In the Northern hemisphere, the sho

In the Northern hemisphere, the shortest day and longest night of the year falls on December 21 or December 22 and is called the winter solstice. Many ancient people believed that the sun was a god and that winter came every year because the sun god had become sick and weak. They celebrated the solstice because it meant that at last the sun god would begin to get well. Evergreen boughs reminded them of all the green plants that would grow again when the sun god was strong and summer would return.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในซีกโลกเหนือ วันที่สั้นที่สุดและกลางคืนยาวที่สุดของปีตรงกับวันที่ 21 ธันวาคมหรือวันที่ 22 ธันวาคม และถูกเรียกว่าหนาว คนโบราณเชื่อว่า ดวงอาทิตย์เป็นพระเจ้า และว่า ฤดูหนาวมาทุกปีเนื่องจากพระอาทิตย์ได้กลายเป็นป่วย และอ่อนแอ พวกเขาเฉลิมฉลองอายัน เพราะมันหมายถึง ว่า ในที่สุดพระอาทิตย์จะเริ่มได้ดี เอเวอร์กรีน boughs เตือนพวกเขาของพืชสีเขียวทั้งหมดที่จะเติบโตอีกครั้งเมื่อพระอาทิตย์เจ้าแข็งแกร่ง และฤดูร้อนจะกลับมา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในซีกโลกเหนือในวันที่สั้นที่สุดและกลางคืนยาวที่สุดของปีตรงกับวันที่ 21 ธันวาคมหรือวันที่ 22 ธันวาคมและถูกเรียกว่าฤดูหนาว คนโบราณหลายคนเชื่อว่าดวงอาทิตย์เป็นพระและฤดูหนาวที่มาทุกปีเพราะดวงอาทิตย์พระเจ้าได้กลายเป็นป่วยและอ่อนแอ พวกเขาฉลองครีษมายันเพราะมันหมายความว่าที่สุดท้ายที่พระเจ้าตากแดดจะเริ่มรับเป็นอย่างดี กิ่งเอเวอร์กรีนเตือนให้นึกถึงทุกพืชสีเขียวที่จะเติบโตอีกครั้งเมื่อพระเจ้าตากแดดเป็นคนเข้มแข็งและฤดูร้อนจะกลับมา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในซีกโลกเหนือ เป็นวันที่สั้นที่สุด และกลางคืนของปี ( วันที่ 21 หรือ 22 ธันวาคม และเรียกว่าเหมายัน . คนโบราณจำนวนมากเชื่อว่าดวงอาทิตย์เป็นพระเจ้าและฤดูหนาวมาทุกปี เพราะพระเจ้าได้กลายเป็นป่วยและอ่อนแอ พวกเขาฉลองครีษมายัน เพราะมันหมายถึงว่า ในที่สุด พระอาทิตย์จะเริ่มดีขึ้น ป่าดิบ boughs เตือนพวกเขาของสีเขียวทั้งหมดพืชที่จะเติบโตอีกครั้งเมื่อพระอาทิตย์เข้มแข็งและฤดูร้อนจะกลับมา