where εl and εt are the longitudina

where εl and εt are the longitudinal and transversal strain,
respectively. The Poisson ratio is - εl / εt. This ratio varies
from 0 to 0.5 for most materials. The rare auxetic materials are
exceptions; they have a negative Poisson ratio.
The electrical resistance of a conductor (in our case, the
strain gauge) is a function of its length and cross-sectional area.
Therefore, if its length increases and its area decreases, the
resistance will increase. This is established by the well known
Ohm’s law for resistivity, R:

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

εl และ εt ต้องใช้ระยะยาว และ transversalตามลำดับ อัตราส่วนของปัวซองเป็น - εl / εt อัตราส่วนนี้แตกต่างกันไปจาก 0 ถึง 0.5 สำหรับวัสดุต่าง ๆ วัสดุ auxetic หายากข้อยกเว้น มีราส่วนปัวซองเป็นลบความต้านทานไฟฟ้าของตัวนำ (ในกรณี การต้องใช้เกจ) เป็นฟังก์ชันของความยาวพื้นที่เหลวดังนั้น ถ้าความยาวเพิ่มขึ้น และลดลงของพื้นที่ การความต้านทานจะเพิ่มขึ้น นี้ก่อตั้งขึ้น โดยรู้จักกันดีกฎของโอห์มสำหรับความต้านทาน R:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ที่εlεtและเป็นสายพันธุ์ที่ยาวและขวาง,
ตามลำดับ อัตราส่วนปัวซองเป็น - εl / εt อัตราส่วนนี้จะแตกต่างกัน
0-0.5 สำหรับวัสดุมากที่สุด วัสดุ auxetic
ที่หายากมีข้อยกเว้น; พวกเขามีอัตราส่วนปัวซองเชิงลบ.
ความต้านทานไฟฟ้าของตัวนำ
(ในกรณีของเราวัดความเครียด) เป็นฟังก์ชันที่มีความยาวและพื้นที่หน้าตัดได้.
ดังนั้นถ้าความยาวของมันเพิ่มขึ้นและลดพื้นที่ของการต้านทานจะเพิ่มขึ้น
นี้จัดตั้งขึ้นโดยที่รู้จักกันดีกฎของโอห์มสำหรับความต้านทาน R:

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่ε L และ T เป็นεตามยาวและขวางเมื่อย
ตามลำดับ อัตราส่วนของปัวซง - ε L / ε . อัตราส่วนนี้แตกต่างกัน
0 - 0.5 วัสดุมากที่สุด วัสดุเซ็ตติกหายาก
ข้อยกเว้น พวกเขามีอัตราส่วนปัวซอลบ .
ความต้านทานไฟฟ้าของตัวนำ ( ในกรณีของเรา
วัดความเครียด ) เป็นฟังก์ชันของความยาวและพื้นที่ภาคตัดขวางของ .
ดังนั้นถ้าเพิ่มความยาวและพื้นที่ลดลง
ความต้านทานจะเพิ่มขึ้น นี้จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายรู้จักกันดี
โอห์มสำหรับความต้านทาน R :