Antibiotic resistance genes (ARGs)

Antibiotic resistance genes (ARGs) have emerged as key factors in wastewater environmental contaminants and continue to pose a challenge for wastewater treatment processes. With the aim of investigating the performance of granular sludge system when treating wastewater containing a considerable amount of ARGs, a lab-scale granular sequencing batch reactor (GSBR) where flocculent and granular sludge coexisted was designed. The results showed that after inoculation of donor strain NH4+-N purification efficiency diminished from 94.7% to 32.8% and recovered to 95.2% after 10 days. Meanwhile, RP4 plasmid had varying effects on different forms of microbial aggregates. As the size of aggregates increased, the abundance of RP4 in sludge decreased. The residence time of RP4 in granules with particle size exceeding 0.9 mm (14 days) was far shorter than that in flocculent sludge (26 days). Therefore, our studies conclude that with increasing number of ARGs being detected in wastewater, the use of granular sludge system in wastewater treatment processes will allow the reduction of ARGs transmissions and lessen potential ecological threats.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ยีนต้านทานยาปฏิชีวนะ (อาร์กิวเมนต์) ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการบำบัดน้ำเสียปนเปื้อนสิ่งแวดล้อม และยังก่อให้เกิดความท้าทายสำหรับน้ำเสียกระบวนการบำบัด เครื่องระดับห้องปฏิบัติการลำดับเม็ดชุดปฏิกรณ์ (GSBR) ที่พึ่ง flocculent และเม็ดตะกอนถูกออกแบบมา ด้วยจุดมุ่งหมายของการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบเม็ดตะกอนเมื่อบำบัดน้ำเสียที่ประกอบด้วยค่าจำนวนมาก ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า หลังจาก inoculation ของบริจาคต้อง NH4 + -N บริสุทธิ์ประสิทธิภาพลดลงจาก 94.7% 32.8% และกู้ 95.2% หลังจาก 10 วัน ในขณะเดียวกัน RP4 plasmid มีผลแตกต่างกันในรูปของจุลินทรีย์ผล ตามขนาดของผลเพิ่มขึ้น ความอุดมสมบูรณ์ของ RP4 ในตะกอนลดลง เวลาพำนักของ RP4 ในเม็ดอนุภาคขนาดที่เกิน 0.9 มม. (14 วัน) เป็นไกลน้อยกว่าในตะกอน flocculent (26 วัน) ดังนั้น เราศึกษาสรุปว่า ด้วยการเพิ่มจำนวนของอาร์กิวเมนต์ที่ถูกตรวจพบในน้ำเสีย การใช้ระบบเม็ดตะกอนในกระบวนการบำบัดน้ำเสียจะช่วยให้การลดลงของการส่งค่า และลดภัยคุกคามระบบนิเวศ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เชื้อดื้อยาปฏิชีวนะยีน (ARGs) ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมน้ำเสียและดำเนินการต่อเพื่อก่อให้เกิดความท้าทายสำหรับกระบวนการบำบัดน้ำเสีย โดยมีวัตถุประสงค์ของการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบตะกอนเม็ดเมื่อการบำบัดน้ำเสียที่มีจำนวนมากของ ARGs ที่ห้องปฏิบัติการขนาดเม็ดลำดับเครื่องปฏิกรณ์ (GSBR) ที่ตกตะกอนและตะกอนเม็ดพึ่งได้รับการออกแบบ ผลการศึกษาพบว่าหลังจากการฉีดวัคซีนสายพันธุ์บริจาค NH4 + -N ประสิทธิภาพบริสุทธิ์ลดลงจาก 94.7% เป็น 32.8% และกู้คืนไป 95.2% หลังจาก 10 วัน ในขณะเดียวกันพลาสมิด RP4 มีผลที่แตกต่างกันในรูปแบบที่แตกต่างกันของมวลรวมของจุลินทรีย์ เป็นขนาดของมวลรวมที่เพิ่มขึ้นความอุดมสมบูรณ์ของ RP4 ในกากตะกอนลดลง เวลาที่พำนักของ RP4 ในเม็ดที่มีขนาดอนุภาคเกิ​​น 0.9 มิลลิเมตร (14 วัน) ก็ยังห่างไกลสั้นกว่าว่าในตกตะกอนตะกอน (26 วัน) ดังนั้นการศึกษาของเราสรุปได้ว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น ARGs ถูกตรวจพบในน้ำเสียที่ใช้ระบบตะกอนเม็ดในกระบวนการบำบัดน้ำเสียจะช่วยให้การลดลงของการส่ง ARGs และลดภัยคุกคามระบบนิเวศที่มีศักยภาพ