An antibody titer is a measurement

An antibody titer is a measurement of how much antibody an organism has produced that recognizes a particular epitope, expressed as the inverse of the greatest dilution that still gives a positive result. ELISA is a common means of determining antibody titers.

For example, the indirect Coombs test detects the presence of anti-Rh antibodies in a pregnant woman's blood serum. A patient might be reported to have an "indirect Coombs titer" of 16. This means that the patient's serum gives a positive indirect Coombs test at any dilution down to 1/16 (1 part serum to 15 parts diluent). At greater dilutions the indirect Coombs test is negative. If a few weeks later the same patient had an indirect Coombs titer of 32 (1/32 dilution which is 1 part serum to 31 parts diluent), this would mean that she was making more anti-Rh antibody, since it took a greater dilution to abolish the positive test.

There are two main kinds of titer testing that one can do. First there is the physical titer; this titer gives one the concentration of virus particles per unit of measurement. The second way to measure viral titers is to perform an infectious titer level. This test tells one the concentration of infectious particles that have the ability to cause infection. A physical titer is much easier and faster to perform but does not always tell one if that level is an infectious amount or not.

Many traditional serological tests such as hemagglutination or complement fixation employ this principle. Such tests can typically be read visually, which makes them fast and cost-effective in a "low-tech" environment. The interpretation of serological titers is guided by reference values that are specific for the antigen or antibody in question; a titer of 1:32 may be below the cut-off for one test but above for another.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มี titer แอนติบอดีจะวัดปริมาณแอนติบอดีชีวิตมีผลิตที่รู้จัก epitope ใด แสดงเป็นค่าผกผันของการเจือจางสูงสุดที่ยัง ให้ผลบวก ELISA เป็นวิธีการทั่วไปกำหนด titers แอนติบอดีตัวอย่าง การทดสอบ Coombs อ้อมตรวจพบสถานะของแอนตี้ต่อต้าน Rh ในซีรั่มของเลือดของหญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยอาจมีรายงานให้เป็น "อ้อม Coombs titer" ของ 16 ซึ่งหมายความ ว่า ซีรั่มของผู้ป่วยให้การทดสอบ Coombs อ้อมบวกที่เจือจางใด ๆ ลงไป 1/16 (ส่วนที่ 1 เซรั่มกับ 15 ส่วน diluent) ที่มากกว่า dilutions Coombs อ้อม ทดสอบเป็นลบ ถ้าไม่กี่สัปดาห์หลังจากผู้ป่วยเดียวกันมี titer Coombs การอ้อมของ 32 (1/32 เจือจางซึ่งเป็นเซรั่มส่วน 1 ชิ้นส่วน 31 diluent), นี้จะหมายความ ว่า เธอถูกทำให้แอนติบอดีขึ้นต่อต้าน Rh เนื่องจากใช้เจือจางมากยุบการทดสอบเป็นบวกมีสองชนิดหลักของ titer ทดสอบหนึ่งที่สามารถทำ ก่อน มี titer จริง titer นี้ทำให้ความเข้มข้นของอนุภาคไวรัสต่อหน่วยของการวัด วิธีที่สองวัด titers ไวรัสคือการ ดำเนินการระดับ titer ที่ติดเชื้อ การทดสอบนี้บอกหนึ่งความเข้มข้นของอนุภาคที่ติดเชื้อที่มีความสามารถในการเกิดการติดเชื้อ Titer จริงจะง่าย และเร็วขึ้นทำ ได้เสมอบอกหนึ่งว่า ระดับนั้นเป็นยอดติดเชื้อ หรือไม่ในทดสอบสภาวะดั้งเดิมเช่น hemagglutination เบีเสริมใช้หลักการนี้ ทดสอบดังกล่าวสามารถจะอ่านเห็น ซึ่งทำให้พวกเขาอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมการ "จำ" การตีความของ titers ที่สภาวะรับคำแนะนำ โดยอ้างอิงค่าที่ระบุสำหรับการตรวจหาแอนติบอดีในคำถาม titer ของ 1:32 อาจจะด้านล่างตัดหนึ่งทดสอบแต่เหนืออื่นได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

