Reduced mobility and subsequent los

Reduced mobility and subsequent loss of independence severely reduces the quality of life for blind individuals and often leads to social isolation, depression, limited access to education, and fewer employment opportunities [14, 23]. Though various outdoor [28, 29] and indoor navigation systems [13, 17] have been developed, mobility is significantly constrained as these systems only support walking. To travel larger distances blind users often rely upon public transportation. Though public transportation is widely available in urban areas, in rural areas access may be limited. Blind individuals may also experience significant barriers due to a lack of accessible information pertaining schedules and announcements of stops [19]. Though more expensive, cars are considered a more usable form of transportation as they are not constrained to a fixed route and schedule.
In 2004, the Jernigan Research Institute posed the National Federation of the Blind’s “Blind Driver Challenge”
[11], which challenged researchers and innovators to develop
interface technologies that can empower blind people to drive a car independently as to increase their mobility. In recent
years, several autonomous vehicles have been developed [10, 27], most notably, Google’s driverless car.
In recent trials, autonomous vehicles have successfully been used by blind
people to get groceries or food [6].
The blind driver challenge, however, aims to be more ambitious by including a role for a blind individual as a pilot beyond being a passenger who just provides a destination. This challenge aims to spur innovation by enabling a blind driver to make informed driving decisions, such as steering and maintaining speed, using a nonvisual interface that can convey real-time
information about the environment [11].
There is another important reason to investigate how blind people can drive a vehicle: current legislation doesn’t allow blind people to use autonomous vehicles independently. Laws in both California and Florida require a licensed driver to be in the vehicle
to take over control in case of a malfunction [1].
This paper makes the following contributions: (1) we improve a haptic steering interface developed in prior research
[30]
such to enable blind individuals to independently steer a vehicle on a track; (2) a comparative study with sighted and blind subjects identifies what accuracy is required for steering and what accuracy can be achieved with our hap-tic steering interface; and (3) we investigate whether prior driving experience affects steering performance.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การบินกรุงเทพและต่อมาเสียเอกราชรุนแรงลดคุณภาพชีวิตสำหรับบุคคลที่ตาบอดและมักจะนำไปสู่การแยกทางสังคม ภาวะซึมเศร้า เข้าศึกษา และโอกาสการจ้างงานได้น้อยลง [14, 23] แม้ต่าง ๆ กลางแจ้ง [28, 29] และระบบนำทางในร่ม [13, 17] ได้รับการพัฒนา จำกัดความคล่องตัวมากเท่าที่ระบบเหล่านี้ได้สนับสนุนการเดินเท่านั้น การเดินทางระยะทางขนาดใหญ่ ผู้ใช้ตาบอดมักจะใช้เมื่อเดินทาง แต่ไม่แพร่หลายในเขตเมือง ในชนบท เข้าถึงได้จำกัด คนตาบอดอาจยังพบอุปสรรคสำคัญเนื่องจากการขาดการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการและประกาศหยุด [19] แม้ว่าราคาแพงมากขึ้น รถกำลังขนส่งรูปแบบเพิ่มเติมได้ ตามที่พวกเขาจะไม่จำกัดเส้นทางถาวรและกำหนดการในปี 2547 สถาบันวิจัย Jernigan อิทธพลของคนตาบอด "ตาบอดควบคุมท้าทาย" สภาแห่งชาติ[11], ซึ่งท้าทายนักวิจัยและ innovators พัฒนาเทคโนโลยีของอินเทอร์เฟซที่สามารถอำนาจคนตาบอดขับรถได้อย่างอิสระเพื่อเพิ่มความคล่องตัวของพวกเขา ในล่าสุดปี ได้รับการพัฒนายานพาหนะอิสระหลาย [10, 27], สุดยวด ของ Google driverless รถในการทดลองล่าสุด รถยนต์อิสระเรียบร้อยแล้วใช้คนตาบอดคนจะได้รับอาหารหรืออาหาร [6]ท้าทายโปรแกรมควบคุมตาบอด มีวัตถุประสงค์อย่างไรก็ตาม จะทะเยอทะยานมากขึ้น โดยการรวมบทบาทสำหรับบุคคลที่ตาบอดเป็นผู้นำร่องนอกเหนือจากผู้โดยสารที่มีปลายทางเพียง ความท้าทายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นนวัตกรรมโดยโปรแกรมควบคุมตาบอดเพื่อการตัดสินใจแบบขับ พวงมาลัยพาวเวอร์ และรักษาความเร็ว การใช้อินเทอร์เฟซแบบ nonvisual ที่สามารถถ่ายทอดแบบเรียลไทม์ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม [11]มีอีกเหตุผลที่สำคัญการตรวจสอบวิธี blind คนสามารถขับรถยนต์: กฎหมายปัจจุบันไม่อนุญาตให้คนตาบอดใช้บริการยานพาหนะปกครองอย่างอิสระ กฎหมายแคลิฟอร์เนียและฟลอริดาต้องการโปรแกรมควบคุมที่ได้รับใบอนุญาตอยู่ในรถนำไปควบคุมในกรณีที่ความผิดปกติ [1]กระดาษนี้ทำให้การจัดสรรดังต่อไปนี้: (1) เราปรับปรุงอินเตอร์เฟซขับ haptic พัฒนางานวิจัยก่อนหน้านี้[30]ดังกล่าวเพื่อให้คนตาบอดอย่างอิสระมาลัยบนแทร็ก (2) ศึกษาเปรียบเทียบกับเรื่องคนตาบอด และ sighted ระบุความแม่นยำสิ่งจำเป็นสำหรับพวงมาลัยและความถูกต้องอะไรสามารถทำได้ ด้วยติดต่อเราขับรับผลิตกระป๋องหาบ และ (3) เราตรวจสอบว่า ก่อนขับรถประสบการณ์มีผลต่อประสิทธิภาพของพวงมาลัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเคลื่อนไหวที่ลดลงและการสูญเสียที่ตามมาของความเป็นอิสระอย่างรุนแรงลดคุณภาพชีวิตของบุคคลที่ตาบอดและมักจะนำไปสู่การแยกทางสังคม, ซึมเศร้า, การ จำกัด การเข้าถึงการศึกษาและโอกาสการจ้างงานน้อยลง [14, 23] แม้ว่าต่างๆกลางแจ้ง [28 29] และระบบนำทางในร่ม [13, 17] ได้รับการพัฒนาและความคล่องตัวเป็นข้อ จำกัด อย่างมีนัยสำคัญเป็นระบบเหล่านี้เพียง แต่สนับสนุนการเดิน หากต้องการเดินทางในระยะทางขนาดใหญ่ตาบอดผู้ใช้มักจะพึ่งพาการขนส่งสาธารณะ แม้ว่าการขนส่งสาธารณะสามารถใช้ได้อย่างกว้างขวางในพื้นที่เขตเมืองในการเข้าถึงพื้นที่ชนบทอาจจะมี จำกัด บุคคลคนตาบอดยังอาจพบอุปสรรคอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการขาดการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตารางเวลาและการประกาศหยุด [19] แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่ารถยนต์ที่ได้รับการพิจารณารูปแบบการใช้งานได้มากขึ้นของการขนส่งที่พวกเขาไม่ได้ จำกัด ที่จะเป็นเส้นทางที่คงที่และกำหนดการ.
ในปี 2004 Jernigan สถาบันวิจัยวางสภาแห่งชาติของคนตาบอดของ "ท้าทายคนขับรถคนตาบอด"
[11] ซึ่งท้าทาย
นักวิจัยและนวัตกรรมในการพัฒนาเทคโนโลยีอินเตอร์เฟซที่สามารถช่วยให้คนตาบอดที่จะขับรถเป็นอิสระที่จะเพิ่มการเคลื่อนไหวของพวกเขา ในที่ผ่านมาปีที่ยานพาหนะของตนเองหลายได้รับการพัฒนา [10 27] สะดุดตามากที่สุด, ที่จอดรถคนขับของ Google. ในการทดลองที่ผ่านมายานพาหนะของตนเองได้รับการประสบความสำเร็จในการใช้งานโดยคนตาบอดคนที่จะได้รับร้านขายของชำหรืออาหาร [6]. ความท้าทายคนขับรถคนตาบอด แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นความทะเยอทะยานมากขึ้นโดยรวมถึงบทบาทของแต่ละบุคคลสำหรับคนตาบอดเป็นนักบินเกินกว่าจะเป็นผู้โดยสารที่เพิ่งมีปลายทาง