n South Africa, wine production ref

n South Africa, wine production reflects the dichotomy of a time rich in opportunity yet troubled with social and economic struggle. The struggling tides of Apartheid prevented much of the wine industry’s growth and fostered a demoralized work force. As it broke apart in the 1990’s, Fair Trade wine became one such avenue to invigorate the wine market and communities among them.

The Emerging South African Wine Market


During Apartheid, South African vineyards were largely controlled by Afrikaners (Dutch and other European settlers), who many times paid vineyard workers on the premises of trade rather than cash. Wine was largely a form of payment for labor, perpetuating alcoholism and a cycle of dependence from workers to the vineyard owners.



Even today, opportunities for work can be few and far between as the South African wine market continues to develop, forcing laborers to take vineyard jobs in conditions well below their deserved wages and working conditions. In recent years, vineyard workers have coined the term as “the hunger wage” because they are receiving barely enough to live on let alone thrive alongside the global South African wine market. (Guardian Africa Network 2012).



Opportunity for social and economic change emerged as Apartheid broke apart, and Fair Trade wine practices became once such avenue to solicit change in the vineyards and beyond. Fair Trade Certified™ (FTC) is a global certification model that enables equitable trade and labor practices and allows buyers to quickly identify if products were produced ethically. More specifically, it helps negotiate minimum floor prices for goods, safe working conditions, sustainable wages, and community development, to name a few.



Fair Trade, the Black Economic Empowerment Model, and Wine


Because Fair Trade certifies equitable trade and labor statuses at the outset, it helps to break the cycle of poverty this emerging wine industry encounters while empowering communities to band together in favor of human rights. The Black Economic Empowerment (BEE) program, for one, is a program established by the South African government to remedy the effects Apartheid had on marginalized groups through equal opportunities. The BEE is working hand-in-hand with the Fair Trade movement throughout South Africa’s vineyards. Maya Spaull, Director of New Category Innovation at Fair Trade USA, explains what this collaboration between the BEE and Fair Trade looks like in practice.



“How do you place more opportunities into the hands of marginalized groups in South Africa?” Spaull said. “With Fair Trade certification, workers actually own a percentage of the vineyard or the wine brand. There is a sense of ownership and incredible buy in because they have shares in the business. In some cases, you have workers and management on an equal footing and collaborating for the first time.”



Through Fair Trade, vineyard workers organize into co-operatives or workers associations, using power in numbers to maximize their economic benefits and to amplify their decision-making power. For example, they set up co-ops that guarantee their minimum selling prices, plus receive a $0.06 Fair Trade premium (negotiated in part by organizations like Fair Trade USA). This premium then goes into a bank account where, as a whole, they decide responsible use of the funds to improve their business or communities, such as through clean water initiatives and HIV prevention programs.


Fair Trade in Action


Since the 1990’s, Fair Trade USA has worked with 1.5 million farmers and helped facilitate $220 million in additional income. Fair Trade USA aligns importers, distributors and retailers in the U.S. with registered producers across the world to source Fair Trade Certified products. When consumers purchase products that feature the FTC logo, more of their dollars go directly back to benefitting Fair Trade farming communities.



Heritage Link Brands is an importer of South African wines in the United States with a committed focus on sustainability and social responsibility. They offer Fair Trade wines such as One World and the newly launched Thembu FTC House of Mandela brand. Created in partnership with Nelson Mandela’s daughter and granddaughter, the House of Mandela is deeply committed to connecting community through wine by promoting social programs, committing to charities, and working with producers under Fair Trade conditions.



“When South African wine growing communities receive this [Fair Trade] benefit, they are increasingly self- empowered to improve their livelihoods,” Spaull said. “We are at an incredible crossroads with Fair Trade and social sustainability in general. Consumers are purchasing products that are not only healthy and safe for themselves but that are good for others and good for the planet. With Fair Trade wine in particular, there is a tremendous opportunity to enlist more companies to develop Fair Trade wine brands and to educate wine drinkers about what it means.”



Ready for Part 2? Take a closer look into what Fair Trade in action looks like in the United States and how Fair Trade wine is connecting communities beyond the grape.



