The history of the United Kingdom a

The history of the United Kingdom as a unified sovereign state began in 1707 with the political union of the kingdoms of England and Scotland, into a united kingdom called Great Britain. On this new state the historian Simon Schama said "What began as a hostile merger would end in a full partnership in the most powerful going concern in the world it was one of the most astonishing transformations in European history." A further Act of Union in 1800 added the Kingdom of Ireland to create the United Kingdom of Great Britain and Ireland.
The early years of the unified kingdom of Great Britain were marked by Jacobite risings which ended with defeat for the Stuart cause at Culloden in 1746. Later, in 1763, victory in the Seven Years War led to the dominance of the British Empire, which was to be the foremost global power for over a century and grew to become the largest empire in history. As a result, the culture of the United Kingdom, and its industrial, political, constitutional, educational and linguistic legacy, is widespread.
In 1922, following the Anglo-Irish Treaty, Ireland effectively seceded from the United Kingdom to become the Irish Free State; a day later, Northern Ireland seceded from the Free State and became part of the United Kingdom. As a result, in 1927 the United Kingdom changed its formal title to the "United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland," usually shortened to the "United Kingdom", the "UK" or "Britain". Former parts of the British Empire became independent dominions.

In the Second World War, in which the Soviet Union, Nationalist China and the US joined Britain as allied powers, Britain and its Empire fought a successful war against Germany, Italy and Japan. The cost was high and Britain no longer had the wealth or the inclination to maintain an empire, so it granted independence to most of the Empire. The new states typically joined the Commonwealth of Nations.The United Kingdom has sought to be a leading member of the United Nations, the European Union and NATO. Since the 1990s, however, large-scale devolution movements in Northern Ireland, Scotland and Wales have brought into question the degree of unity of this constantly evolving political union.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประวัติความเป็นมาของสหราชอาณาจักรในฐานะที่เป็นรัฐอธิปไตยแบบครบวงจรเริ่มต้นในปี 1707 กับพันธมิตรทางการเมืองของราชอาณาจักรของประเทศอังกฤษและสกอตแลนด์เป็นสหราชอาณาจักรเรียกว่าสหราชอาณาจักร เกี่ยวกับสถานะใหม่นี้ประวัติศาสตร์ไซมอน Schama กล่าวว่า "สิ่งที่เริ่มเป็นการควบรวมกิจการที่เป็นมิตรจะสิ้นสุดในห้างหุ้นส่วนเต็มรูปแบบในความกังวลที่จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลกมันเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป." พระราชบัญญัติต่อไปของยูเนี่ยนใน 1800 เพิ่มราชอาณาจักรไอร์แลนด์ในการสร้างสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์.
ในช่วงปีแรกของอาณาจักรแบบครบวงจรของสหราชอาณาจักรถูกทำเครื่องหมายด้วย risings Jacobite ซึ่งจบลงด้วยความพ่ายแพ้สำหรับสาเหตุจวร์ตคัลใน 1746 . ต่อมาใน 1763, ชัยชนะในสงครามเจ็ดปีนำไปสู่การปกครองของจักรวรรดิอังกฤษซึ่งจะเป็นพลังงานทั่วโลกที่สำคัญที่สุดมานานกว่าศตวรรษและกลายเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นผลให้วัฒนธรรมของสหราชอาณาจักรและอุตสาหกรรมการเมืองรัฐธรรมนูญมรดกการศึกษาและภาษาที่เป็นที่แพร่หลาย.
