งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตราส่วนของอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตของผ้าฝ้าย โดยได้นำอนุภาคนาโนไทเทเนียม ไดออกไซด์มาเคลือบลงบนผ้าฝ้ายด้วยวิธี Pad-Dry-Cure ในอัตราส่วนระหว่างอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ต่อน้ำ DI คือ 3:100 กรัมต่อมิลลิลิตร 6:100 กรัมต่อมิลลิลิตร และ 9:100 กรัมต่อมิลลิลิตร จากนั้นนำไปวิเคราะห์ลักษณะรูปร่าง การกระจายตัว ขนาด และปริมาณของไทเทเนียม ไดออกไซด์ (TiO2) ที่เคลือบลงบนผ้าฝ้ายด้วยวิธี Pad-dry-cure พบว่า ผ้าฝ้ายที่เคลือบอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ที่อัตราส่วนต่างๆ จะมีอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ยึดเกาะอยู่บนพื้นผิวของผ้าฝ้าย โดยเพิ่มขึ้นเมื่อเพิ่มปริมาณอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ในสารละลาย นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบปริมาณอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ที่ยึดเกาะอยู่บนพื้นผิวของผ้าฝ้ายด้วยเครื่อง วิเคราะห์ธาตุ (EDX) พบว่าผ้าฝ้ายที่เคลือบในอัตราส่วน 9:100 กรัมต่อมิลลิลิตรจะมีปริมาณอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ยึดเกาะมากที่สุด ซึ่งปริมาณอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ที่ยึดเกาะอยู่บนพื้นผิวของผ้าฝ้ายจะเพิ่มขึ้นเมื่อเพิ่มปริมาณอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ในสารละลายเช่นเดียวกัน โดย จากนั้นนำไปวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีรังสีอัลตราไวโอเลต พบว่า เมื่อเพิ่มปริมาณของอนุภาคนาโนไทเทเนียมไดออกไซด์ ประสิทธิภาพการป้องกันรังสีรังสีอัลตราไวโอเลตของผ้าฝ้ายก็จะเพิ่มขึ้น โดยผ้าฝ้ายที่เคลือบในอัตราส่วน 9:100 กรัมต่อมิลลิลิตร มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีได้ดีที่สุด