The cited erosion thresholds, toget

The cited erosion thresholds, together with the land area
affected by erosion, lead us to make the following land management
recommendations for the agroforestry system of shadegrown
coffee with Inga spp and Musa spp:
1. Coffee should be grown with at least 60–65% of litter layer,
which will limit the impact of erosion to around 13% of the
cultivated area. Therefore, it is advisable to leave plant residue in
place after weeding and pruning operations.
2. Coffee should be grown on slopes with a gradient of less than
30%, in order to reduce erosion to less than 10%. However, an
acceptable level of erosion can be maintained (at around 16%) on
slopes with gradients of 50–70% in a perennial agroforestry
system. Therefore, the slope gradient factor does not signifi-
cantly increase erosion rates in this agroforestry system, which
is important because coffee in Central America is often grown on
slopes that exceed 50%.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Thresholds อ้างถึงพังทลาย ร่วมกับพื้นที่ผลกระทบจากการกัดเซาะ นำเราให้จัดการที่ดินต่อไปนี้คำแนะนำสำหรับระบบพื้นที่ของ shadegrownกาแฟกับสุ spp และ Musa spp:1. กาแฟควรปลูกอย่างน้อย 60 – 65% ของชั้นครอกซึ่งจะจำกัดผลกระทบของการกัดเซาะประมาณ 13% ของการพื้นที่เพาะปลูก ดังนั้น มันจะแนะนำให้ทิ้งสารตกค้างในพืชในวางหลังกำจัดวัชพืช และตัดแต่งกิ่งการดำเนินงาน2. กาแฟควรปลูกบนเนินเขาด้วยการไล่ระดับสีของน้อยกว่า30% เพื่อลดการกัดเซาะน้อยกว่า 10% อย่างไรก็ตาม การสามารถรักษาระดับยอมรับได้ของการกัดเซาะ (ที่ประมาณ 16%) ในลาดกับไล่ระดับ 50 – 70% ในการหยัดยืนต้นระบบ ดังนั้น ตัวไล่ระดับความลาดชันไม่ไม่พลาด-อัตรากัดเซาะเพิ่มขึ้นหรือในระบบนี้ทำวนเกษตร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมักจะมีปลูกกาแฟในอเมริกากลางในเนินที่เกิน 50%

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อ้างเกณฑ์การกัดเซาะร่วมกับที่ดินพื้นที่
ได้รับผลกระทบจากการกัดเซาะ, นำเราที่จะทำให้การจัดการที่ดินต่อไปนี้
คำแนะนำสำหรับระบบวนเกษตรของ shadegrown
กาแฟ Inga เอสพีพีและมูซาเอสพีพี:
1 กาแฟควรจะเติบโตอย่างน้อย 60-65% ของชั้นครอก
ซึ่งจะ จำกัด ผลกระทบของการกัดเซาะไปประมาณ 13% ของ
พื้นที่เพาะปลูก ดังนั้นจึงแนะนำให้ออกจากสารตกค้างในพืช
เกิดขึ้นหลังจากการกำจัดวัชพืชและการดำเนินการตัดแต่งกิ่ง.
2 กาแฟควรจะปลูกอยู่บนเนินเขาที่มีความลาดชันน้อยกว่า
30% เพื่อลดการพังทลายไปน้อยกว่า 10% อย่างไรก็ตาม
ระดับที่ยอมรับได้ของการกัดเซาะสามารถเก็บรักษาไว้ (ประมาณ 16%) บน
เนินเขาที่มีการไล่ระดับสีของ 50-70% ในวนเกษตรยืนต้น
ระบบ ดังนั้นปัจจัยความลาดเอียงลาดไม่ได้มีนัยสำคัญ
อัตราการเพิ่มขึ้นของการกัดเซาะอย่างมีอยู่ในระบบวนเกษตรนี้ซึ่ง
เป็นสิ่งสำคัญเพราะกาแฟในอเมริกากลางมักจะปลูกบน
เนินเขาที่เกิน 50%

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ดังกล่าว ซึ่งการเข้าพื้นที่ที่ดินผลกระทบจากการกัดเซาะ นำเราให้จัดการที่ดินตามข้อเสนอแนะสำหรับระบบวนเกษตรของ shadegrownกาแฟกับ Inga และมูซา และไฟฟ้า :1 . กาแฟควรปลูกอย่างน้อย 60 - 65% ของชั้นแคร่ซึ่งจะกำหนดผลกระทบของการกัดเซาะประมาณ 13% ของพื้นที่ปลูก ดังนั้น จึงขอแนะนำให้ทิ้งสารตกค้างในพืชหลังจากกำจัดวัชพืชและการดำเนินงาน2 . กาแฟ ควรปลูกบนเนินเขา มีความลาดชันน้อยกว่า30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลดการกัดเซาะน้อยกว่า 10% อย่างไรก็ตามระดับที่ยอมรับได้ของการกัดกร่อนสามารถรักษา ( ประมาณ 16 % )ลาดด้วยการไล่ระดับสี 50 – 70 % ในการปลูกไม้ยืนต้นระบบ ดังนั้น ปัจจัยไม่ signifi - ลาดเนินลดลงอย่างมีนัยสําคัญเมื่อเพิ่มอัตราการกัดกร่อนในระบบวนเกษตรนี้ ซึ่งเพราะกาแฟในอเมริกากลาง มักปลูกลาดที่เกิน 50%