ความท้าทายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยการทำให้คนขับรถคนตาบอดเพื่อให้ข้อมูลในการตัดสินใจขับรถเช่นพวงมาลัยและรักษาความเร็วใช้อินเตอร์เฟซ nonvisual ที่สามารถถ่ายทอดเวลาจริงข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม[11]. มีอีกเหตุผลที่สำคัญในการตรวจสอบว่าเป็น คนตาบอดสามารถขับรถ: กฎหมายปัจจุบันไม่อนุญาตให้คนตาบอดในการใช้ยานพาหนะของตนเองอย่างอิสระ กฎหมายทั้งในรัฐแคลิฟอร์เนียและฟลอริด้าจำเป็นต้องมีคนขับรถได้รับอนุญาตให้อยู่ในรถ. จะใช้เวลามากกว่าการควบคุมในกรณีที่มีความผิดปกติ [1] กระดาษนี้จะทำให้ผลงานดังต่อไปนี้ (1) เราปรับปรุงอินเตอร์เฟซที่พวงมาลัยสัมผัสการพัฒนาในการวิจัยก่อน[30 ] ดังกล่าวเพื่อช่วยให้บุคคลตาบอดอิสระคัดท้ายยานพาหนะในการติดตามนั้น (2) การศึกษาเปรียบเทียบกับอาสาสมัครสายตาและตาบอดระบุสิ่งที่ถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวงมาลัยและสิ่งที่ถูกต้องสามารถทำได้ด้วยอินเตอร์เฟซที่พวงมาลัย HAP-กระตุกของเรา; และ (3) เราจะตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์การขับขี่ก่อนที่มีผลต่อประสิทธิภาพพวงมาลัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความคล่องตัวลดลงและการสูญเสียที่ตามมาของความเป็นอิสระอย่างรุนแรงลดคุณภาพชีวิตของบุคคลที่ตาบอด และมักจะนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า การแยกทางสังคม , จำกัด การเข้าถึงการศึกษา และโอกาสการจ้างงานน้อยลง [ 14 , 23 ) แม้ว่าต่างๆกลางแจ้ง [ 28 , 29 ) และระบบนำทางในร่ม [ 13 , 17 ) ที่ได้รับการพัฒนาข้อจำกัดสำคัญของการเป็นระบบเหล่านี้สนับสนุนเท่านั้นที่เดินได้ เดินทางขนาดใหญ่ระยะทางตาบอดผู้ใช้มักจะพึ่งพาการขนส่งสาธารณะ ถึงแม้ว่าการขนส่งสาธารณะที่สามารถใช้ได้อย่างกว้างขวางในเขตเมือง ในชนบทเข้าถึงอาจจำกัดบุคคลตาบอดยังอาจพบอุปสรรคสำคัญ เนื่องจากขาดการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับตารางเวลาและการประกาศหยุด [ 19 ] แม้ว่าราคาแพงมากขึ้น รถยนต์จะถือว่าเป็นรูปแบบที่มีประโยชน์มากขึ้นในการขนส่งที่พวกเขาจะไม่ จำกัด การกำหนดเส้นทางและตาราง .
ใน 2547การโพสเจอร์นิแกนสถาบันวิจัยแห่งชาติคนตาบอด " คนตาบอดขับรถท้าทาย "
[ 11 ] ซึ่งท้าทายนักวิจัยและนักประดิษฐ์พัฒนา
เทคโนโลยีอินเตอร์เฟซที่สามารถช่วยคนตาบอดขับรถอย่างอิสระเพื่อเพิ่มความคล่องตัวของพวกเขา ในล่าสุด
ปี รถยนต์อิสระจำนวนมากได้รับการพัฒนา [ 10 : 27 ] , โดยเฉพาะ รถ driverless Google
ในการทดลองล่าสุด ยานพาหนะในกำกับได้ถูกใช้โดยคนตาบอด
รับของชำหรืออาหาร [ 6 ] .
ท้าทายคนขับรถตาบอด แต่มุ่งหวังที่จะทะเยอทะยานมากขึ้น โดยรวมถึงบทบาท สําหรับบุคคลที่ตาบอดเป็นนักบินเกินจะเป็นผู้โดยสารที่เพิ่งมีปลายทาง ความท้าทายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรม โดยให้คนขับรถขับรถคนตาบอดเพื่อให้ข้อมูลการตัดสินใจเช่นความเร็วในการขับขี่และการรักษาโดยใช้อินเตอร์เฟซ nonvisual ที่สามารถถ่ายทอดเรียลไทม์
ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม [ 11 ] .
มีอีกเหตุผลสำคัญเพื่อตรวจสอบวิธีการที่คนตาบอดสามารถขับรถไม่กฎหมายปัจจุบันอนุญาตให้คนตาบอดที่จะใช้ยานพาหนะในกำกับของรัฐอิสระ กฎหมายในแคลิฟอร์เนียและฟลอริดามีทั้งไดรเวอร์ใบอนุญาตอยู่ในรถ
ดูแลควบคุมในกรณีของความผิดปกติ [ 1 ] .
กระดาษนี้ทำให้เงินสมทบ ( 1 ) เราปรับปรุงพัฒนาในด้านสัมผัสพวงมาลัยติดต่อก่อน 30
[ ]
ดังกล่าวเพื่อให้บุคคลตาบอดอิสระคัดท้ายยานพาหนะในการติดตาม ;( 2 ) ศึกษาเปรียบเทียบกับสายตาและตาบอดเพื่อระบุสิ่งที่ถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวงมาลัยและมีความถูกต้องสามารถทำได้ด้วยอินเตอร์เฟซของเราแฮปทิก พวงมาลัย และ ( 3 ) ศึกษาว่ามีผลต่อประสิทธิภาพก่อนประสบการณ์การขับรถพวงมาลัย