titer แอนติบอดีเป็นวัดของเท่าใดแอนติบอดีสิ่งมีชีวิตมีการผลิตที่ตระหนัก epitope เฉพาะแสดงเป็นผกผันของการลดสัดส่วนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ยังคงให้ผลบวก วิธี ELISA เป็นวิธีการทั่วไปของการกำหนดระดับแอนติบอดี. ยกตัวอย่างเช่นการทดสอบทางอ้อมคูมบ์สตรวจพบการปรากฏตัวของแอนติบอดีต่อต้าน Rh ในเลือดน้ำเหลืองหญิงตั้งครรภ์ที่ ผู้ป่วยอาจจะมีการรายงานไปยังมี "คูมบ์ส titer อ้อม" 16 ซึ่งหมายความว่าซีรั่มของผู้ป่วยให้การทดสอบเป็นบวกทางอ้อมคูมบ์สที่เจือจางใด ๆ ลงไปที่ 1/16 (เซรั่ม 1 ส่วน 15 เจือจางชิ้นส่วน) ที่เจือจางมากขึ้นการทดสอบทางอ้อมคูมบ์สเป็นลบ ถ้าไม่กี่สัปดาห์ต่อมาผู้ป่วยรายเดิมมี titer ทางอ้อมของคูมบ์ส 32 (1/32 เจือจางซีรั่มซึ่งเป็นส่วนที่ 1 ถึงวันที่ 31 เจือจางส่วน) นี้จะหมายถึงว่าเธอกำลังทำมากขึ้นแอนติบอดีต่อต้าน Rh เพราะมันเอาเจือจางมากขึ้น ที่จะยกเลิกการทดสอบในเชิงบวก. มีสองชนิดหลักของการทดสอบ titer ว่าสามารถทำได้ ครั้งแรกที่มี titer ทางกายภาพ titer นี้จะช่วยให้หนึ่งในความเข้มข้นของอนุภาคไวรัสต่อหน่วยของการวัด วิธีที่สองในการวัดเชื้อไวรัสคือการดำเนินการในระดับที่ titer ติดเชื้อ การทดสอบนี้จะบอกหนึ่งในความเข้มข้นของอนุภาคติดเชื้อที่มีความสามารถที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อ titer ทางกายภาพเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วในการดำเนินการ แต่ไม่เคยบอกหนึ่งถ้าระดับที่เป็นจำนวนเงินที่ติดเชื้อหรือไม่. หลายการทดสอบทางภูมิคุ้มกันแบบดั้งเดิมเช่น hemagglutination หรือเติมเต็มจ้างตรึงหลักการนี้ การทดสอบดังกล่าวมักจะสามารถอ่านได้ทางสายตาซึ่งทำให้พวกเขาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพใน "ต่ำเทคโนโลยี" สภาพแวดล้อม การตีความของ titers ทางภูมิคุ้มกันที่ถูกชี้นำโดยค่าอ้างอิงที่มีความเฉพาะเจาะจงสำหรับแอนติเจนหรือแอนติบอดีในคำถาม; titer ของ 01:32 อาจจะเป็นด้านล่างตัดสำหรับการทดสอบ แต่เหนืออีก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นแอนติบอดีคือการวัดแอนติบอดีเท่าใด สิ่งมีชีวิตที่มีการผลิตที่รู้จักไวรัสโดยเฉพาะ ซึ่งการผกผันของที่สุดที่ยังคงให้ผลเป็นบวก ELISA เป็นสามัญหมายถึงการกําหนดโดยแอนติบอดี

ตัวอย่าง การทดสอบ คูมส์ทางอ้อมตรวจจับการมีอยู่ของแอนติบอดีต่อต้าน Rh ในเลือดของหญิงตั้งครรภ์ .ผู้ป่วยอาจจะมีรายงานว่ามี " ระดับ คูมส์ทางอ้อม " 16 ซึ่งหมายความว่า ซีรั่มของผู้ป่วยให้บวกทางอ้อม คูมส์ทดสอบที่เจือจางลง 1 / 16 ( 1 ส่วนเซรั่ม 15 ส่วนเจือจาง ) ที่มากกว่าวิธีการทดสอบ คูมส์ทางอ้อมเป็นลบถ้าไม่กี่สัปดาห์ต่อมาผู้ป่วยเดียวกันมี คูมส์ทางอ้อมระดับ 32 ( 1 / 32 ( ซึ่งเป็น 1 ส่วนเซรั่ม 31 ส่วนเจือจาง ) , นี้จะหมายถึงว่าเธอกำลังเพิ่มเติมแอนติบอดีต่อต้าน Rh เพราะมันก็เจือจางมากขึ้นเพื่อยกเลิกการทดสอบบวก

มีหลักสองประเภทของการทดสอบ ระดับหนึ่งที่สามารถทำ แรกมีความแตกต่างทางกายภาพระดับนี้ให้ความเข้มข้นของอนุภาคไวรัสต่อหน่วยของการวัด วิธีที่ 2 วัดโดยไวรัสจะดําเนินการระดับ : ติดเชื้อ แบบทดสอบนี้จะบอกหนึ่ง ความเข้มข้นของอนุภาคติดเชื้อที่มีความสามารถในการก่อให้เกิดการติดเชื้อ เป็นอิสระทางกายภาพจะง่ายขึ้นและเร็วขึ้นเพื่อดำเนินการ แต่ไม่ได้บอกได้เสมอ ถ้าระดับนั้นเป็นจำนวนที่ติดเชื้อหรือไม่ . . . .

หลายแบบดั้งเดิม ผลการทดสอบเช่นการทดสอบการเกาะกลุ่ม ของเม็ดเลือดแดงหรือการตรึงคอมพลีเมนต์ใช้หลักการนี้ การทดสอบดังกล่าวโดยทั่วไปสามารถอ่านสายตาซึ่งทำให้พวกเขาได้อย่างรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายในการ " โลว์เทค " สิ่งแวดล้อม การตีความโดยมากเป็นแนวทางโดยค่าอ้างอิงที่เฉพาะเจาะจงกับแอนติเจนหรือแอนติบอดีในคำถาม ; ระดับ 132 อาจจะต่ำกว่าจุดตัดสำหรับการทดสอบ แต่ข้างบนอีก