ในปี 1922 ตามสนธิสัญญาแองโกลไอริช, ไอร์แลนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพแยกตัวจากสหราชอาณาจักรที่จะกลายเป็นรัฐอิสระไอริช ; วันต่อมาไอร์แลนด์เหนือถอนตัวจากรัฐอิสระและกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร เป็นผลให้ในปี 1927 สหราชอาณาจักรเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเพื่อ "สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ" มักจะสั้นลงไปที่ "สหราชอาณาจักร" ที่ "สหราชอาณาจักร" หรือ "สหราชอาณาจักร" ส่วนอดีตของจักรวรรดิอังกฤษกลายเป็นอาณาจักรอิสระ. ในสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งในสหภาพโซเวียต, ไต้หวันจีนและสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสหราชอาณาจักรเป็นพลังพันธมิตรอังกฤษและเอ็มไพร์ของสงครามต่อสู้ประสบความสำเร็จกับเยอรมนี, อิตาลีและญี่ปุ่น ค่าใช้จ่ายสูงและสหราชอาณาจักรไม่ได้มีความมั่งคั่งหรือความโน้มเอียงที่จะรักษาอาณาจักรจึงได้รับความเป็นอิสระมากที่สุดของจักรวรรดิ รัฐใหม่มักจะเข้าร่วมเครือ Nations.The สหราชอาณาจักรได้พยายามที่จะเป็นสมาชิกชั้นนำของสหประชาชาติสหภาพยุโรปและนาโต ตั้งแต่ปี 1990 แต่การเคลื่อนไหวของความรับผิดชอบขนาดใหญ่ในภาคเหนือของไอร์แลนด์สกอตแลนด์และเวลส์ได้นำเข้ามาถามระดับของความสามัคคีนี้พัฒนาอย่างต่อเนื่องสหภาพทางการเมือง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักรเป็นรัฐอธิปไตยซึ่งเริ่มขึ้นใน ค.ศ. 1707 กับสหภาพทางการเมืองของราชอาณาจักรอังกฤษและสกอตแลนด์เป็นสหราชอาณาจักรเรียกว่าสหราชอาณาจักรในนี้ สภาพใหม่ นักประวัติศาสตร์ไซมอน schama กล่าวว่า " สิ่งที่เริ่มเป็นการควบรวมกิจการที่เป็นมิตรจะสิ้นสุดในห้างหุ้นส่วนเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด กังวลไปในโลก มันเป็นหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป “การกระทำต่อไปของสหภาพใน 1800 เป็นราชอาณาจักรไอร์แลนด์สร้างสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่
และ ไอร์แลนด์ปีแรกของการรวมราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ถูกทำเครื่องหมายโดย risings Jacobite ซึ่งสิ้นสุดกับความพ่ายแพ้เพราะสจ๊วตที่คัลโลเดนใน 1746 . ต่อมาใน 1763 , ชัยชนะในสงครามเจ็ดปี ( การปกครองของจักรวรรดิอังกฤษซึ่งเป็นชั้นดีระดับโลกพลังงานมานานกว่าศตวรรษและขยายตัวเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ผลวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักร และ บริษัท อุตสาหกรรม , การเมือง , รัฐธรรมนูญ , มรดก , การศึกษาด้านภาษาและเป็นที่แพร่หลาย .
ในปี 1922 ตามสนธิสัญญาแองโกลไอริชไอร์แลนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ seceded จากสหราชอาณาจักรเป็น รัฐอิสระไอริช ; วันต่อมา ไอร์แลนด์เหนือ seceded จากรัฐฟรี และกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร สหราชอาณาจักร ผล1927 สหราชอาณาจักรเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการของ " สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ " มักจะสั้น " ราชอาณาจักร " สหรัฐ " UK " หรือ " สหราชอาณาจักร " ส่วนอดีตของจักรวรรดิอังกฤษเป็นอาณาจักรอิสระ

ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในสหภาพโซเวียต จีน ไต้หวัน และสหรัฐกับอังกฤษเป็นพันธมิตรที่มีอำนาจสหราชอาณาจักรและอาณาจักรของมันต่อสู้สงครามประสบความสำเร็จ กับ เยอรมัน อิตาลี และญี่ปุ่น ค่าใช้จ่ายก็สูง และอังกฤษไม่ได้มีทรัพย์สมบัติ หรือความโน้มเอียงที่จะรักษาอาณาจักร จึงได้รับอิสรภาพมากที่สุดของจักรวรรดิ สภาพใหม่มักจะเข้าร่วมเครือจักรภพแห่งชาติ สหราชอาณาจักร ได้ ขอ เป็นสมาชิกชั้นนำของ สหประชาชาติ สหภาพยุโรป และ นาโต้ตั้งแต่ปี 1990 , อย่างไรก็ตาม , ขนาดใหญ่การการเคลื่อนไหวในไอร์แลนด์เหนือสกอตแลนด์และเวลส์มีเข้ามาถามระดับของความสามัคคีของการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

การเมืองสหภาพแรงงาน