Three years ago I wrote about a pap

Three years ago I wrote about a paper linking talc to an increased risk of ovarian cancer. It is a debate that has rumbled on for decades. Talc is naturally occurring and consists of magnesium, silicon, hydrogen and oxygen. It is mined from the soil and, before 1973, was often contaminated with asbestos (a naturally occurring close neighbour in the ground).

Last year, a court awarded a woman in California $13m for developing mesothelioma (a tumour of the lining of the lungs) from using talc with asbestos in it – the tiny fibres in talc are easily inhaled. Removing the asbestos, however, did not stop some studies continuing to link talc with ovarian cancer. A 2003 meta-analysis looking at 16 studies involving 11,933 women found talc was associated with a higher risk of ovarian cancer, but a 2014 study of 61,576 women found no such link. The International Agency for Research on Cancer (part of the WHO) has classified talc applied to the genitals as “possibly carcinogenic”. The studies that have found the weak links have been case-control studies that compare the use of talc by women with ovarian cancer to those without it. They rely on self-reported talc use, which is not terribly reliable.


Should I stop using talcum powder?
Read more
There is a plausible mechanism by which talc could promote cancer – by triggering long-term inflammation. But since ovarian cancer is uncommon, the use of talc will only raise a small risk by a smallish amount (up to a third). There are stronger risks for ovarian cancer, such as genetic abnormalities, hormone replacement therapy and being overweight. Studies do not show a relationship between the amount of talc used and the likelihood of ovarian cancer – if there was a strong link they would do. But while talc may not be unsafe, a fluffy towel is safer. The popularity of talc is already waning and won’t be helped by more lawsuits.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สามปีที่แล้วผมเขียนเกี่ยวกับการเชื่อมโยงแป้งเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งรังไข่กระดาษ มันเป็นการอภิปรายที่มี rumbled ในทศวรรษที่ผ่านมา แป้งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ และประกอบด้วยแมกนีเซียม ซิลิคอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน มันเป็นที่ขุดจากดิน และ 1973 ก่อนถูกมักจะปนเปื้อนกับใยหิน (เกิดขึ้นตามธรรมชาติปิดเพื่อนบ้านดิน)ปี $13 เมตรการพัฒนาโรคมะเร็งปอด (เนื้องอกของเยื่อบุปอด) จากการใช้แป้งกับใยหินในศาลรับผู้หญิงในแคลิฟอร์เนีย – เส้นใยเล็ก ๆ ในแป้งมีการสูดดมได้ เอาแร่ใยหิน อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้หยุดการศึกษาบางการเชื่อมโยงกับมะเร็งรังไข่แป้งต่อไป 2003 meta-analysis 16 ศึกษาเกี่ยวข้องกับผู้หญิง 11,933 พบแป้งเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงสูงของโรคมะเร็งรังไข่ แต่การศึกษา 2014 61,576 ผู้หญิงพบเชื่อมโยงดังกล่าว สำนักงานระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยมะเร็ง (เป็นส่วนหนึ่งของคน) ได้จัดแป้งใช้กับอวัยวะเพศเป็น "อาจก่อมะเร็ง" การศึกษาที่พบการเชื่อมโยงที่อ่อนแอการควบคุมกรณีศึกษาที่เปรียบเทียบการใช้แป้งโดยสตรีที่เป็นมะเร็งรังไข่ที่ไม่ได้ พวกเขาพึ่งพาตนเองรายงานแป้งใช้ ซึ่งไม่น่าเชื่อถือชะมัดฉันควรหยุดใช้แป้ง อ่านเพิ่มเติมมีกลไกที่เป็นไปได้ โดยแป้งซึ่งจะส่งเสริมมะเร็ง– โดยเรียกการอักเสบระยะยาว แต่ตั้งแต่มะเร็งรังไข่ผิดปกติ การใช้แป้งเท่านั้นจะยกระดับความเสี่ยงตามจำนวนเงิน smallish (ถึงที่สาม) มีความเสี่ยงมากขึ้นสำหรับมะเร็งรังไข่ เช่นความผิดปกติทางพันธุกรรม ฮอร์โมนทดแทน และการมีน้ำหนักเกิน การศึกษาแสดงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณของแป้งที่ใช้และโอกาสของมะเร็งรังไข่ถ้ามีการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่ง พวกเขาจะทำ ได้ แต่ในขณะที่แป้งอาจไม่ปลอดภัย ผ้าขนหนูนุ่มปลอดภัย ความนิยมของแป้งจะสวยอยู่แล้ว และจะไม่ช่วยเหลือ โดยคดีเพิ่มเติม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สามปีที่ผ่านมาผมเขียนเกี่ยวกับการเชื่อมโยงกระดาษแป้งโรยตัวที่จะเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งรังไข่ มันเป็นที่มีการอภิปรายเกี่ยวกับการแล่นมานานหลายทศวรรษ แป้งจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติและประกอบด้วยแมกนีเซียมซิลิกอน, ไฮโดรเจนและออกซิเจน มันเป็นที่ขุดจากดินและก่อนปี 1973 มักจะถูกปนเปื้อนด้วยใยหิน (เกิดขึ้นตามธรรมชาติเพื่อนบ้านใกล้ชิดในพื้นดิน).

