานของกราฟ.
คุณจะเห็นว่าเมื่อเส้นโค้งอุปสงค์และอุปทานตัดกันเรามีทั้งราคาดุลยภาพและ ปริมาณ ทุกครั้งที่เปลี่ยนแปลงอุปทานหรือเส้นอุปสงค์ที่สมดุลใหม่จะถูกสร้างขึ้น ในรูป 2-6, กราฟด้านซ้ายแสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของความต้องการที่มีต่อราคาและปริมาณ กราฟด้านขวาแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่เพิ่มขึ้นในการจัดหาได้ในราคาและปริมาณ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อุปสงค์และอุปทาน
จุดที่เส้นโค้งตัดกันเรียกว่า อุปสงค์อุปทานและดุลยภาพตลาด คำว่า ดุลยภาพ หมายถึง ความสมดุล จุดของความสามัคคีที่อุปสงค์และอุปทานได้ มันคือเมื่อปริมาณอุปสงค์เท่ากับปริมาณจัด ราคาดุลยภาพ อยู่รอบตัวเรา เมื่อคุณเยี่ยมชมร้าน ทุกราคาที่คุณดูผลิตภัณฑ์ที่เป็นสมดุลราคามันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ว่าราคาดุลยภาพจะไม่คงที่ จะผันผวน ด้วยกองกำลังของอุปสงค์และอุปทาน เมื่อมีความต้องการที่มากเกินไป ( ขาดแคลน ) หรือใส่มากเกินไป ( เกิน ) เราได้สิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่า การเก็บน้ำ . เมื่อผู้ผลิตพบตัวเองในการเก็บน้ำ มันมีสองตัวเลือก : ทั้งปรับ ราคาเพื่อตอบสนองความต้องการ หรือปรับผลผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการมันปรับไม่ได้ทำในเวลาที่เหมาะสม บริษัทจะไม่สามารถสร้างรายได้เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายของ เมื่อตรวจสอบทั้งอุปทานและอุปสงค์ เราต้องสร้างทั้งอุปทานและเส้นอุปสงค์ในกราฟเดียวกัน
รูปที่ 2.5 แสดงกราฟอุปสงค์และอุปทาน .
คุณสามารถดูได้ว่า เมื่ออุปทานและเส้นอุปสงค์ตัด เรามีทั้งราคาดุลยภาพและปริมาณเวลาแต่ละอุปทานหรือความต้องการกะโค้งสมดุลใหม่ถูกสร้างขึ้น ในรูปที่ 2-6 , กราฟด้านซ้ายแสดงผลเพิ่มขึ้นในความต้องการได้ในราคาและปริมาณ กราฟด้านขวาแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่เพิ่มขึ้นในการจัดหาได้ในราคาและปริมาณ