Lauren Barnard is the owner of Taproot Wines, a sustainable wine company. Learn more about the sustainably produced South African wines in Taproot’s wine portfolio and how Taproot’s story began, thanks to South African wines

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แอฟริกาใต้ n ผลิตไวน์สะท้อน dichotomy เวลาที่เต็มไปด้วยโอกาส แต่ปัญหากับการต่อสู้ทางสังคม และเศรษฐกิจ น้ำของ Apartheid ดิ้นรนป้องกันมากเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมไวน์ และเด็ก ๆ บังคับทำงานรอด เป็นเรื่องยากจนแยก 1990 ' s ไวน์แฟร์เทรดเป็น ถนนหนึ่งดังกล่าวให้แก่ตลาดไวน์และชุมชนในหมู่พวกเขาเกิดตลาดไวน์แอฟริกาใต้ในระหว่างการถือผิว ไร่องุ่นที่แอฟริกาใต้ถูกส่วนใหญ่ควบคุม โดย Afrikaners (ดัตช์ และอื่น ๆ ยุโรปตั้งถิ่นฐาน), ที่หลายครั้งจ่ายงานองุ่นสถานค้าแทนเงินสด ไวน์ส่วนใหญ่แบบฟอร์มการชำระเงินสำหรับค่าแรง การเกิดโรคพิษสุราเรื้อรังและวงจรการพึ่งพาจากคนเจ้าขององุ่นได้ แม้วันนี้ โอกาสในการทำงานได้หยอมแหยมเป็นแอฟริกาใต้ไวน์ตลาดยังคงพัฒนา บังคับให้แรงของการบุกเบิกใช้งานองุ่นในสภาพต่ำกว่าค่าจ้างของพวกเขาสมควรได้รับดีและสภาพการทำงาน ในปีที่ผ่านมา คนองุ่นได้เป็นคำที่เป็น "ค่าจ้างความหิว" เนื่องจากพวกเขาได้รับแทบไม่พอที่จะอาศัยอยู่ใน ประสาที่เจริญเติบโตควบคู่ไปกับตลาดไวน์แอฟริกาใต้โลก (ผู้ปกครองแอฟริกาเครือข่าย 2012) โอกาสสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และเศรษฐกิจเกิด Apartheid ยากจนออกจากกัน และปฏิบัติธรรมค้าไวน์เป็นครั้ง เช่นถนนการเรี่ยไร ในไร่องุ่น และนอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลง ™รับรองแฟร์เทรด (FTC) เป็นรูปแบบใบรับรองสากลที่ช่วยให้การค้าเป็นธรรม และปฏิบัติแรงงาน และช่วยให้ผู้ซื้อได้อย่างรวดเร็วระบุถ้าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตตามหลักจริยธรรม อื่น ๆ โดยเฉพาะ จะช่วยเจรจาต่อรองราคาชั้นต่ำสุดสำหรับสินค้า สภาพการทำงานที่ปลอดภัย ค่าจ้างอย่างยั่งยืน และชุมชน พัฒนา เพื่อชื่อไม่กี่ แฟร์เทรด แบบจำลองทางเศรษฐกิจอำนาจสีดำ และไวน์เนื่องจากแฟร์เทรดรับรองการค้าที่เป็นธรรมและสถานะแรงที่มือ มันช่วยให้ทำลายวัฏจักรแห่งความยากจนนี้อุตสาหกรรมไวน์ที่พบในขณะที่ชุมชนดำเนินการวงเข้าด้วยกันสามารถสิทธิมนุษยชน โปรแกรมเสริมสร้างพลังอำนาจทางเศรษฐกิจของดำ (ผึ้ง) หนึ่ง เป็นโปรแกรมที่ก่อตั้งขึ้น โดยรัฐบาลแอฟริกาใต้เพื่อแก้ไขผลกระทบ Apartheid มีกลุ่มมีด้วยเท่ากับ ผึ้งจะทำมือในมือกับการเคลื่อนไหวของแฟร์เทรดทั่วทั้งไร่องุ่นของแอฟริกาใต้ Spaull มายา กรรมการของประเภทนวัตกรรมใหม่ที่สหรัฐอเมริกาแฟร์เทรด อธิบายการร่วมมือกันระหว่างผึ้งและแฟร์เทรดลักษณะในทางปฏิบัติ "ว่าคุณทำในมือของกลุ่มมีโอกาสในแอฟริกาใต้" Spaull กล่าวว่า "แฟร์เทรดประกาศนียบัตร ผู้ปฏิบัติงานจริงของตัวเองเปอร์เซ็นต์ของทั้งทะเลหรือแบรนด์ไวน์ มีความรู้สึกเป็นเจ้าของและซื้อมากใน เพราะพวกเขามีหุ้นในธุรกิจ ในบางกรณี คุณมีแรงงานและการจัดการบนหลักความเท่าเทียมกันและการร่วมมือกันครั้งแรก" ผ่านแฟร์เทรด องุ่นคนจัดเป็นสมาคมสหกรณ์หรือผู้ปฏิบัติงาน ใช้พลังงานตัวเลข เพื่อเพิ่มประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และขยายอำนาจตัดสินใจ ตัวอย่าง พวกเขาตั้งค่า co-ops ที่รับประกันราคาขายขั้นต่ำของพวกเขา บวกรับพรีเมี่ยมแฟร์เทรด $0.06 (เจรจาในส่วนองค์กรเช่นสหรัฐอเมริกาแฟร์เทรด) พรีเมี่ยมนี้แล้วไปเข้าบัญชีธนาคารที่ ทั้งหมด พวกเขาตัดสินใจรับผิดชอบใช้เงินเพื่อปรับปรุงธุรกิจของตนหรือชุมชน เช่นโครงการน้ำสะอาดและโปรแกรมป้องกันเอชไอวี แฟร์เทรดในการดำเนินการตั้งแต่ 1990 ' s สหรัฐอเมริกาแฟร์เทรดได้ทำงานกับเกษตรกร 1.5 ล้าน และช่วยอำนวยความสะดวก 220 ล้านดอลลาร์รายได้เพิ่มเติม สหรัฐอเมริกาแฟร์เทรดจัดผู้นำเข้า จัดจำหน่าย และร้านค้าปลีกในสหรัฐฯ มีผู้ผลิตที่จดทะเบียนทั่วโลกสินค้าแฟร์เทรดได้รับการรับรองแหล่ง เมื่อผู้บริโภคซื้อผลิตภัณฑ์คุณลักษณะที่โลโก้ FTC ขึ้นของดอลลาร์โดยตรงกลับไปสั่งแฟร์เทรดเกษตรชุมชน เฮอริเทจเชื่อมโยงแบรนด์เป็นผู้นำเข้าไวน์แอฟริกาใต้ในสหรัฐอเมริกาด้วยความมุ่งมั่นในความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม มีไวน์แฟร์เทรดหนึ่งโลกและแบรนด์ Thembu เหมือนบ้านของมันเดลาเริ่มใหม่ สร้างร่วมกับลูกสาวและพระเนลสันมันเดลา บ้านของมันเดลาได้ลึกให้เชื่อมต่อชุมชนผ่านไวน์โดยการส่งเสริมสังคมโปรแกรม committing เพื่อองค์กรการกุศล และทำงานกับผู้ผลิตภายใต้เงื่อนไขที่แฟร์เทรด Spaull กล่าวว่า "เมื่อชุมชนเติบโตไวน์แอฟริกาใต้ได้รับสวัสดิการนี้ [แฟร์เทรด] จะขึ้นเอง-อำนาจในการปรับปรุงวิถีชีวิตของพวกเขา "เราอยู่ที่ครอสโร้ดเหลือเชื่อกับแฟร์เทรดและความยั่งยืนทางสังคมทั่วไป ผู้บริโภคจะซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่มีสุขภาพดี และปลอดภัยสำหรับตัวเอง แต่ที่ดีสำหรับคนอื่น และดีในโลก ด้วยไวน์แฟร์เทรด โดยเฉพาะ มีโอกาสมหาศาลเข้าบริษัท เพื่อพัฒนาแบรนด์ไวน์แฟร์เทรด และดื่มไวน์เกี่ยวกับความหมายรู้" พร้อมสำหรับส่วนที่ 2 หรือไม่ ใช้เวลามองใกล้แฟร์เทรดในการดำเนินการลักษณะในสหรัฐอเมริกาและวิธีไวน์แฟร์เทรดเป็นเชื่อมต่อชุมชนนอกเหนือจากองุ่น Lauren Barnard เป็นเจ้าของ Taproot ไวน์ ไวน์บริษัทอย่างยั่งยืน เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับไวน์แอฟริกาใต้ผลิตฟื้นฟูของ Taproot พอร์ตไวน์และวิธีของ Taproot เรื่องเริ่ม ด้วยไวน์แอฟริกาใต้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

N แอฟริกาใต้ การผลิตไวน์จากขั้วของเวลามากมายในโอกาสยังเป็นทุกข์กับการต่อสู้ทางสังคมและเศรษฐกิจ สู้กระแสเหยียดผิวให้มากของการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมผลิตไวน์และเสริมสร้างขวัญ งานแรง มันแตกออกจากกันในปี 1990 , ไวน์ Fair Trade กลายเป็นเช่นถนนเพื่อไปยังตลาดไวน์และชุมชนของพวกเขา .