ปีที่ผ่านมาศาลได้รับรางวัลผู้หญิงในรัฐแคลิฟอร์เนีย $ 13m สำหรับการพัฒนา mesothelioma (เนื้องอกของเยื่อบุของ ปอด) จากการใช้แป้งที่มีแร่ใยหินในนั้น - เส้นใยเล็ก ๆ ในแป้งจะสูดดมเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ถอดแร่ใยหิน แต่ก็ไม่ได้หยุดบางการศึกษาอย่างต่อเนื่องที่จะเชื่อมโยงแป้งโรยตัวด้วยโรคมะเร็งรังไข่ 2003 meta-analysis มองหาที่ 16 ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา 11,933 ผู้หญิงพบว่าแป้งมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงสูงของโรคมะเร็งรังไข่ แต่การศึกษา 2014 ของผู้หญิง 61,576 พบว่าไม่มีการเชื่อมโยงดังกล่าว หน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยมะเร็ง (ส่วนหนึ่งของ WHO) ได้จำแนกแป้งนำไปใช้กับอวัยวะเพศเป็น "สารก่อมะเร็งอาจ" การศึกษาที่ได้พบการเชื่อมโยงที่อ่อนแอได้รับการศึกษากรณีการควบคุมที่เปรียบเทียบการใช้แป้งโรยตัวโดยสตรีที่เป็นมะเร็งรังไข่ให้กับผู้ที่ไม่ได้ พวกเขาพึ่งพาตนเองรายงานการใช้แป้งโรยตัวซึ่งไม่น่าเชื่อถือชะมัด.


ฉันควรหยุดใช้แป้งฝุ่น?
อ่านเพิ่มเติม
มีกลไกที่เป็นไปได้โดยที่แป้งสามารถส่งเสริมมะเร็ง - โดยเรียกการอักเสบในระยะยาว แต่เนื่องจากโรคมะเร็งรังไข่เป็นเรื่องธรรมดาการใช้แป้งโรยตัวจะเพิ่มความเสี่ยงขนาดเล็กตามจำนวนเงินที่ smallish (ได้ถึงสาม) มีความเสี่ยงมากขึ้นสำหรับโรคมะเร็งรังไข่เช่นความผิดปกติทางพันธุกรรมฮอร์โมนทดแทนและการมีน้ำหนักเกินเป็น การศึกษาไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณของแป้งและใช้โอกาสในการเป็นโรคมะเร็งรังไข่ - ถ้ามีการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งพวกเขาจะทำ แต่ในขณะที่แป้งอาจจะไม่ปลอดภัย, ผ้าขนหนูหนานุ่มมีความปลอดภัย ความนิยมของแป้งอยู่แล้วลดลงและจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคดีมากขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สามปีที่ผ่านมา ฉันเขียนเกี่ยวกับกระดาษเชื่อมโยงแป้งเพื่อเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งรังไข่ มันคือการอภิปรายที่ได้ส่งเสียงดังในทศวรรษที่ผ่านมา แป้งจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และประกอบด้วยแมกนีเซียม , ซิลิคอน , ไฮโดรเจนและออกซิเจน มันขุดจากดิน และก่อนปี 1973 มักจะปนเปื้อนใยหิน ( ธรรมชาติที่เกิดขึ้นใกล้เพื่อนบ้านในพื้นดิน )ปีที่แล้ว ศาลได้รับรางวัลผู้หญิงในแคลิฟอร์เนีย $ 13M เพื่อพัฒนา Mesothelioma ( เนื้องอกของเยื่อบุปอด ) จากการใช้แป้งกับใยหินในมันและเส้นใยเล็ก ๆในแป้งจะได้สูดดม การกำจัดใยหิน , อย่างไรก็ตาม , ไม่ได้หยุดบางการศึกษาอย่างต่อเนื่องเพื่อเชื่อมโยงแป้งกับมะเร็งรังไข่ 2003 การวิเคราะห์อภิมานมอง 16 การศึกษาเกี่ยวข้องกับผู้หญิง 11933 เจอแป้งที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของโรคมะเร็งรังไข่ แต่การศึกษาของผู้หญิง 61576 2014 พบไม่มีลิงค์ หน่วยงานวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ ( ส่วนที่ ) มีแป้งแบ่งใช้กับอวัยวะเพศ " อาจเป็นสารก่อมะเร็ง " ผลการศึกษาพบว่ามีการเชื่อมโยงอ่อนแอได้รับการศึกษาย้อนหลังแบบเปรียบเทียบการใช้แป้งโรยตัว โดยผู้หญิงกับมะเร็งรังไข่ เพื่อผู้ที่ไม่มีมัน พวกเขาพึ่งพา self-reported แป้งใช้ซึ่งเชื่อถือไม่ได้จริงๆฉันควรหยุดใช้แป้งฝุ่น ?อ่านเพิ่มเติมมีกลไกที่เป็นไปได้ที่แป้งจะส่งเสริมโดยการทริกเกอร์อักเสบและมะเร็งในระยะยาว แต่เนื่องจากโรคมะเร็งรังไข่ผิดปกติ การใช้แป้งทาตัวจะเพิ่มความเสี่ยงขนาดเล็ก โดยมียอดเงิน smallish ( ถึง 3 ) มีความเสี่ยงที่แข็งแกร่งสำหรับมะเร็งรังไข่ เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม ฮอร์โมนทดแทน และคนอ้วน ศึกษาไม่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณของแป้งที่ใช้ และโอกาสของการเป็นมะเร็งรังไข่ และถ้ามีแข็งแรงลิงค์ พวกเขาจะทำ แต่ในขณะที่แป้งอาจจะไม่ปลอดภัย ผ้าขนหนูปุยจะปลอดภัยกว่า ความนิยมของแป้งก็ลดลงและจะช่วยไม่ได้โดยคดีเพิ่มเติม